คอยตามตื้อเอาใจเขาสารพัด แต่เขาให้เธอได้เพียงแค่น้องสาว เธอจึงพยายามทำดีเอาชนะใจเขาทุกอย่าง เนื่องจากเขายังไม่มีใคร พอเห็นเขากอดกับผู้หญิงคนอื่น กลับรู้สึกทนไม่ได้ เหมือนฟ้าถล่มลงมาตรงหน้า
“หญ้าหวานไง ม่านฟ้าคงจำได้”
กริชไทลอบผ่อนลมหายใจออกมาอย่างหนักหน่วงเมื่อเห็นคนทั้งสองไม่ได้มีท่าทีรุนแรงต่อกัน ตอนเด็กๆ ญารินดาและม่านฟ้าถือว่าเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตลอด ทะเลาะกันเป็นประจำจนเขาต้องคอยห้ามทัพเอาไว้ ในฐานะที่อายุมากกว่า เพื่อไม่ให้มีอะไรรุนแรงไปกว่าเด็กๆ ขัดใจกันเล็กน้อยตามที่ผู้ใหญ่เข้าใจ
“อ๋อ... หญ้าหวานนั่นเอง ม่านฟ้าจำได้แล้ว นี่กลับมาเยี่ยมบ้านเกิดเหรอจ๊ะ คุณพ่อกับคุณแม่ของหญ้าหวานล่ะ มาด้วยหรือเปล่า” ม่านฟ้ายิ้มให้คนตรงหน้าหวานหยด
จนญารินดาขมวดคิ้วเข้าหากัน เมื่อกี้ยังเห็นสายตาโกรธจัดของอีกฝ่ายอยู่เลย
..ช่างเปลี่ยนอารมณ์ได้เหมือนนักแสดงรางวัลตุ๊กตาทองเสียจริง
“ไม่ได้มาหรอกจ้ะม่านฟ้า หญ้าหวานอยากมาพักผ่อนที่นี่สักสองสามเดือนหรืออาจจะมากกว่านั้น ไม่อยากให้คุณพ่อกับคุณแม่มาลำบากน่ะจ้ะเพราะท่านต้องทำงาน”
คำตอบของญารินดาทำให้กริชไทผ่อนลมหายใจออกมาอีกหน คิดว่ายัยตัวแสบจะออกฤทธิ์ออกเดชเสียอีก สมัยเด็กม่านฟ้ากับญารินดาไม่ถูกกัน ทะเลาะกันออกบ่อย แต่เขาคิดว่าคงเป็นเพราะยังเด็ก โตขึ้นน่าจะมีเหตุผลบ้าง ญารินดานั้นเขาไม่รู้แน่ชัด แต่ม่านฟ้าที่เขาเห็นเธอเป็นหญิงสาวแสนดี เอาอกเอาใจเก่ง เธอมักมีน้ำใจไปมาหาสู่ หุงหาอาหารและของกินอร่อยๆ มาให้เสมอ จนเขาจำต้องตอบแทนเธอเป็นข้าวของเงินทอง เนื่องจากทางบ้านของเธอลำบาก แม้เธอจะไม่อยากรับ เขาก็พยายามยัดเยียดให้ได้ในที่สุด อย่างน้อยเป็นการตอบแทนเธอ อีกทั้งช่วยเหลือครอบครัวเธอบ้างเล็กๆ น้อยๆ
“เหรอจ้ะ หญ้าหวานทานข้าวกับพวกเราสิจ๊ะ ม่านฟ้าทำกับข้าวแล้วก็ขนมหวานมาให้พี่กระทิง” ม่านฟ้ายิ้มหวานเน้นคำว่า ‘พวกเรา’ เสียจนญารินดาสัมผัสได้
แต่กริชไทนั้นไม่ได้รับรู้ว่าสองสาวกำลังฟาดฟันกันอย่างนิ่มนวล
“ดีเลยจ้ะ หญ้าหวานกำลังหิวพอดีเลยจ้ะ รบกวนม่านฟ้าด้วยนะจ๊ะ พอดีหญ้าหวานไม่รู้ว่าบ้านหลังนี้ข้าวของอยู่ตรงไหน ทั้งจานชามช้อนส้อม” ญารินดารีบตอบรับเสียงหวานไม่ต่างกัน และใช้งานอีกฝ่ายโดยอ้างเหตุผลว่าไม่รู้
“ได้สิ เดี๋ยวม่านฟ้าจัดการให้นะจ๊ะ ม่านฟ้ามาบ้านหลังนี้ทุกวัน เป็นคนจัดการเก็บกวาดเช็ดถูดูแลข้าวของทุกอย่างในบ้านน่ะจ้ะ พี่กระทิงไว้วางใจ ม่านฟ้าเลยได้รับเกียรติอันนั้น จึงรู้ดีว่าข้าวของทุกอย่างอยู่ตรงไหน” ม่านฟ้ารีบเกทับอีกฝ่ายด้วยใบหน้ายิ้มๆ
จึงไม่รู้ว่าญารินดาจงใจแกล้งใช้งานให้ไปหยิบจับจัดกับข้าวกับปลา
“ไม่หรอกจ้ะ ไม่ได้ถือว่าเป็นเกียรติอะไรเลย พี่ต้องขอบใจม่านฟ้าเสียมากกว่าที่มาช่วยดูแลบ้านชายโสดให้เป็นระเบียบเรียบร้อย” กริชไทพูดชมม่านฟ้าอย่างไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ก่อนจะสะดุ้งโหยงเมื่อหันไปเห็นสายตาเขียวปั๊ดของญารินดาที่หันขวับมาทันควันที่เขาพูด
“เหรอจ๊ะ เหมาะกับม่านฟ้าดีนะจ๊ะ ม่านฟ้าดูเรียบร้อยนิ่มนวล เหมาะกับงานบ้าน งานเรือน งานครัว งานรับใช้ดูแล” ญารินดาตอบเสียงหวานจัด รีบคล้องแขนกริชไทเดินไปทรุดนั่งที่โต๊ะสำหรับรับประทานอาหาร
ม่านฟ้าเม้มปากแน่นแต่ต่อหน้ากริชไทเธอต้องดูดีทุกระเบียบนิ้ว รู้ตัวดีว่าถูกอีกฝ่ายกระแนะกระแหน
“ให้พี่ช่วยดีกว่าไหม” กริชไทหันไปถาม
ม่านฟ้าหันมายิ้มทำท่าจะตอบตกลงแต่ถูกขัดขึ้นเสียก่อน
“พี่กระทิงนั่งรอรับประทานก็พอจ้ะ ม่านฟ้าบอกเองว่าจะบริการ” ญารินดายักคิ้วให้แม่คนแอ๊บแบ๊วอีกด้าน ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าม่านฟ้าเสแสร้งแกล้งทำ
หึ! ใครบอกว่าม่านฟ้าจะเสแสร้งแกล้งทำได้คนเดียว เธอก็ทำได้
เธอยึดคติที่ว่าตาต่อตาฟันต่อฟัน แอ๊บใส่ก็แอ๊บใส่มากกว่า ด่าเร็วก็ด่าเร็วกว่าให้เถียงไม่ทันเส้นโลหิตในสมองแตกกันไปเลย
..ฮ่าๆๆๆ
ญารินดาหัวเราะในใจอย่างชั่วร้าย
..ใครร้ายเราต้องร้ายกว่า ใครแหลเราต้องแหลกว่า หุหุ สังคมไม่มีที่ยืนสำหรับคนอ่อนแอ
ม่านฟ้านำจานมาจัดการกับอาหารในปิ่นโต ก่อนจะแกล้งอุทานตาโตเหมือนเพิ่งคิดได้และสำนึกผิดน่าดู
“อุ๊ย! ลืมไปว่าจัดมาแค่สองที่น่ะจ้ะ สำหรับ...” พูดยังไม่ทันจบประโยค
ญารินดาก็แทรกขึ้นก่อนอย่างรู้เท่าทันว่าอีกฝ่ายจะพูดว่าอะไร
“ขอบใจมากจ้ะที่จัดอาหารคาวหวานมาต้อนรับ หญ้าหวานกับพี่กระทิงสองที่พอดี... ม่านฟ้านี่น้ำใจงามจริงๆ เลยนะจ๊ะพี่กระทิง คงเสียสละให้เราสองคนรับประทานกันเพราะอุตส่าห์ชวนแต่แรก เราสองคนคงต้องตอบแทนม่านฟ้าในโอกาสหน้านะจ๊ะ” ญารินดายิ้มหวานขอบอกขอบใจจับไม้จับมือเขย่าอย่างซาบซึ้งในน้ำใจ
กริชไทพลอยขอบคุณตามไปด้วย ไม่อยากให้เสียบรรยากาศ
“ขอบใจม่านฟ้ามากนะครับที่มีน้ำใจกับหญ้าหวาน”
คำพูดแสนจะใสซื่อ(บื้อ)ของชายหนุ่มทำให้ม่านฟ้ากัดฟันกรอดๆ ก็ในเมื่อเธอชวนไปแล้ว จัดสำรับเสร็จแล้ว แถมยังถูกญารินดาพูดดักคอเสียอีก จะปฏิเสธว่ามีแค่สองที่เธอกับกริชไทคงดูหน้าเกลียด อย่างน้อยเธอได้คะแนนนิยมจากชายหนุ่มเพียงคนเดียว แม้จะถูกญารินดาเอาคืนเล็กๆ น้อยๆ อย่างรู้ทันก็ตามที
“อาหารอร่อยๆ ทั้งนั้นเลยจ้ะพี่กระทิง ลองชิมสิคะ แล้วน้ำล่ะจ๊ะ น้ำอยู่ไหน หญ้าหวานรบกวนม่านฟ้าไปเอาน้ำมาให้หญ้าหวานหน่อยสิ หญ้าหวานไม่รู้ว่าอะไรอยู่ตรงไหน” แกล้งทำเป็นไม่รู้จักที่วางข้าวของแต่กะจะแกล้งใช้แม่หน้าหวานม่านฟ้าที่ทำสนิมสร้อยได้โล่กระอัก
ม่านฟ้ากัดฟันกรอด เผลอจิกเล็บกับมือแน่นด้วยความคับแค้นใจ
..รู้จักเธอน้อยไปแล้วยัยหญ้าคาแห้ง
เธอยิ้มร้ายหมายมาดก่อนจะเดินเข้าครัวไปด้วยรอยยิ้มที่กริชไทโล่งใจว่าไม่เกิดการทะเลาะเบาะแว้งของสองสาวเหมือนตอนเด็กๆ อีก
ตอนเด็กๆ เขาต้องเข้าไปแยกไม่งั้นแทบฆ่ากันตายเพราะญารินดาเป็นคนไม่ยอมใคร ม่านฟ้าเองถึงจะนิ่งๆ เงียบๆ ก็เอาเรื่องใช้ได้ ไม่ใช่จะยอมใครง่ายๆ จิกผมกันจนกระจุย เห็นแล้วตกใจแทบช็อก แทบห้ามกันไม่ทัน
“น้ำเย็นๆ มาแล้วจ้ะ อุ๊ย! ว้าย!”
น้ำเย็นๆ ที่ว่ามาถึงก็สาดเข้าโดนเสื้อผ้าของญารินดาเต็มๆ
ซึ่งหญิงสาวนั้นไม่ได้หลบ แต่แกล้งอุทานพอเป็นพิธีเท่านั้น มุขนี้เธอคิดเอาไว้แล้วว่าจะโดนและเธอก็หาวิธีแก้ลำเอาไว้เช่นกัน
..รับรองว่าแม่ม่านบังตาจะต้องกรี๊ดบ้านแตกแน่ๆ เลย
ฮ่าๆๆๆ
“ตายแล้ว ม่านฟ้าขอโทษนะจ๊ะ ม่านฟ้าเผลอสะดุดขาตัวเอง ทำท่าจะหกล้มน่ะจ้ะ”
ม่านฟ้าแกล้งทำเป็นขอโทษขอโพยยกใหญ่ แอบสะใจจนแทบจะหัวเราะให้ฟันร่วง แต่ต้องเก็บอาการเอาไว้สุดฤทธิ์สุดเดช เธอต้องดูดีในสายตาของกริชไท จะทำท่าทีสะใจเหมือนนางมารร้ายให้เขาเห็นไม่ได้
“ไม่เป็นไรเลยจ้ะ มันเป็นแค่อุบัติเหตุเท่านั้นเอง” ญารินดารีบบอกว่าไม่เป็นไรทันที ก่อนจะหันไปพูดกับกริชไทด้วยน้ำเสียงน่าสงสาร
ม่านฟ้าคาดเดาผิด คิดว่าญารินดาจะอาละวาดให้เสียภาพพจน์ แต่เปล่าเลย เธอกลับนิ่งเฉยไม่มีท่าทีโมโหแม้แต่น้อย
“พี่กระทิงขา... พาหญ้าหวานไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่บ้านหน่อยสิคะ ตอนมาหญ้าหวานมากับกันตาและก็ไม้ ไม่รู้จะกลับยังไง ดูสิคะเปียกไปหมดแล้ว เดี๋ยวเป็นปอดบวมไม่สบาย”
เพราะไม่ได้โวยวายลั่นบ้านหรือเรียกร้องเอาแต่ใจทำให้กริชไทไม่กล้าปฏิเสธญารินดา หญิงสาวเองก็พอจะรู้มาบ้างว่ากริชไทนิสัยยังไง จากคำบอกเล่าของกันตา เธอเองผูกพันกับเขาตั้งแต่เด็ก กริชไทเป็นคนมีเหตุผลและจริงใจแถมยังขยันใจดี ไม่อย่างนั้นคงไม่โดนยัยม่านบังตา... หมายถึงม่านฟ้ากำลังจะเคลมได้สำเร็จหรอก ผู้ชายดีๆ แบบนี้หาไม่ได้ง่ายๆ ใครๆ ก็อยากครอบครองเป็นเจ้าของ ถึงเขาจะทำให้เธอน้อยใจเมื่อหลายปีก่อน แต่เธอไม่ใช่คนผูกใจเจ็บ