เอวาหรืออีกชื่อที่เรียกในครอบครัวก็คืออีฟคือร่างใหม่ของเธอแม้จะยังไม่เข้าใจและงงอยู่บ้างแต่เธอคิดว่าเรื่องนี้เทพบรรพกาลต้องรู้เรื่องอย่างแน่นอน ถ้าเดาไม่ผิดผู้หญิงเจ้าของร่างคนนี้ดวงวิญญาณคงตายจากภพนี้ไปแล้วการจากลาและการเริ่มต้นใหม่ในครั้งนี้ถือเสียว่าเป็นการเกิดใหม่อีกครั้งก็แล้วกัน
เธอมองใบหน้าของตัวเองอยู่อย่างนั้นด้วยความไม่เคยชินดูเหมือนว่าที่นี่จะไม่เหมือนภพที่เธอจากมาที่นี่คือโลก แต่เป็นโลกที่แปลกประหลาดเธอว่าเธอเองก็เคยลงไปเที่ยวเล่นที่โลกเป็นบางครั้งแต่กลับไม่เคยรู้เลยว่ามีโลกแบบนี้อยู่ด้วย ทุกสิ่งอย่างดูทันสมัยไปเสียหมดจนปรับตัวไม่ทันอย่างน้อยเธอก็ไม่ได้ไม่ฉลาดไปเสียทีเดียวเพราะรู้ถึงวิธีการใช้งานเทคโนโลยีพวกนี้ อาจเป็นเพราะความเคยชินทำให้สามีของเธอไม่ได้แปลกใจที่ภรรยาเปลี่ยนไปราวคนละคนแต่ถึงอย่างนั้นสักวันเขาก็ต้องรู้อยู่ดีนั่นแหละ
ไม่วันใดก็วันหนึ่ง ยังไงก็ต้องรู้ว่าเธอไม่ใช่ภรรยาของเขา
แดร์เกอร์พาเธอมาตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลเพื่อความแน่ใจ โดยเขาอ้างกับเธอว่าไม่สามารถยกอุปกรณ์จากโรงพยาบาลและจากศูนย์วิจัยมาที่บ้านได้
ปกติมันก็ยกไปไหนไม่ได้อยู่แล้วหรือเปล่า?
“ครอบครัวของเราทำธุรกิจด้านการวิจัยและมีโรงพยาบาลเป็นของตัวเองหลายแห่งนะ” เดรกคือชื่อเล่นของสามีเขาตอบคำถามทันทีที่เห็นสีหน้าไม่เข้าใจของเธอที่แสดงออกมาให้เห็น
ดูเหมือนว่าครอบครัวฝายสามีจะร่ำรวยทีเดียว
แค่พวกเราก้าวขาเข้ามาในโรงพยาบาลทุกคนก็แทบอยากจะก้มกราบลงแทบเท้าไม่ว่าก้าวไปทางไหนทุกคนต่างโค้งให้เป็นการทำความเคารพทั้งนั้น สิ่งที่เธอรู้อีกอย่างหนึ่งในระหว่างทางจากบ้านมาที่นี่ก็คือต้นไม้ระยะทางจากบ้านมาที่โรงพญาบาลเธอแทบไม่เห็นต้นไม้เลยสักต้นแต่ก็ไม่ถึงกับไม่มีเสียทีเดียวมีให้เห็นบ้างประปลาย
พวกเราสองคนใช้เวลาตรวจร่างกายไม่นานนักยังไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็เสร็จแล้วสรุปก็คือร่างกายของเธออ่อนแอนิดหน่อยจากโรคเก่าและจากการที่แท้งใช้เจ้าของร่างนี้แท้งลูกจากอุบัติเหตุอะไรสักอย่าง เธอเองก็ตอบไม่ได้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้นเพราะจำอะไรในสมองไม่ได้เลย ยังไม่ทันที่จะเดินผ่านพ้นประตูโรงพยาบาลร่างของชายใส่สูทสูงกว่าเดรกเล็กน้อยเดินมากับใครคนหนึ่งผิวสีแทนใบหน้า
คมคายตรงเข้ามาสวมกอดเธอทันทีจนเดรกต้องแกะมือที่เหมือนกาวของเขาออกจากตัวเธอผู้เป็นภรรยา
“น้องสะใภ้ไม่เป็นอะไรมากใช่ไหม ร่างกายเธอเป็นยังไงบ้าง”
“เธอยังไม่หายดี พี่ไม่ควรเข้าใกล้เธอนะ”
“ช่างนายเถอะ ไอคนไม่ได้เรื่องแค่เมียคนเดียวก็ดูแลไม่ได้เธอไม่เป็นอะไรใช่หรือเปล่าได้ยินว่าความจำเสื่อมใช่ไหม”
“ค่ะ นิดหน่อย”
“ฉันว่าไม่นิดแล้วมั่ง” ชายผิวแทนยกยิ้ม
“ง งั้นเธอจำพี่ได้หรือเปล่า พี่ไง พี่อีวานไงพี่ชายสามีเธอเมื่อก่อนเราเกือบได้เป็นคู่หมั่นกันเลยนะ จำพี่คนดีคนหล่อคนนี้ไม่ได้จริงๆ เหรอ?” อีวานคือพี่ชายของเดรกสามีเพียงคนเดียวของเธอเขาตัวสูงว่าเล็กน้อยมีผมสีน้ำตาลแซมดำ ดวงตาสีน้ำตาลเข้าคู่กันทำให้น่ามองยิ่งกว่าเดิมแต่มีความใส่กว่าเดรกเล็กน้อยและมีรักยิ้มข้างขวา
เท่าที่ในสมองของเธอจะนึกออกอีวานเป็นผู้ชายเจ้าชู้มากเปลี่ยนผู้หญิงบ่อยเหมือนเปลี่ยนเสื้อผ้าตอนนี้ดูแลศูนย์วิจัยอยู่ แต่เดิมเธอเคยเกือบเป็นคู่หมั่นและต้องแต่งงานกับเขาตามสัญญาของคุณปู่ของทั้งคู่แต่เพราะท่านรู้ว่าอีวานไม่เหมาะสมกับเธอเท่าไรจึงให้เดรกเป็นคนแต่งแทน
ใช่ พวกเราแต่งงานเพราะสัญญาไม่ใช่เพราะรักแต่อย่างใด
ส่วนคนข้างๆ ในความทรงจำที่นึกได้พวกเราเจอกันไม่กี่ครั้งแทบนับครั้งได้เลยแต่ความทรงจำเลือนล่างมากนึกออกเท่านี้ก็นับว่าเก่งแล้ว ร็อกโก้เป็นชายผิวสีแทนรูปร่างกำยำเขาเป็นนักธุรกิจและเป็นเพื่อนสนิทพี่สามีของเธอด้วยเช่นกันและเพราะเป็นเพื่อนกันนี่แหละนิสัยจึงไม่ต่างกันเท่าไรนัก
“จริงสิ ฉันได้ยินจากอีวานว่าเธอพึ่งฟื้นเลยเอาของมาเยี่ยมเป็นโจ๊กทำจากข้าวสาลีแท้ๆ”
“ขอบคุณค่ะ”
“ไม่เป็นไรเธอเป็นน้องเพื่อนฉัน ก็เหมือนน้องของฉันนั้นแหละ” ผู้ชายที่ชื่อร็อกโก้ยกยิ้มแต่มันเป็นรอยยิ้มที่เธอไม่เชื่อสนิทใจเอาซะเลย จะยิ้มแบบดีใจก็ไม่ใช่จะสงสารก็ไม่เชิงถือเป็นผู้ชายที่ไม่ควรเข้าใกล้
ก็นะคงไม่เจอกันบ่อยหรอก ก็เราแต่งงานมีสามีมีลูกแล้วสิเนอะ
เพราะพีบีต้องไปโรงเรียนตั้งแต่เช้าวันทั้งวันจึงมีแต่ความเงียบเหงาเธอยังจำได้อยู่เลยว่าพีบีลูกของเธอง้อแงไม่อย่างจะไปเพราะอยากอยู่กับแม่มากกว่า เด็กคนนี้ติดแม่มากจริงๆ และต่อแต่นี้ไปเธอจะดูแลเด็กคนนี้แทนมารดาของเขาเองยังไงเขาเป็นถือว่าเป็นลูกของเธอเหมือนกัน
ช่างน่าแปลกที่หน้าตาของเอวาเหมือนกับเธอราวกับเคาะพิมพ์กันมา
มันจะประหลาดเกินไปแล้ว
“คุณไม่ไปทำงานเหรอ”
“ผมลางานนะ ร่างกายคุณยังไม่แข็งแรงดีจะปล่อยให้อยู่คนเดียวได้ยังไง” เดรกเดินมาจากในครัวพร้อมถ้วยข้าวต้มไร้วี่แววของโจ๊กของฝากที่เขาให้เธอมา เพราะหลังจากขึ้นรถกลับมาเขาก็แย่งไปถือเองบอกว่ากลัวเธอเหนื่อยดูจากสีหน้าระหว่างกลับมาบ้านเขาดูไม่ค่อยชอบเพื่อนพี่ชายคนนี้เท่าไรนัก
“แล้วของฝากล่ะ”
ที่ถามเพราะอยากกินหรอกนะ
“ผมทิ้งไปแล้ว ของแบบนั้นไม่อร่อยหรอกทานของผมดีกว่า” ผู้ชายตรงหน้าพูดจบก็วางข้าวต้มตรงหน้าเธอดูจากท่าทีสองสามวันที่ผ่านมาดูเหมือนว่าเขาจะใส่ใจเราพอสมควรเลย
ทุกๆ เช้าจะทำข้าวต้มให้เธอทานเพราะเจ้าของร่างไม่ชอบอะไรก็ตามที่มาจากพืชเทียมหรือก็คือพืชสังเคราะห์ ที่นี่พืชหรือผลผลิตทางการเกษตรเป็นสิ่งหายากมากและราคาสูง
ไม่มีใครรู้ว่าเป็นเพราะอะไรดินจากทั้งหมดมีเพียงแค่ 2% เท่านั้นที่สามารถปลูกพืชพรรณได้ส่วนที่เหลือไม่สามารถเพาะปลูกหรือใช้ทำอะไรได้อีก นั่นทำให้นักวิทยาศาสตร์และนักวิจัยต่างๆ ต้องทำงานกันอย่างหนักเพื่อทดแทนสิ่งที่หายไป ไม่แปลกที่จะไม่เห็นดอกไม้หรือต้นไม้ตามทาง
ผู้คนที่นี่จะทานพืชเทียมหรือพืชสังเคราะห์ที่สารอาหารใกล้เคียงกับผลไม้และพืชนั้นๆ ทำให้เกิดศูนย์วิจัยมากมายพวกเขาทำหน้าที่สังเคราะห์ เรียนรู้ ตัดต่อพันธุ์กรรมและทำให้พืชเหล่านั้นเติบโตขึ้นมาได้
และนั่นแหละคืออาชีพของแดร์เกอร์สามีของเธอยังไงล่ะ มีสามีเป็นนักวิทยาศาสตร์เลยนะขอบอก
หญิงสาวมองสามีของตัวเองอย่างไม่เข้าใจว่าทำไมต้องทิ้งของดีแบบนั้นลงถังขยะไปด้วย “ถ้ายังไม่ลองทานจะรู้ได้ยังไงว่าไม่อร่อย”
“ของแบบนั้นจากคนแบบนั้นไม่อร่อยหรอก เธออย่าไปยุ่งกับเจ้าหมอนั่นนะมันเป็นพวกไว้ใจไม่ได้รู้หรือเปล่า”
“อืม เข้าใจแล้ว”
“นี่เดรก”
“เรียกพี่สิ” ชายหนุ่มวัย 28 ปีกำลังป้อนข้าวต้นให้ภรรยาเอ่ยปากบอก
“พี่ เรามีเรื่องสงสัยว่าถ้าที่นี่ปลูกอะไรไม่ขึ้นแล้วทำไมที่บ้านเราถึงมีสวนดอกไม้ได้ล่ะ” นั่นสิ น่าแปลกถึงเขาจะเป็นนักวิทยาศาสตร์หรือนักวิจัยอะไรก็ช่าง เพราะที่เราสงสัยคือทำไมบ้านเรา (คฤหาสน์) ถึงมีสวนดอกไม้ได้ล่ะในเมื่อดินขาดสารอาหารเพาะปลูกอะไรไม่ขึ้น
แถมดอกไม้ที่เธอเห็นดันเป็นดอกไม้ที่เธอไม่ควรรู้จักอีก
ภูติดอกไม้แบบเธอที่อายุกว่าพันปีไม่รู้จักดอกไม้พวกนี้ มันเสียศักดิ์ศรีภูติดอกไม้นะไม่รู้รึไง
เหมือนมีคนมาตบหน้าเธอยังไงก็ไม่รู้
ช่างเป็นดอกไม้ที่ประหลาดมาก ทั้งไม่ส่งกลิ่น ไม่บานหรือมีชีวิตเลยสักนิด
“ก็เพราะเธอชอบจำไม่ได้เหรอ เธออยากได้เรือนกระจกมากแถมชอบธรรมชาติและดอกไม้มากด้วย พี่เลยหามาปลูกให้เห็นว่าเธอชอบดอกไม้มากเธอจำไม่ได้”
เมื่อพูดถึงตอนนี้สามีของเธอก็เล่าเรื่องราวของเจ้าของร่างให้ฟังโดยเขาคิดว่าภรรยาสาวตรงหน้าไม่มีความทรงจำเหลืออยู่แล้ว เอวาเป็นผู้หญิงรักธรรมชาติมาก ร่างกายอ่อนแอมาตั้งแต่กำเนิดเพราะเกิดก่อนกำหนด 3 เดือนเรียนจบด้านการปรุงน้ำหอมจากต่างประเทศ
ดูเหมือนว่าพวกเรายังคล้ายกันอยู่บ้างนะ
“เราจำได้นิดหน่อยนะ”
“ขอโทษนะ” อยู่ๆ อีกฝ่ายก็กล่าวขอโทษออกมาดื่อๆ เขาก้มหน้าลงเล็กน้อยมือทั้งสองข้ามกุมมือของเราเอาไว้ ทั้งๆ ที่เราไม่รู้อะไรเกี่ยวกับความสัมพันธุ์ของทั้งสองคนแท้ๆ
แต่ทำไมเราถึงร้องไห้ล่ะ ทำไมน้ำตาถึงไหล
“ฮึก อืม”
“ถึงความสัมพันธุ์ของเราจะไม่ได้เริ่มด้วยความรักก็เถอะ แต่เราเป็นครอบครัว พี่สัญญาว่าจะดูแลเธอเป็นอย่างดีไม่ทำให้เธอเสียใจอีก” ใบหน้าที่คล้ายจะเย็นชาของเขาสบตามองเธออย่างตรงไปตรงมา เผยให้เห็นความรู้สึกของอีกฝ่ายที่แสดงออกถึงอารมณ์ความรู้สึกที่มีกับเจ้าของร่างนี้จริงๆ
เขาเสียใจที่ทำให้เธอต้องเสียเด็กในท้องไป เขาเสียใจที่เอาแต่ทำงาน เขาเสียใจที่ไม่ค่อยมีเวลาให้เธอและเขาเสียใจที่ความรู้สึกของเขาที่มีกับเธอนั่นยังคงเหมือนวันแรกที่เรารู้จักกัน “เรามาเริ่มต้นใหม่นะ เราต้นใหม่กันอีกครั้ง”
“พี่พูดรอบที่สองแล้วนะ”
“พูดอีกรอบก็ได้ ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่พี่ขอโอกาสจากเรา ต่อจากนี้เราจะมาเป็นครอบครัวกันจริงๆ สามคนพ่อแม่ลูก”