เช้าตรู่วันถัดมา
น้ำรินลุกขึ้นหนีเขาออกมาด้วยร่างกายอันบอบช้ำ เธอไม่ได้กลับบ้าน แต่กลับไปที่คอนโดที่เธอซื้อไว้ข้างที่ทำงานแทน เพราะไม่อยากให้ผู้เป็นมารดาเห็นสภาพเธอตอนนี้
ตี๊ด!ตี๊ด!ตี๊ด!
เสียงโทรศัพท์จากคุณนายวิภาวดีผู้เป็นมารดาของเธอโทรมา! เธอนิ่งทำเสียงให้เป็นปกติก่อนจะกดรับสาย
“อะโหล…สวัสดีค่ะ….แม่”
เธอแสร้งทำเสียงเป็นงัวเงีย
“เมื่อคืนลูกไม่ได้กลับบ้านหรอ?”
ผู้เป็นมารดาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่เป็นห่วงเช่นเคย
“ออ! ค่ะแม่…..พอดีรินทำงานเสร็จดึกก็เลยนอนที่คอนโดค่ะ พอดีขับรถกลับบ้านไม่ไหวจริงๆ”
“เห็นว่าคอนโดยังตกแต่งไม่เสร็จ ลูกนอนได้หรอ…ปกติลูกเลือกที่นอนจะตาย”
นางเอ่ยถามด้วยความแปลกใจสงสัยแต่ไม่อยากจะเส้าสี้ผู้เป็นบุตรมากมาย
“เสร็จแล้วค่ะ เสร็จไป2-3วันแล้ว แต่ที่รินยังไม่ย้ายมาเพราะว่า รอให้แม่บ้านมาทำความสะอาดใหม่อีกรอบค่ะ”
เธอบอกความจริง ถึงแม้จะโกหกเรื่องนอนที่นี่ก็ตาม
“โอเคจ้ะ พอดีแม่ไม่เห็นรินไม่กลับบ้านเลยเป็นห่วง”
น้ำเสียงเธอคลายความกังวลทันที…เมื่อน้ำรินบอกว่าคอนโดเสร็จเรียบร้อยแล้ว
“ขอโทษค่ะแม่ รินลืมโทรบอกแม่ เอ่อแม่คะ!…..อย่าบอกใครว่ารินอยู่คอนโดนะคะ!!!”
“จ้าลูก รักลูกนะ เออแล้วเย็นนี้ลูกกลับบ้านมั้ย?”
“ถ้างานไม่เยอะ ก็กลับค่ะ แต่ถ้าดึกมากรินขอพักที่คอนโดนะคะ….รักแม่….เหมือนกันค่ะ..สวัสดีค่ะแม่”
น้ำรินยังไม่พร้อมที่จะกลับบ้าน เพราะเกรงว่าสภาพจิตใจเธอตอนนี้จะทำให้พ่อแม่ของเธอไม่สบายใจ….ถ้าหากท่านรู้เรื่องเมื่อคืนระหว่างเธอกับธีรภัทร พวกท่านคงผิดหวังในตัวเธออีกครั้ง
เธอนิ่งคิดเรื่องธีรภัทรเมื่อคืน เธอพลาดไปแล้วจริงๆ ต่อไปนี้คงต้องถอยออกมาให้ห่างจากเขา เพราะไม่อย่างนั้นเรื่องแบบนี้ก็เกิดขึ้นอีก ทำไมเขาถึงได้ทำกับเธอแบบนี้นะ….หญิงสาวนิ่งคิดด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความชอกช้ำ น้ำตาที่คิดว่าเหือดแห้งไปหมดแล้วก็ไหลทะลักลงมาอีกครั้ง
???
1 เดือนถัดไป
น้ำริน ย้ายมาอยู่คอนโดอย่างถาวร เพราะบ้านเธออยู่แถวชานเมือง เธอต้องใช้เวลาขับรถนานมากกว่าจะถึงจุดหมายปลายทางในแต่ละวัน อีกอย่างเธอเป็นคนที่ไม่ชอบตื่นเช้าเป็นนิสัยอยู่แล้ว ถ้าต้องตื่นเช้ามากๆก็คงไม่ไหวเหมือนกัน แต่เช้านี้เธอตื่นขึ้นมาด้วยร่างกายอันอ่อนล้าโรยลา รู้สึกเวียนหัว คลื่นไส้เป็นพักๆ
‘โอ้ย….ไม่ไหวแล้ว สภาพแบบนี้ต้องไปหาหมอ อย่างเดียว’
ตี๊ด! ตี๊ด! ตี๊ด!
“อะโหล…จ้าติณห์ ถ้าจะว่างมากเลยนะ ช่วงนี้โทรมาหาเราบ่อยเชียวเหงาหรอ?”
“ว่างรึป่าว วันนี้วันหยุดว่าจะชวนไปเที่ยวสักหน่อย”
“วันนี้ว่าจะพาคุณแม่ไปเดทสักหน่อย แต่คงไปไม่ได้แล้ว เวียนหัวมากน่ะจะไปหาหมอน่ะ”
เธอบอกปลายสายด้วยน้ำเสียงแหบแห้งเบาหวิวเนื่องจากไม่สบาย
“เอ้ย!ไม่สบายหรอ เป็นอะไรมากมั้ย เดี๋ยวเราพาไปหาหมอเอง อยู่คอนโดใช่มั้ย รอแปบนะ!”
ชายหนุ่มไม่รอให้เธอปฎิเสธรีบวางสายทันทีด้วยความเป็นห่วงหญิงสาวผู้ที่เขาแอบรัก
“ดะ..เดี๋ยวๆ ติณห์ๆๆ เอ๋า วางไปซะแล้ว”
ติณห์ก็ช่างอบอุ่นกับเธอแปลกๆเสียเหลือเกินช่วงนี้ สงสัยคงจะว่างมากมาย วันๆไลน์มาโทรมาไม่ขาดสาย แต่แปลกที่เธอแทบจะไม่รำคาญอะไรติณห์เลยแม้แต่นิด อาจจะเป็นเพราะชายหนุ่มคือเพื่อนสนิทของเธอตั้งแต่เด็กๆ ไม่เคยทะเลาะกันสักครั้ง เพราะอะไรน่ะหรอ เขาไม่ขัดใจเธอแม้แต่ครั้งเดียวน่ะสิ!หญิงสาวอมยิ้มอย่างสบายใจเมื่อนึกถึง ติณห์
???
โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง
“ยินดีด้วยนะคะ คุณแม่ตั้งครรภ์ได้เดือนกว่าแล้วค่ะ!”
“วะ…ว่าอะไรนะคะ..คะ..คุณหมอ”
เธอเลิกคิ้วถามด้วยความตกใจ เหมือนหูเธอจะอื้อไปชั่วขณะ โลกทั้งใบเหมือนจะทะล่มลงมาอีกครั้ง ติณห์ ที่นั่งอยู่ข้างๆเธอก็ไม่ต่างกัน
“คุณตั้งครรภ์ค่ะ ที่มีอาการวิงเวียนศีรษะ แล้วก็คลื่นไส้ มาจากอาการระยะแรกของการแพ้ท้อง เดี๋ยวหมอจะจัดยาบำรุงกับยาแก้แพ้ไปให้นะคะ ช่วงนี้คุณพ่ออย่าให้คุณแม่ทำอะไรหนักๆนะคะ”
แพทย์หญิงหันไปพูดกับติณห์ที่นั่งทำหน้าเคร่งเครียดไม่ต่างจากเธอเท่าไหร่นักก่อนจะปรับสีหน้าเป็นยิ้มรับ
“คะ…ครับคุณหมอ”
ติณห์รับคำโดยที่ไม่มีแม้แต่คำปฎิเสธใดๆว่าเขาไม่ใช่สามีของน้ำริน แม้จะตกใจระคนแปลกใจที่หญิงสาวตั้งครรภ์หลังจากที่หย่ากับสามีมานานถึง4 เดือน น้ำรินไปมีสัมพันธ์กับใครที่ใหนอีก เขาก็นึกว่าจะเป็นเขาคนเดียวที่เธอคุยด้วยตลอดมา….น้ำรินได้แต่มองติณห์พร้อมกับถอนหายใจเฮือก! ไม่รู้จะอธิบายกับเขาอย่างไรดี!
???
สวนสาธารณติดแม่น้ำเจ้าพระยา
“รินจะเอาเด็กออก!!”
หญิงสาวกัดริมฝีปากกลั้นใจโพร่งออกมา
“ตัวพูดอะไรออกมาน่ะริน!…..มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นเล่ามา..เล่ามาให้หมดเลย ถ้าวันนี้เราไม่มาด้วยรินก็คงไม่บอกเราใช่มั้ย ใครคือพ่อของเด็กในท้อง?”
สีหน้าที่เคร่งเครียดเอ่ยถามออกมาด้วยน้ำเสียงที่เน้นหนักของเขา ทำให้น้ำรินนึกขยาดอยู่เหมือนกัน เธอแทบจะไม่เคยเห็นมุมที่เคร่งขรึมดูเป็นผู้ใหญ่น่าเกรงขามแบบนี้มาก่อนเลย สายตาคมกริบของเขาที่จับจ้องมาด้วยความคาดคั้นทำให้เธอกระดากใจที่จะเอ่ยออกไป
“วันนั้นรินไปบ้านเรือนหอมา…แล้วบังเอิญเขาก็อยู่…..รินพยายามแล้วนะ พยายามที่จะขัดขืนเขา…แต่พอรินตบเขา ขันขืนเขา เขาก็ยิ่งทำ….เขาบอกว่าเขาโกรธที่เห็นรินวันนั้น….วันที่เราไปกินข้าวกัน"
เธอเอามือปิดหน้าก่อนจะหยุดพูดเพื่อร้องไห้…คำพูดทะลักพรั่งพรูออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นครอนพร้อมน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม
“รินรู้รินผิด…ผิดอย่างไม่น่าให้อภัย ติณห์คงจะโกรธเกลียดรินมากใช่มั้ยที่รินได้ขึ้นชื่อว่าเป็นชู้กับแฟนคนอื่น!”
แววตาของเขาที่มองเธอ ฉายแววแห่งความเจ็บปวดอย่างสุดกลั้นออกมา
“ไอ้สารเลว มันต้องรับผิดชอบกับการกระทำนี้”
น้ำเสียงที่โกรธขึ้ง ไฟโทสะอันร้อนแรง ได้เผาผลาญความเยือกเย็นสุขุมของเขาอย่างไม่เหลือชิ้นดี
“อย่านะติณห์…ถ้าบอกเขาให้รู้เรื่องนี้รินจะฆ่าตัวตาย!!”
หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงที่สิ้นหวังหมดทางจะไปแล้วจริงๆหยาดน้ำยังคงร่วงเผาะอยู่บนใบหน้าที่งดงาม
เขาจ้องมองไปที่ใบหน้างามของเธอเจ็บปวดยิ่งกว่าเธอนัก เขาไม่เคยทำให้เธอเจ็บปวดแม้แต่นิดเดียว แต่ผู้ชายคนนั้นมันเป็นใครกันถึงกล้าทำร้ายย่ำยีเธอได้ถึงขนาดนี้ ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาแดงกล่ำด้วยความอารมณ์ของโทสะ!
“อย่าคิดแบบนั้นนะริน…”น้ำเสียงของเขาเริ่มอ่อนลงอีกครั้งเมื่อได้ยินเธอพูดแบบนั้น
เขานั่งลงข้างน้ำริน ดันตัวเธอมาพิงที่ไหล่ของเขา แขนอีกข้างของสอดไปโอบไหล่ของเธออย่างอ่อนโยนและอบอุ่น เพื่อให้เธอร้องไห้ออกมาให้หมด ปลายนิ้วเรียวของเขาเอื้อมไปปาดน้ำตาให้เธอที่เปียกชุ่มอยู่บนใบหน้างาม
“แต่งงานกับติณห์นะ….เราจะรับเป็นพ่อของเด็กเอง…เรารักรินมานานมากแล้ว…”
เขาสารภาพออกมาด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน ไม่ได้นึกโกรธหรือรังเกียจรังงอนเธอเลยแม้แต่นิด กลับโกรธตัวเองที่เป็นสาเหตุของคืนนั้น ถึงแม้คืนนั้นเขาไม่ได้ทำอะไรผิดที่พาเธอไป แต่คนเลวอย่างไอ้ธีร์ต่างหากที่ไม่สมควรทำกับเธอแบบนี้ คิดถึงผู้ชายคนนี้ครั้งใดทำให้เขาขบกรามกรอดด้วยความโกรธ!!!
???