มาถึงวันที่หมอนัดเวทมนต์เพื่อไปตรวจดูอาการ เปลวยังคงไม่ได้กลับมาแม้เวลาจะผ่านไปกว่าสองเดือนกว่าแล้วก็ตาม งานที่ไนจีเรียยังไม่เรียบร้อยเขาจึงกลับมาไม่ได้ อีกทั้งยังวางใจว่าบลูเบลล์จะดูแลลูกชายเพียงคนเดียวของเขาได้เป็นอย่างดี
“เตรียมของเรียบร้อยหรือยัง?” เวทมนต์เอ่ยถามขึ้นมาเพราะเขาไม่อยากเสียเวลาที่จะต้องกลับมาเอาอะไร
“เรียบร้อยแล้วค่ะ เดี๋ยวเราลงไปทานข้าวกันก่อน ค่อยไปโรงพยาบาล คุณพ่อโทรมาบอกว่าแจ้งคุณหมอไว้เรียบร้อยแล้ว” เวทมนต์พยักหน้ารับ ช่วงหลังมานี้ดูเหมือนเขาจะเริ่มอยู่กับเธอได้อย่างดีบ้างแล้ว แต่ก็ยังคงมีบ้างที่จะชอบพูดจาทำร้ายเธออยู่เรื่อย ๆ ที่สำคัญในทุกวันเขาต้องได้มีเซ็กกับเธอไม่งั้นเขาจะหงุดหงิด
“พ่อโทรหาเธอเมื่อไหร?” เมื่อมาถึงโต๊ะทานข้าว เวทมนต์เอ่ยถามในเรื่องที่ค้างคาใจ
“เมื่อคืนค่ะ”
“ทำไมพ่อไม่โทรหาฉัน” บลูเบลล์เงียบเพราะไม่รู้จะตอบว่ายังไง ในเมื่อเธอไม่รู้เหมือนกัน
“ช่างมันเถอะ” พอรู้ว่าจะไม่ได้คำตอบ เขาก็เลิกใส่ใจ แต่แล้วเสียงสมาร์ททีวีที่กำลังเปิดอยู่ก็ดึงความสนใจไปจากเวทมนต์เพราะชื่อของคนที่เขาไม่ได้ยินมานานถูกเอ่ยถึงในข่าวครั้งนี้ ในรายการคนดังบันเทิง
“มาถึงข่าวที่กำลังเป็นกระแสตอนนี้นะคะ ที่มีรูปหลุดของคุณน้ำฟ้านางแบบชื่อดังกำลังเดทกับหนุ่มปริษนา…” เวทมนต์หูดับเมื่อได้ยินว่าคนรักเก่าของเขากำลังเดทกับคนอื่น โดยที่เขายังอยู่ที่เดิมกับความรู้สึกเดิม ๆ เธอไปเริ่มต้นใหม่แล้ว แต่เขาไม่ได้ไปไหนเลย
“ปิดซะ!”
“ว่าไงนะคะ?” บลูเบลล์มั่วแต่ตั้งใจฟังจึงไม่ได้ยินเท่าไหร่ เธอไม่รู้ว่าน้ำฟ้าผู้เป็นคนรักของเวทมนต์คือคนในข่าวที่เธอกำลังให้ความสนใจ เพราะเธอถือว่าเป็นแฟนคลับของน้ำฟ้าเลยก็ว่าได้
“ฉันบอกให้ปิด หูหนวกหรือไงว่ะ!” บลูเบลล์รีบกดปิดทีวีจากรีโมทด้วยความหวาดหวั่น เธอไม่รู้สาเหตุที่ทำให้เขาเป็นแบบนี้ ก่อนจะมานึกได้ว่าแฟนเก่าของเวทมนต์ชื่อน้ำฟ้า
“หนูขอโทษนะคะ”
“ฉันไม่กินแล้ว จะไปรอที่รถ” เวทมนต์ค่อย ๆ ลุกจากที่นั่งและเริ่มใช้ไม้เท้านำทางไปยังรถ แต่เพราะสติและสมาธิของเขาไม่มี ชายหนุ่มเอาแต่คิดถึงเรื่องที่ได้ยินจนไม่ระวัง ก้าวพลาดบันไดหน้าประตูใหญ่
“คุณเวทมนต์!” บลูเบลล์ร้องเรียกดังลั่นด้วยความตกใจ แบงค์อยู่ห่างเกินกว่าจะคว้าได้ทัน เป็นบลูเบลล์เดินตามมาและคว้าเขาไว้แทน ด้วยน้ำหนักตัวที่หนักกว่าทำให้ทั้งคู่ล้มลง โชคร้ายคือบลูเบล์เป็นคนที่ได้รับแรงกระแทกเต็ม ๆ
“คุณเวทมนต์ หนูบลูเบลล์” แบงค์รีบวิ่งเข้ามาในทันทีและประคองเวทมนต์ให้ลุกขึ้น
“บลูเบลล์ เธอล้มเหรอ?” เวทมนต์ถาม สีหน้าของเขาแสดงความตกใจออกมาชัดเจน
“ไม่เป็นไรค่ะ คุณเวทมนต์เจ็บตรงไหนมั้ยคะ?” บลูเบลล์พยายามจะลุกมาดูร่างกายของชายหนุ่ม แต่แขนของเธอกลับไม่สามารถค้ำยันรับน้ำหนักได้
“โอ๊ย!”
“เธอเป็นอะไรน่ะ?” เวทมนต์รีบถามเมื่อได้ยินเสียงอีกฝ่ายร้องเสียงหลงแบบนั้น
“ขะ..แขนหนู” หญิงสาวหน้าซีดเพราะรู้ถึงความผิดปกติของร่างกาย
“ลุงแบงค์ ผมยืนได้ ไปช่วยเธอ” น้ำเสียงที่ดูร้อนรนของเขาทำให้บลูเบลล์ที่กำลังกลัวความเจ็บยิ้มได้บ้าง อย่างน้อยที่เขาแสดงออกตอนนี้มันก็ดีว่าเหมือนเขาจะเป็นห่วง แต่มันก็แค่เหมือน เธอไม่กล้าจะเข้าข้างตัวเองขนาดนั้น
“โทรหาไอดีให้กู” เมื่อพากันขึ้นมาบนรถแล้ว เวทมนต์เอ่ยสั่งการ์ดที่นั่งมากับแบงค์เสียงเข้ม
“นี่ครับ” หลังจากกดโทรเรียบร้อย การ์ดก็ส่งโทรศัพท์ส่งคืนให้เจ้านายหนุ่ม
“ว่าไง?” ไอดีเอ่ยทักทายคนที่เขาไม่ค่อยเห็นเบอร์โทรเข้ามาบ่อยมากนัก เพราะเจ้าตัวไม่ค่อยสุงสิงกับใครสักเท่าไหร่ในช่วง ห้าเดือนหลังมา
“เตรียมหมอให้กู”
“เตรียมให้แล้ว อาเปลวโทรมาสั่งตั้งแต่เมื่อวาน”
“ไม่ใช่หมอกู กูหมายถึงหมออีกคน” ไอดีแปลกใจไม่น้อย
“ที่บ้านมึงใครเป็นอะไร?” เขาถามเพื่อนชายด้วยความร้อนใจเพราะกลัวว่าเวทมนต์นั้นจะเจ็บไปด้วย ยิ่งเขามองไม่เห็นแบบนี้คนรอบข้างยิ่งไม่วางใจ
“คู่หมั้นกู” ไอดีเงียบกริบเมื่อได้ยินแบบนั้น
“เตรียมให้กูด้วย ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงกูจะถึง”
“อืม” จากนั้นเขาก็กดวางสาย และวางโทรศัพท์ที่ข้างตัว
“เธอเจ็บมากหรือเปล่า?”
“ไม่เป็นไรค่ะ หนูทนได้” บลูเบลล์ที่เห็นสีหน้าไม่ดีของเวทมนต์ทำเอาเธอรู้สึกผิดที่ไม่ระมัดระวัง แต่ความจริงเป็นเวทมนต์ต่างหากที่ไม่ระวัง
“ทนหน่อย เดี๋ยวก็ถึงโรงพยาบาลแล้ว”
“ค่ะ”
“ขับเร็ว ๆ หน่อยลุงแบงค์” ไม่วายเขายังหันไปสั่งคนขับอีก
“ได้ครับ” แบงค์อมยิ้มบาง ๆ ที่เห็นว่าเวทมนต์เริ่มมีความรู้สึกห่วงคนอื่นบ้างแล้ว โดยเฉพาะเขารู้สึกแบบนี้กับบลูเบลล์มันเป็นเรื่องที่น่ายินดีไม่น้อยเลย
พอมาถึงโรงพยาบาล แบงค์ถูกสั่งให้ไปคอยดูบลูเบลล์ตอนตรวจ ส่วนเวทมนต์เลือกจะไปกับการ์ดอีกคน เขาไม่อยากให้ร่างบางมาอดทนเจ็บเพื่อฟังว่าอาการของเขาเป็นยังไง
“คุณเวทมนต์ครับ ผมอยากแนะนำเหมือนทุกครั้งที่มา รีบรักษาเถอะนะครับ ก่อนที่จะไม่มีโอกาส”
“ถ้าผมผ่าตัด ผมจะมีสิทธิ์หายมากแค่ไหน?” เวทมนต์เอ่ยถามแบบนั้นทำเอาหมอมีความหวัง
“หายแน่นอนครับ แต่อาจจะต้องใช้ระยะเวลาในการฟื้นตัวสักนิด” เขาไม่ได้ตกลงที่จะรักษาเพียงแค่พยักหน้ารับเบา ๆ
“รีบตัดสินใจนะครับ หมอกลัวว่าทิ้งไว้นานกว่านี้มันจะรักษายาก”
“อืม” หลังตรวจเสร็จ การ์ดเตรียมจะพาเวทมนต์ไปรอที่รถ แต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่ยอม
“พาไปหาบลูเบลล์หน่อย”
“แต่ว่า…” สุดท้ายคำพูดที่อยากจะขัดเจ้านายก็ต้องกลืนลงไปอย่างเลี่ยงไม่ได้ ขนาดเขามองไม่เห็นแต่ยังสามารถทำให้ขนลุกกับแววตาแบบนั้นได้
“อ้าว ทำไมไม่พานายไปรอที่รถ?” แบงค์ที่เห็นเวทมนต์เดินมาห้องตรวจ จึงเอ่ยถามการ์ด
“ผมให้พามาเอง บลูเบลล์ล่ะ?”
“เหมือนจะต้องใส่เฝือกครับ” แบงค์รายงานตามสถานการณ์แต่ดูเหมือนมันทำให้เวทมนต์ขมวดคิ้ว
“เป็นเยอะมากเหรอ?”
“ครับ ตอนล้มเหมือนหนูบลูเบลล์จะเอาตัวเองกันไม่ให้คุณเวทมนต์แขนกระแทกขอบบันได” ยิ่งได้ยินแบบนั้นเวทมนต์ยิ่งหงุดหงิด
“โง่หรือไงว่ะ” เบาพูดเบา ๆ กับตัวเอง หงุดหงิดที่เธอต้องมาเจ็บตัวเพราะเขา แต่หากเธอไม่ทำแบบนั้น วันนี้เวทมนต์คงจะได้พบแพทย์ทีเดียวสองคน
และสุดท้ายก็เป็นไปตามคาด แขนขวาของบลูเบลล์จะต้องใส่เฝือกเพราะกระดูกแตก ซวยกว่านั้นคือเธอเป็นคนถนัดขวา นั่นหมายถึงว่าเธอจะไม่สามารถดูแลเวทมนต์ได้อย่างเต็มที่
หลังจากที่หมอใส่เฝือกเสร็จ แบงค์รับหน้าที่เป็นคนที่ไปเคลียร์ค่ารักษาพยาบาล ส่วนบลูเบลล์และเวทมนต์การ์ดพาเดินไปนั่งรอในรถ ตั้งแต่เธอออกจากห้องตรวจชายหนุ่มไม่พูดกับเธอสักคำเลย
“คุณโกรธหนูเหรอคะ?” เธออึดอัดและอยู่กับความเงียบแบบนี้ไม่ได้เลยเอ่ยถามไป
“ฉันจะไปโกรธเธอทำไม?”
“เอ่อ ที่หนูเจ็บตัว อาจจะทำให้ดูแลคุณได้ไม่มากพอ”
“ไม่หนิ ก็ดีแล้วเพราะถ้าเธอไม่เจ็บก็เป็นฉันที่เจ็บ” ปากร้าย ๆ ของเวทมนต์มันคงไม่สามารถเลิกได้เพียงเพราะแค่เธอเจ็บตัวหรอก ที่เธอคิดว่าเขาห่วงความจริงเขาแค่ห่วงตัวเอง ไม่ใช่เธอ
“อ๋อค่ะ” เธอพยายามจะทำเสียงให้สดใสที่สุด เวทมนต์รู้สึกได้ว่าเธอฝืน แต่เขาเลือกจะไม่พูดอะไรต่อและด่าทอตัวเองในใจแทนกับความปากไวแบบนี้
“เจ็บมากหรือเปล่าล่ะ?”
“ไม่มากค่ะ” ความจริงคือสวนทาง แต่หากพูดแบบนั้นไปเธอกลัวจะทำให้เขารู้สึกแย่ ซึ่งความจริงก็อาจจะไม่ได้เป็นแบบนั้นเลยก็ได้
“แบบนี้ก็ยังเอากันได้อยู่ใช่มั้ย?” เวทมนต์ก้มลงไปกระซิบเบา ๆ มันทำให้เธอเขินจนหน้าแดง แต่ไม่กล้าพูดตอบอะไรกลับมาเพราะกลัวว่าคนด้านหน้าจะได้ยิน
“ว่าไง ยังขย่มฉันได้หรือเปล่า” แต่ดูเหมือนคนเอาแต่ใจอยากจะให้เธอตอบ
“นะ..น่าจะได้ค่ะ”
“เดี๋ยวฉันจะช่วยประคองเธอเอง” เขาพูดและยิ้มบาง ๆ ก่อนจะดีดตัวมานั่งที่เดิม
ไม่นานรถก็เดินทางมาถึงบ้าน เวทมนต์มีการ์ดคอยรับ ส่วนบลูเบลล์เธอประคองตัวเองได้ไม่ลำบากมากนักจึงเดินเองและคอยรอเขาเพราะกลัวว่าเวทมนต์จะก้าวพลาดอีก
“ไม่ต้องรอฉัน เดินเข้าไปเถอะ แดดมันร้อน”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
“ฉันสั่ง ไม่ได้ขอร้อง อย่าขัด” น้ำเสียงดุ ๆ แบบนั้นทำให้เธอต้องยอมอย่างเลี่ยงไม่ได้
“คุณเวทมนต์จะขึ้นข้างบนเลยมั้ยครับ ลุงจะขึ้นไปส่ง”
“ผมไปเองได้อยู่ครับ ไม่เป็นไร” เขาไม่ชอบให้ใครเข้าไปในพื้นที่ส่วนตัวที่อยู่กับเธอโดยไม่จำเป็น เมื่อก่อนก็ไม่ขนาดนี้ แต่เดี๋ยวนี้นอกจากบลูเบลล์แทบไม่มีใครได้เข้าห้องเวทมนต์เลย แม่บ้านจากที่เคยไปได้ก็ไม่ได้เหมือนกัน
“แต่ว่า…”
“ผมไปได้ครับ” สุดท้ายแบงค์ก็เถียงไม่ได้ มันคือสิ่งที่เวทมนต์ต้องการ
“ทำอะไรอยู่?”
“ว๊าย!” บลูเบลล์ไม่ตั้งตัวเพราะไม่คิดว่าชายหนุ่มจะเข้ามา เธอจึงพยายามจะเปลี่ยนเสื้อที่สวมใส่อยู่
“ร้องทำไม เจ็บตรงไหน”
“ปะ..เปล่าค่ะ หนูแค่กำลังจะเปลี่ยนเสื้อ”
“แล้วไง อายฉันเหรอ ฉันมองไม่เห็นหรอก ถึงมองเห็นมันมีอะไรให้น่าอายอีก เอากันทุกวัน” เขาไหวไหล่สบาย ๆ และเดินไปนั่งที่เตียง
“คุณรอแปปนึงนะคะ หนูขอเข้าไปอาบน้ำก่อน ที่โรงพยาบาลมีเชื้อโรคเยอะ จัดการตัวเองเสร็จหนูจะรีบเตรียมน้ำให้คุณ”
“ไม่ต้องรีบ”
“คะ?” เธอทวนอย่างตกใจ ปกติเขาเร่งเธอทุกอย่างที่เธอทำเลยก็ว่าได้
“แขนเดี้ยงแบบนั้น รีบเดี๋ยวฉันก็ได้พาไปโรงพยาบาลอีกรอบ ค่อย ๆ ทำ วันนี้ฉันจะเป็นเด็กดีนั่งรอเธอ” บลูเบลล์หน้าแดงกับคำว่าเด็กดี มุมแบบนี้ของเวทมนต์น่ารักจนเธออยากถ่ายวิดีโอไว้เป็นความทรงจำ เผื่อวันนั้นที่คนรักของเขากลับมาแล้วเธอจะต้องไป เธอจะได้มีอะไรไว้ดูตอนที่คิดถึงเขา
“งะ..งั้นหนูไปอาบน้ำก่อนนะคะ” เธอเดินหันหลังจากไป ส่วนเวทมนต์หลุดยิ้มหลังจากรู้ว่าทำให้เธอเริ่มเสียอาการ
ความสุขหมดไปเมื่อเสียงข่าวบันเทิงเมื่อเช้าแทรกเข้ามาในหัวของเขา ใบหน้าของชายหนุ่มเรียบนิ่งไปเป็นคนละคน เขาคอยถามตัวเองมาตลอดว่านอกจากที่เขาตาบอดแล้วมีอะไรที่ทำให้น้ำฟ้าต้องทิ้งเขาไป แต่สุดท้ายก็ไม่มีคำตอบ
เขาเป็นคนรักที่บกพร่องตรงไหน เขาก็ว่าไม่ จากที่เคยเจ้าชู้หลับนอนกับผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า พอมีเธอเขาก็เลิกจนหมด ทำไมเธอถึงเลือกจากเขาไปง่ายดายขนาดนี้ และเวลาไม่กี่เดือนที่ผ่านมา มันทำให้เธอลืมเรื่องของเราได้ง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ ทำไมเธอทำได้แต่เขาทำไม่ได้
ตอนนี้เวทมนต์มีความคิดหลายอย่างเข้ามาเต็มหัวไปหมด รวมถึงเรื่องที่หมอแนะนำให้เขารักษา เขาคิดไม่ตก จากที่เคยมั่นใจว่าจะรอให้คนรักเก่าคิดได้และหวนคืนกลับมาก่อน เขาถึงจะยอม
ตอนนี้มันกลับไม่รู้สึกแบบนั้นแล้ว แต่เขาแค่ยังแยกไม่ออกว่าเพราะอะไร ระหว่างที่เขากำลังจะตัดใจได้ กับ การอยากหายดีเพื่อได้ไปตามง้อเธอ เรื่องของความรักมันไม่เคยง่ายเลยจริง ๆ
ความจริงระหว่างเขากับน้ำฟ้านั้นเป็นเรื่องละเอียดอ่อน หญิงสาวคนนั้นเริ่มจีบเขาก่อน แต่เพราะความน่ารักและสดใส เธอไม่เหมือนผู้หญิงที่เขาไปหลับนอนด้วย จึงทำให้เวทมนต์หลงไปกับมัน และท้ายสุดก็ลงเอยด้วยการคบกัน
โชคดีของน้ำฟ้าคือช่วงนั้นเวทมนต์เบื่อกับการใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อย เขาอยากมีสักคนข้างกายในวันที่เหนื่อยล้า น้ำฟ้าจึงเป็นคนที่เขาตกลงปลงใจว่าจะมั่นคงที่คนนี้ แต่สุดท้ายพอมันไม่เป็นดั่งที่หวัง พอเขาต้องเสียเธอไปเพราะอุบัติเหตุ มันจึงทำให้เวทมนต์ไม่อยากยอมรับความจริง
หลายต่อหลายคนที่บอกว่าน้ำฟ้าเห็นแก่ตัวที่เลือกทิ้งเขาไป แต่เจ้าตัวกลับไม่คิดแบบนั้นซ้ำยังพยายามเข้าใจเธอด้วยซ้ำ และหวังว่าเธอแค่ตัดสินใจไปด้วยความผิดพลาด ไม่ได้ไตร่ตรองให้ดีก่อน
เขาอยากให้เธอได้ทบทวน เฝ้ารอให้เธอกลับมา แต่มันก็ไม่ใช่เหมือนที่เขาคิดไว้เช่นเคย เธอเลือกทางใหม่ เลือกคนใหม่ที่มีประสิทธิภาพพอจะดูแล เวทมนต์จึงถามตัวเองซ้ำ ๆ ในวันนี้ ถ้าเขารักษาหาย ถ้าเขากลับมาปกติมองเห็นได้ เธอจะกลับมารักเขาเหมือนเดิมมั้ย
“คุณเวทมนต์คะ หนูเตรียมน้ำเสร็จแล้วค่ะ” ในระหว่างที่เขากำลังอยู่ในภวังค์ความคิดของตัวเอง จู่ ๆ เสียงของบลูเบลล์ก็ดังขึ้นมา
“บลูเบลล์”
“คะ?”
“เธอว่าถ้าฉันมองเห็นเหมือนเดิม ถ้าฉันหาย…”
“คุณต้องหายแน่นอนค่ะ” ยังไม่ทันจบประโยคที่เขากำลังจะถาม เธอก็ให้กำลังใจเขาเสียก่อน
“ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ๆ เธอว่าน้ำฟ้าจะกลับมาหาฉันมั้ย ถ้าฉันดูแลเขาได้ เขาจะกลับมาหรือเปล่า?”
“…”