“พ่อกับแม่ของหนูนาเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ตั้งแต่น้องยังเด็ก หนูนาจึงถูกส่งไปให้ลุงกับป้าเลี้ยง” คาริสาอธิบายความเป็นมาเป็นไปของเด็กสาวหลังจากที่อยู่ตามลำพังกับลูกชาย คามินนึกภาพตามในขณะที่คนเป็นแม่พูด
ครั้งเมื่อตอนหนูนายังเด็ก เธอเคยมาวิ่งเล่นที่บริษัทฯ พ่อของหนูนาเป็นทนายความส่วนตัวของแดเนียล อีกทั้งยังเป็นเพื่อนร่วมรุ่นกับคาริสาด้วย
แต่แล้วอยู่ๆ หนูนาก็หายไป ไม่เคยมาวิ่งเล่นที่บริษัทฯ อีกเลย เนื่องจากว่าเธอถูกส่งตัวไปอยู่ที่อื่น หลังจากที่พ่อแม่ของเธอเสียชีวิตนั่นเอง
“ลุงของหนูนาผลาญสมบัติที่พ่อแม่ของน้องทิ้งไว้ให้จนหมด ตอนนี้มีหนี้ท่วมหัวเพราะติดการพนัน ป้าของหนูนาหอบลูกตัวเองหนีเพราะเจ้าหนี้ตามรังควาน ทิ้งหนูนาไว้ที่บ้านคนเดียว ล่าสุดบ้านหลังนั้นถูกยึดเป็นของเจ้าหนี้ไปแล้ว ลุงของหนูนาเลยเอาน้องมาขายให้ป๊าแลกกับเงินไถ่หนี้ที่ยังมีอยู่ท่วมหัว”
“แล้วป๊าว่าไงบ้างครับ”
“ป๊าไม่รับ มี๊เลยรับไว้แทน” คาริสาพูดด้วยน้ำเสียงที่แผ่วลงในประโยคหลัง “หนูนาเป็นเด็กน่ารัก น้องไม่ควรต้องมาเจอเรื่องอะไรแบบนี้ ถ้าเราไม่รับเอาไว้ ลุงของหนูนาก็ต้องเอาน้องไปขายให้คนอื่นอยู่ดี มินอยากรับหนูนาไปเลี้ยงไหมลูก แค่มินรับปาก มี๊จะยกหนูนาให้เป็นของมินทันที”
คนเป็นแม่พูดราวกับรู้ว่าเขาไม่มีทางปฏิเสธ ซึ่งก็เป็นเช่นนั้น คามินรีบตอบรับปากทันทีอย่างไม่ลังเล
“ผมจะดูแลหนูนาอย่างดีครับ”
คาริสาอมยิ้มละไม เธอเข้าไปกอดลูกรักด้วยความคิดถึง เนื่องจากคามินเพิ่งแยกตัวออกจากบ้านไปใช้ชีวิตกับธุรกิจที่สร้างขึ้นมาด้วยตัวเอง แม้จะยังทำใจไม่ได้ที่ต้องห่างจากลูก แต่เมื่อลูกชายโตพอที่จะมีชีวิตเป็นของตัวเองแล้ว คนเป็นแม่อย่างเธอก็พยายามทำความเข้าใจ และพร้อมสนับสนุนเขาเสมอ
“สุขสันต์วันเกิดนะมิน มี๊รักมินนะ”
“มี๊รู้ใจผมตลอดเลย ขอบคุณสำหรับของขวัญวันเกิดนะครับ” คามินโอบกอดคาริสาไว้หลวมๆ ก่อนจะหันไปหอมแก้มเธอหนึ่งฟอดอย่างเคยชิน
“ไม่ต้องห่วงนะเดี๋ยวมี๊จัดการทุกอย่างให้ ขอแค่ลูกดูแลน้องดีๆ รอยยิ้มของน้องน่ารักสดใส เก็บรอยยิ้มของน้องเอาไว้นะลูก”
“ดีแลนด์ไปนอนดีกว่านะลูก เดี๋ยวป๊าพาเข้านอน” แดเนียลพูดขึ้นเมื่อเห็นคาริสาเดินมาหาหลังจากที่คามินกลับบ้านไปแล้ว ในขณะที่ดีแลนด์ยังเอร็ดอร่อยกับการกินเค้กชาเขียวเพียงคนเดียว
“ป๊า...ดีแลนด์ขอกินเค้กชาเขียวก่อนนะ”
“กินเยอะๆ ระวังอ้วนนะ” ดีแลนด์รีบวางเค้กในมือลงทันทีเมื่อได้ยินผู้เป็นพ่อพูดแบบนั้น เธอเป็นคนรักสวยรักงาม ดูแลรักษาหุ่นและรูปร่างหน้าตาให้ดูดีอยู่เสมอ เธอจึงรับไม่ได้กับคำพูดเหล่านั้น
“ดีแลนด์ไม่กินแล้วดีกว่า ไปนอนกันเถอะป๊าดีแลนด์ง่วงแล้ว” เธอพูดแล้วอ้าแขนออกกว้างให้คนเป็นพ่ออุ้มเข้านอน โดยที่คาริสามองดูพ่อลูกคุยกันราวกับไม่มีตัวตนอยู่ตรงนั้น ก่อนที่ลูกสาวจะกล่าวลาเธอเพิ่งเหลือบไปเห็น “มี๊ขา ดีแลนด์เข้านอนแล้วน๊า”
“ตัวหนัก! ป๊าอุ้มไม่ไหวแล้ว” แดเนียลพูดดึงความสนใจของลูกสาวก่อนจะพาเธอขึ้นบันไดไปยังห้องนอนที่อยู่ชั้นสองของบ้าน
คาริสาเดินตามไปหวังจะปรับความเข้าใจกับผู้เป็นสามีที่แสดงท่าทีกระเง้ากระงอดใส่เธออย่างไม่ปิดบัง
“ปะป๊างอนหม่ามี๊เหรอคะ”
“นอนดีกว่านะเดี๋ยวป๊าเกาหลังให้ นอนดึกๆ ขอบตาช้ำไม่สวยน๊า”
แดเนียลไม่ได้ตอบคำถามลูกสาว เขาเบี่ยงประเด็นไปทางอื่นโดยการพูดเรื่องที่ละเอียดอ่อนต่อจิตใจลูกสาว เธอจึงรีบหลับตาลงโดยไม่ได้ถามอะไรต่อ
“ลูกโตแล้วไม่ต้องกล่อมนอนแล้วมั้ง” คาริสาพูดขึ้น ทุกครั้งที่แดเนียลงอนเธอ เขามักจะชอบหนีมาอยู่กับลูก แม้จะไม่ค่อยบ่อยครั้งนัก แต่คาริสาก็จะตามง้อเขาตลอด
“มี๊...” ดีแลนด์ลืมตาขึ้นเมื่อได้ยินเสียงของคนเป็นแม่
“มี๊มาบอกฝันดีจ๊ะ” คาริสาพูดพร้อมเดินไปหาลูกสาววัยเด็กหญิงก่อนจะจูบไปที่หน้าผากของลูกรักเบาๆ “หลับฝันดีน๊าคนเก่งของมี๊”
“...” ดีแลนด์ยิ้มรับอย่างปลาบปลื้ม รอยยิ้มของเธอทำให้พ่อกับแม่ยิ้มตามได้เสมอ
“หนูไปแช่น้ำอุ่นๆ รอนะ กล่อมลูกหลับแล้วค่อยกลับไปนอนที่ห้องก็ได้” พูดจบเธอก็หอมแก้มแดเนียลอย่างเอาใจ มือไม้ก็ซุกซนแอบสะกิดลูบไล้สามีก่อนเดินจากไป
“ฝันดีนะคนเก่งของป๊า” แดเนียลพูดพร้อมหอมแก้มทั้งสองข้างของลูกสาว ก่อนจะปิดโคมไฟตรงหัวเตียงให้แล้วเดินตามคาริสาไป
“อ๊ะส์!” คาริสาอุทานเสียงหลงอยู่ๆ ร่างของเธอก็ลอยขึ้นเหนือพื้นเพราะแดเนียลช้อนร่างเธออุ้มขึ้นในท่าเจ้าสาว “มะ..ไม่กล่อมลูกนอนแล้วเหรอ”
“ลูกโตแล้วไม่ต้องกล่อมหรอก”
“หายงอนหนูแล้วเหรอ”
“ยัง...มารับผิดชอบเลย”
ดีแลนด์มองพ่อกับแม่ของเธอที่เพิ่งพ้นประตูห้องไป ก่อนเสียงสนทนาจะค่อยๆ เบาลง จนไม่ได้ยินเสียงอะไรอีกเลย
“วิธีง้อปะป๊าของหม่ามี๊ถูกใจดีแลนด์ที่สุดเลย เดี๋ยวเก็บไว้ใช้บ้างดีกว่า” เด็กสาวพึมพำกับตัวเองเสียงเบาก่อนจะหลับตาลงอย่างสบายใจ