ณ มิราเคิลผับ
ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่หน้าตาหล่อเหลาก้าวเข้ามาในผับด้วยสีหน้าบอกบุญไม่รับ เขาเดินเข้าไปด้านในก่อนจะกระแทกตัวนั่งบนโซฟาหุ้มหนังเนื้อดีเต็มแรง แล้วคว้าแก้วเหล้าของเพื่อนสนิทบนโต๊ะมากระดกดื่มหมดแก้ว จากนั้นก็รินบรั่นดีใส่แก้ว ดื่มรวดเดียวจนเกลี้ยงอีก
“เฮ้ยๆๆ ไอ้อ๋อง มึงเบาๆ หน่อย มาถึงก็พรวดเอาพรวดเอา กลุ้มใจอะไรมาวะเนี่ย” กิตติพัทธ์รีบห้ามเพื่อนรัก เมื่อเห็นธัชธรรม์เอาแต่ดื่มบรั่นดีไม่พูดไม่จา
“จะมีอะไร มาอีหรอบนี้ละก็ไม่พ้นเรื่องเดิม”
จารุวิทย์คาดเดา ซึ่งเขาคิดว่าเดาไม่ผิด เนื่องจากเรื่องทุกข์ใจของ ธัชธรรม์ ภาสวัชร์ ลูกชายคนโตของธัชชัยกับคุณหญิงลักขณา ภาสวัชร์ มหาเศรษฐีระดับต้นของประเทศไทย เจ้าของกิจการเครื่องดื่มชูกำลังชื่อดังครองอันดับขายดีอันดับหนึ่งของประเทศไทยและอีกหลายประเทศในอาเซียน รวมทั้งแถบทวีปยุโรปและอเมริกาใต้
ชีวิตของธัชธรรม์สมบูรณ์ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเงินทอง การศึกษา ชื่อเสียง และหน้าตาที่โดดเด่นไม่แพ้พระเอกดังทั้งหลาย จะมีเพียงเรื่องเดียวเท่านั้นที่เขายังขาดอยู่ นั่นคือคู่ครอง ซึ่งเป็นเรื่องที่ธัชธรรม์กำลังหนักอกหนักใจเป็นที่สุด
“เรื่องนี้ยังไม่จบอีกเหรอวะ ฉันนึกว่าคุณแม่ของมันจะรามือแล้วซะอีก” กิตติพัทธ์เดินทางไปฝรั่งเศสเกือบครึ่งเดือน ทำให้พลาดข่าวสำคัญของเพื่อนรักไปโดยปริยาย
“รามือไปสิบวันไง มาจี้อ๋องหนักก็สี่ห้าวันมานี้ แถมยังยืนยันเสียงแข็งว่าถ้าอ๋องหาเมียไม่ได้ก่อนปีใหม่ หญิงแม่จะให้แต่งงานกับคนที่ท่านหาให้ มันเลยกลุ้มดื่มเหล้าอย่างกับน้ำไงล่ะ” จารุวิทย์อธิบายให้เพื่อนเข้าใจ หญิงแม่คือสรรพนามที่พวกเขาเรียกมารดาของธัชธรรม์อย่างขำๆ เมื่ออยู่ในหมู่เพื่อนฝูง
“หา! หาเมียก่อนปีใหม่เหรอ” กิตติพัทธ์อุทานกับระยะเวลาที่คุณหญิงลักขณากำหนดให้เพื่อน “ปีใหม่ปีไหนวะ ปีนี้หรือปีหน้า”
“ก็ปีนี้สิวะ ถ้าปีหน้าไอ้อ๋องมันคงไม่กลุ้มหนักหรอก”
จารุวิทย์บอก หยิบแก้วเหล้าขึ้นมาจิบ
“ปีนี้ก็อีกแค่ห้าวันน่ะสิ แล้วมันจะหาเมียได้ไง แฟนมันยังไม่มีเลย”
“ก็ใช่ไง ถ้ามันหาเมียไม่ได้ มันก็ต้องแต่งงานกับคนที่หญิงแม่หาให้ มันก็จะบ้าอย่างที่นายเห็น”
จารุวิทย์เห็นใจเพื่อนไม่น้อย แต่ก็ไม่รู้ว่าจะช่วยอย่างไร เพราะลำพังตัวเขาก็ถูกมารดารุกเร้าถามเรื่องนี้เช่นกัน แต่ดีที่มารดาไม่ได้กะเกณฑ์หรือบังคับให้เขาแต่งงานกับใคร
“มึงสองตัวช่วยกูคิดหน่อยสิว่าจะทำยังไงดี กูมึนไปหมดแล้ว” เจ้าของเรื่องขอความช่วยเหลือเพื่อนรัก หลังจากดื่มบรั่นดีไปหลายแก้ว
“จะช่วยยังไงวะ เหลือเวลาอีกห้าวันที่หญิงแม่กำหนด แกจะหาเมียที่ไหนไปให้หญิงแม่ ถ้าหาได้จริงหญิงแม่จะเชื่อเหรอว่าเป็นเมียแกจริงๆ เพราะแกไม่เคยมีแฟนเป็นตัวเป็นตนมาก่อนนอกจากควงกันชั่วครั้งชั่วคราว จู่ๆ มีเมียโผล่ขึ้นมา ร้อยทั้งร้อยหญิงแม่ไม่มีวันเชื่อ ท่านต้องรู้ว่าแกอุปโลกน์มาแน่นอน”
ใช่ว่าจารุวิทย์ไม่อยากช่วยเพื่อน แต่เขาคิดไม่ออกว่าจะช่วยธัชธรรม์ด้วยวิธีไหน วิธีง่ายที่สุดที่คิดได้คือ หาผู้หญิงสักคนมาอุปโลกน์ว่าเป็นภรรยาเพื่อให้เรื่องทุกอย่างจบ แต่คงไม่จบง่ายๆ เพราะคุณหญิงลักขณาไม่มีทางเชื่อพันเปอร์เซ็นต์
“เออใช่ ถ้าใช้วิธีหาผู้หญิงสักคนมาเป็นเมียแก นอกจากแม่แกจะไม่เชื่อแล้ว บางทีอาจเชื่อแล้วโขกสับเมียกำมะลอของมึงจนทนไม่ได้ สุดท้ายมึงก็ต้องแต่งงานกับผู้หญิงที่หญิงแม่หาให้” กิตติพัทธ์พูดอีกก็ถูกอีก
“ก็ใช่ไง กูถึงได้กลุ้มอย่างนี้” ธัชธรรม์ก็คิดจะใช้วิธีนี้ แต่ต้องเบรกตัวโก่งเพราะเหตุผลที่เพื่อนกล่าวมา
“เอิ่ม ขอโทษนะคะ ขอออกความคิดเห็นนิดนึงได้ไหมคะ” รุ่งราตรีคู่ควงของจารุวิทย์ที่นั่งฟังการสนทนาตั้งแต่ต้นแทรกขึ้น ทำให้สามหนุ่มหันมามองเธอเป็นตาเดียว
“อย่ายุ่งน่า ไม่ใช่เรื่องของเธอ” กิตติพัทธ์ดุคู่ขาที่ริอ่านยุ่งเรื่องของเพื่อนรัก
“จุ๋มก็แค่อยากช่วยคิดเท่านั้นค่ะ ไม่ได้คิดอยากจะแส่”
รุ่งราตรีพูดเสียงเบา หลบสายตาดุๆ ของกิตติพัทธ์
“ช่างเถอะเจมส์ ช่วยๆ กันคิดหลายหัวก็ดีเหมือนกัน ดีกว่าคิดคนสองคน” ธัชธรรม์ปรามเพื่อนที่กำลังโมโห “เธอจะพูดอะไรก็พูดมา” เขาเปิดโอกาสให้รุ่งราตรีพูด เพราะคิดว่าคำพูดของเธออาจเป็นประโยชน์ต่อเขา
“จากที่จุ๋มนั่งฟังพวกคุณพูด ทำให้จุ๋มเข้าใจว่าคุณอ๋องกำลังประสบปัญหาหาเมียให้คุณแม่ แล้วถ้าใช้วิธีหาเมียกำมะลอ คุณแม่ของคุณอ๋องก็ต้องไม่เชื่อ แล้วนอกจากไม่เชื่อก็อาจถูกคุณแม่ของคุณอ๋องกลั่นแกล้งจนแพ้ภัยไปเอง คราวนี้ทุกอย่างก็เข้าทางคุณแม่ของคุณอ๋อง จุ๋มคิดว่าวิธีนี้ก็ทำได้นะคะ แต่ต้องทำให้แนบเนียนให้ดูสมจริง และผู้หญิงที่จะมาเป็นเมียจัดฉากของคุณอ๋องจะต้องเก่งและรับมือคุณแม่ของคุณอ๋องได้ค่ะ”
จิตใจที่มืดมนไร้ซึ่งทางออกของธัชธรรม์ เปรียบเสมือนมีแสงไฟสว่างไสว แม้ว่าจะไม่อาจขจัดความมืดนั้นได้ทั้งหมด แต่ธัชธรรม์ก็มองเห็นทางออกปลายทาง
“ทำยังไง บอกฉันมาเร็วเข้า” ธัชธรรม์รีบถาม
“คุณอ๋องก็ต้องลงทุนกับเรื่องนี้สักหน่อย ให้ดูสมจริงสมจังด้วยการจดทะเบียนสมรสกับเมียจัดฉาก ส่วนผู้หญิงคนนั้นก็ต้องเก่งพอตัว เพราะต้องรับมือกับคุณแม่ของคุณอ๋อง ไม่อย่างนั้นทุกอย่างจะพังไม่เป็นท่า สุดท้ายคุณอ๋องก็ต้องแต่งงานกับผู้หญิงที่คุณแม่หาให้”
“จดทะเบียนสมรส!” สามเพื่อนสนิทประสานเสียงพร้อมกัน แต่ละคนมีสีหน้าไปในทิศทางเดียวกันคือ ตกใจ
“ต้องจดทะเบียนสมรสด้วยเหรอ ไม่ต้องถึงขนาดนั้นก็ได้มั้ง” ธัชธรรม์ค้าน
“ถ้าไม่จดมันจะสมจริงเหรอคะ คุณอ๋องจะเดินดุ่มๆ พาเมียไปหาคุณแม่ก็ได้ แค่แนะนำตัวว่าผู้หญิงคนนี้คือเมีย ทำทีเป็นนอนห้องเดียวกัน ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน แต่นั่นไม่ทำให้คุณแม่ของคุณอ๋องเชื่อได้เต็มร้อยหรอกค่ะ ถ้าจดทะเบียนสมรสด้วย ความน่าเชื่อถือมันก็มีมากขึ้น คุณแม่ของคุณอ๋องคงไม่คิดหรอกค่ะว่า คุณอ๋องจะลงทุนจดทะเบียนสมรส ถ้าผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่เมียจริงๆ”
สามหนุ่มมองหน้ากันแล้วคิดตรงกันว่าคำพูดของรุ่งราตรีมีเหตุผลไม่ใช่น้อย ถ้ามีทะเบียนสมรสไปยืนยันมันก็สมเหตุสมผลกว่าและน่าเชื่อถือกว่าด้วย
“แต่ถ้าใช้วิธีนี้ นายต้องตกลงกับผู้หญิงที่จะจ้างมาเป็นเมียกำมะลอของนายดีๆ นะ ไม่อย่างนั้นอาจเป็นปัญหาระดับชาติก็ได้” กิตติพัทธ์ให้ข้อคิด
“ก็ไม่เห็นยากเลยค่ะ จดทะเบียนวันนั้นก็หย่าซะวันนั้นเลย แล้วเอาใบทะเบียนสมรสไปอ้างกับคุณแม่ของคุณอ๋อง แค่นี้ก็หมดปัญหากวนใจตามมา หรือถ้าตามกฎหมายทำอย่างนั้นไม่ได้ คุณอ๋องก็พามาจดทะเบียนหย่าในวันรุ่งขึ้นก็ได้” รุ่งราตรีเสนอเพิ่มเติม