15
อาหารเช้าของบ้านภาสวัชร์มีสมาชิกใหม่เอี่ยมมาร่วมโต๊ะด้วย ซึ่งการร่วมรับประทานอาหารเช้าวันนี้มีคนหนึ่งที่แทบจะกลืนอาหารไม่ลงคอ เพราะเห็นหน้าลูกสะใภ้ที่ไม่ปรารถนา แล้วพานให้ต่อมรับรู้รสชาติไม่ยอมทำงาน
“เป็นไงบ้างปราง เมื่อคืนนอนหลับสบายไหมลูก” ธัชชัยทักทายลูกสะใภ้ด้วยน้ำเสียงปรานี
“นอนหลับสบายค่ะคุณพ่อ” ภัทรียาตอบ
“แหมคุณพี่คะ คุณพี่ก็ไม่น่าถามเลยว่านอนหลับสบาย ก็ต้องหลับสบายอยู่แล้วค่ะ ที่นอนของอ๋องราคาเป็นแสน ทั้งนุ่มทั้งหนาขนาดนั้น บ้านหล่อนคงจะนอนฟูกแข็งๆ ราคาถูกๆ พอมานอนที่นอนดีๆ เข้าหน่อยคงหลับเป็นตาย” ลักขณาได้ทีพูดกระทบกระเทียบลูกสะใภ้ แถมยังส่งสายตาชิงชังให้อีกฝ่ายอย่างไม่ปิดบังความรู้สึก
“คุณแม่เล่นเอาความจริงมาพูด เดี๋ยวเมียพี่อ๋องก็อายแย่สิคะ” ลักษิณาทำตัวเป็นลูกคู่ที่ดีของมารดา เธอปรายตามองภัทรียาด้วยสายตาเหยียดหยาม
ลักษิณายังจำความรู้สึกตอนลักขณาบอกว่าธัชธรรม์แต่งงานจดทะเบียนสมรสกับภัทรียาและตอนนี้พาเข้ามาอยู่ในบ้านเป็นที่เรียบร้อยแล้วได้ เธอทั้งตกใจและแปลกใจที่อยู่ๆ พี่ชายจอมหวงความโสดก็มีภรรยาแบบปัจจุบันทันด่วน แถมไม่มีวี่แววว่าจะมีคนรักจริงจังนอกจากควงคนโน้นคนนี้แค่ชั่วครั้งชั่วคราว เธอค้านกับมารดาอย่างคลางแคลงใจหลายเรื่อง ซึ่งตรงกับความคิดของมารดา ทั้งคู่จึงตกลงร่วมมือกันจับผิดและกำจัดภัทรียาออกไปจากชีวิตของธัชธรรม์ให้ได้โดยเร็ว
“จะที่นอนราคาถูกหรือแพงก็หลับสบายด้วยกันทั้งนั้นแหละครับคุณแม่ ผมขอร้องละครับ อย่าพูดดูถูกปรางอย่างนี้เลยนะครับ ถึงยังไงปรางก็เป็นเมียของผม” ธัชธรรม์ออกโรงป้องภรรยา เขารู้สึกเห็นใจเธอขึ้นมาทีละน้อยที่ต้องฟังคำพูดดูถูกเหยียดหยาม ทั้งที่เธอไม่ควรถูกกระทำเช่นนี้
“นี่แม่ก็เห็นแก่หน้าอ๋องมากแล้วนะ ถ้าไม่เห็นละก็ ป่านนี้แม่ไล่ตะเพิดแม่นี่ออกไปจากบ้านตั้งแต่เมื่อวานแล้ว” ลักขณาสวนใส่ลูกชาย ก่อนจะเบนสายตาไปมองลูกสะใภ้ “หล่อนคิดว่าที่ฉันพูดมามันผิด? หรือว่าอายที่ฉันพูดความจริง”
ภัทรียาแม้ไม่พอใจคำพูดของลักขณากับลักษิณา แต่ก็อดข่มความไม่พอใจแล้วยิ้มให้ทั้งคู่ราวกับไม่สะทกสะท้านกับคำกล่าวนั้น และตอบโต้กลับไปแบบหอมปากหอมคอ
“ปรางไม่อายหรอกค่ะ เพราะความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย อีกอย่างปรางก็ไม่ลืมกำพืดตัวเองว่ามาจากไหน” เธอเว้นจังหวะแล้วพูดต่อ
“คุณแม่รู้ไหมคะ ปรางเคยนอนแต่ที่นอนแข็งๆ ราคาไม่กี่ร้อย พอมานอนที่นอนหนานุ่มและแพงหูฉี่ ปรางรู้สึกปวดหลังชอบกล สงสัยยังไม่ชิน แต่ไม่ต้องห่วงนะคะ ปรางจะทำตัวให้เหมือนกิ้งก่าค่ะ ปรับตัวไม่นานเดี๋ยวก็คงชิน แต่คุณแม่สิคะ ปรางเป็นห่วง ท่าทางจะต้องปรับตัว ปรับใจมากกว่าปรางซะอีก เพราะจำใจยอมรับปรางในฐานะสะใภ้ ปรางกลัวคุณแม่จะเครียด จะปวดใจ”
ธัชชัยลอบยิ้มขณะตักโจ๊กทรงเครื่องใส่ปาก ที่เขาไม่ห้ามปรามภรรยาและบุตรสาวเพราะอยากรู้ว่า ลูกสะใภ้จะตอบโต้หรือนิ่งเฉย ชายสูงวัยนึกขำคำโต้กลับแบบนิ่มๆ ของภัทรียา
แต่คนที่ยิ้มไม่ออกคือลักขณา คำยอกย้อนของภัทรียาทำให้นางเนื้อเต้น โมโหที่ถูกยั่วประสาท ใครจะไปยอมรับสะใภ้ที่ตัวเองไม่ชอบหน้าได้ แค่เห็นหน้ายังพานอาเจียน เมื่อคืนนางนอนไม่หลับแทบทั้งคืน เพราะมัวคิดเรื่องภัทรียา ยิ่งคิดก็ยิ่งเจ็บใจและเสียใจ ตาค้างเติ่ง กว่าจะนอนหลับได้ก็ตีสอง
“ฉันจะไม่มีวันปรับตัวปรับใจยอมรับหล่อนเป็นลูกสะใภ้แน่ ไม่ว่าจะวันนี้หรือว่าวันไหน ฉันก็มีเพียงความรู้สึกเดียวให้หล่อนคือเกลียดจนเข้ากระดูกดำ” ลักขณาประกาศกร้าว มองภัทรียาไม่วางตา “ฉันไม่มีวันให้หล่อนมาเดินชูคอในบ้านฉันนานแน่ ฉันจะกระชากหน้ากากของหล่อนออกให้ได้ ไม่เชื่อคอยดู”
ลักขณาลุกขึ้นยืนและเดินออกจากห้องอาหารทันทีที่พูดจบ ไม่สนว่าคำพูดเมื่อครู่จะทำให้ธัชธรรม์รู้สึกอึดอัดมากแค่ไหน เพราะหญิงสูงวัยเชื่อมั่นว่าลูกชายของตัวเองไม่ตาต่ำไปคว้าผู้หญิงต่ำเตี้ยเรี่ยดินอย่างภัทรียาแน่นอน ทุกอย่างที่เห็นคือการจัดฉาก และนางจะต้องทำลายฉากนี้ด้วยตัวเอง
“พี่อ๋องทำอะไรไม่นึกถึงใจคุณแม่บ้างเลยนะคะ พี่อ๋องรู้ไหมว่าที่พี่พาเมียซึ่งคุณแม่ไม่ต้องการเข้าบ้าน คุณแม่ทุกข์ใจ เสียใจ และผิดหวังมากแค่ไหน แล้วยิ่งเสียใจ ผิดหวังมากขึ้นที่พี่อ๋องไปคว้าผู้หญิงไม่มีหัวนอนปลายเท้ามาเป็นเมีย รู้ไปถึงไหนอายไปถึงนั่น ครอบครัวของเรามีความสุขมาตลอด พอแม่นี่เข้ามาอยู่บ้านได้แค่วันเดียว คุณแม่ถึงกับทุกข์ไปสิบปี” ลักษิณาต่อว่าพี่ชาย ปรายตามองภัทรียา ต้นเหตุที่ทำให้ครอบครัวของเธอปราศจากความสุข
“แก้ม ลูกพูดเกินไปนะ จะพูดจะจาอะไรก็เห็นแก่หน้าพี่ชายเราบ้าง อีกอย่างปรางก็เป็นเมียของอ๋อง ชอบหรือไม่ชอบหน้าก็ต้องรักษากิริยาและคำพูดเอาไว้ อย่าให้พ่อได้ยินแก้มพูดอย่างนี้อีก ถ้าไม่เชื่อฟังอย่ามาหาว่าพ่อไม่เตือน”
ธัชชัยเอ็ดบุตรสาว ไม่ชอบใจคำพูดที่ไร้ซึ่งความเคารพทั้งที่ธัชธรรม์เป็นพี่ชาย อีกทั้งสายตาที่มองภัทรียาก็สื่อให้รู้ถึงความเกลียดชังอย่างเปิดเผย
“คุณพ่อเข้าข้างมันเหรอคะ แก้มเป็นลูกนะคะ มาว่าแก้มได้ยังไง ต้องไปว่ามันสิ เพราะมันทำให้ครอบครัวของเราไม่มีความสุข ต้องมาโต้เถียงกันแบบนี้”
คนที่เคยถูกตามใจจนเคยตัวเอ่ยเสียงสั่น นานมากแล้วที่ธัชชัยไม่ดุด่าว่ากล่าวเธอ แม้บางครั้งเธอจะทำเรื่องชวนปวดหัวให้ก็ตาม การที่เธอถูกต่อว่าในวันนี้ ทำให้ลักษิณาคิดว่าบิดาเข้าข้างภัทรียา จึงจึงเกิดความน้อยใจ
“คุณพ่ออย่าว่าแก้มเลยครับ ผมก็มีส่วนผิดที่อยู่ๆ แต่งงานจดทะเบียนโดยไม่ปรึกษาคุณพ่อคุณแม่ก่อน เป็นธรรมดาที่คุณแม่จะโกรธและไม่พอใจ คนที่สมควรถูกต่อว่าคือผมมากกว่าครับ”
ธัชธรรม์มองเห็นความยุ่งยากที่เกิดขึ้นในครอบครัว เขาไม่คิดว่ามารดากับน้องสาวจะต่อต้านการแต่งงานแบบสายฟ้าแลบ ชายหนุ่มคิดตื้นๆ เพียงมารดาไม่พอใจ ดุด่า และซักไซ้ไล่เรียงในเรื่องที่อยากรู้ แต่ไม่เป็นเช่นนั้น ตอนนี้มารดาประกาศเป็นศัตรูกับภัทรียาอย่างเปิดเผย งานนี้ชักยุ่งยากเสียแล้ว