ฉันจะได้อยู่ในบ้านหลังใหม่ที่คงไร้อิสรภาพ

1211 คำ
ตอนที่ 4 และมีครอบครัว แต่ไม่ใช่เขา ไปเรียนต่อที่ ต่างประเทศ ผมหวังเจ้าสาวที่ชื่อ ดาววลัยจะมาเคียงคู่อยู่กับผม แต่คราวนี้ไม่แล้วล่ะ ชีวิตของผม มันก็ไม่ต่างกับโลกที่มันมาถล่มตรงหน้า เด็กคนนี้ อภิวานต์ต้องการจะเลี้ยงในฐานะอย่างไรก็ได้ ที่เขาต้องการให้เป็น แต่ขั้นแรก เขาจะส่งไปอยู่ที่บ้านสวน ที่มีคุณย่า ผัสภรณ์อาศัยอยู่ที่นั่น เขาบอกกับผู้เป็นย่าของเขาว่า “ผมอยากให้คุณย่าเลี้ยงไว้เอาบุญครับ เป็นลูกของคนที่ผมรู้จัก เขาเดือดร้อนมากถึงกับขนาดจะขายลูกให้คนอื่น ผมยื่นมือเข้ามา เพราะความเป็นเพื่อน เวทนาตัวแก เพราะพ่อมันใจไม้ไส้ระกำทำเรื่องเลวๆได้อย่างเหลือขอ คุณย่าจะเลี้ยงในไว้ในฐานะอะไรก็ตามเถอะ เป็นเด็กรับใช้ก็ดีครับ ถ้ายกตัวขึ้นสูงหน่อย เดี๋ยวเด็กจะเหลิง ยิ่งกำพืดมันมีแบบนี้แล้วผมไม่อยากให้คุณย่าส่งเสริมอะไรมาก แค่ให้เด็กอยู่ในบ้าน เรียนหนังสือ แล้วปรนนิบัติคุณย่า ผมเห็นว่าคุณย่าอายุมากแล้วไม่มีใครแล้วจะมาหวังผมให้ผลิตเหลนไปให้คุณย่า ยังหรอกครับ ผมไม่นึกรักผู้หญิงคนไหนเลยในตอนนี้ จึงยังจะหาใครมาเป็นตัวเป็นตนไม่ได้ ผมเข็ดอยู่ ” เขาบอกคุณผัสภรณ์อย่างนั้น นั่งคุยจนยาวเหยียด ซึ่งหญิงชราก็พยักหน้าเข้าใจ เขาจะตั้งชื่อ ให้เด็กคนนี้ใหม่ว่าดมิสาซึ่งความหมายของมันคือดาวหรือพระจันทร์ ดาว ที่มาจากชื่อของแม่เด็ก ดาววลัย ซึ่งเด็กสาวที่ได้รับการเปลี่ยนชื่อใหม่อย่างดมิสา เผอิญได้ยินเข้าพอดีคำนั้นมันจึงเข้าไปสู่และซึมแทรกในใจของเด็กสาว เด็กสาวรู้ว่าคนบ้านนี้ต้องการเลี้ยงหล่อนไปเพื่ออะไร มันสะกิดใจของหล่อนนัก ใช่ แม่ของเธอเป็นผู้หญิงไม่ดี เขาพูดให้ได้ยินสองรูหู เลี้ยงหล่อนเหมือนลูกนกลูกกามันคงไม่แตกต่างไปจากทาส น้ำเสียงที่โมโหร้ายนั้นก้าวผ่านจากหล่อนไปแล้ว แต่เด็กสาวยังคงคิดครุ่นคิดมัน เหลือแต่คุณย่าผัสภรณ์ ที่คนในบ้านนี้เรียกท่าน จะเมตตาปราณีหล่อนแค่ไหนกัน ทางที่ดี ดมิสา อยู่อย่างเจียมตัวนั่นแหละดีที่สุด เพราะบุญคุณที่เป็นเหมือนหนี้ติดค้างกันหล่อนต้องชดใช้ และทำให้ดมิสาต้องยอมรับโดยปริยาย เธอจะทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด จะไม่ให้คนอื่นพลอยเดือดร้อนตาม โดยเฉพาะผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้มีพระคุณและมีอุปการคุณสำหรับหล่อน ดมิสาต้องทดแทนบุญคุณด้วยความกตัญญู ความจริงหล่อนชื่อก้านแพรชื่อเดิมก็ดีแล้วเป็นชื่อที่มารดาตั้งให้ แต่หลังจากนี้ไป เป็นเรื่องที่ดมิสาต้องรับรู้กับสถานภาพใหม่และชีวิตความเป็นอยู่ของเด็กหญิงต้องคอยรับใช้ดูแลคุณผัสภรณ์ “ เก็บเด็กนั่น เอามาเลี้ยงไว้เป็นทาส ” หล่อนได้ยินคำที่เปล่งออกมาจากริมฝีปากของหนุ่มใหญ่ ที่อารมณ์เต็มไปด้วยโทโสและหลงผิด “ไม่เอาน่า ย่าจะเลี้ยงดูมันเอง เรื่องนี้ไว้เป็นหน้าที่ของย่าตาใหญ่จะไปทำงานก็ไปทำเถอะ” ได้ยินคุณผัสภรณ์ ไล่อภิวานต์ออกไป ปากเขาจัด เขาดูถูกหล่อนอย่างมากมาย แต่คุณย่าของเขาไม่ได้ตำหนิว่าหล่อนสักนิดใช่ หล่อนเหมือนหุ่นที่เขาจับชักเชิดทำอะไรด้วยตัวเองไม่ได้เพราะหล่อนไม่มีอิสระแล้วเหมือนถูกจองจำ เขากำหนดให้หล่อนเป็นคนดูแลย่าของเขา คนที่เขากำหนดให้เลี้ยงดูหล่อนก็เป็นย่าของเขา กับคนของเขา ดมิสาเริ่มเข้าใจ สภาพการเข้ามาของตนเองเป็นอย่างดีหล่อนเป็นเพียงข้าทาสบริวารที่เขานำมาเพื่อขัดดอก ให้สาสมกับเม็ดเงินที่เสียไปและแน่นอนนายจ้างอย่างเขา ต้องเอาให้คุ้มค่าแน่ หล่อนกำลังจะอยู่ในสภาพที่ทุกข์ทรมานแม่กับพ่อของหล่อนจะรู้ไหมหล่อนรู้ว่าพ่อติดคุกแม่ต้องการเงินมากมายเหล่านั้นไปทำไม เลี้ยงลูก เลี้ยงน้องอย่างที่แม่อ้างนะหรือ หล่อนไม่เชื่อว่าแม่จะทำอย่างนั้น นี่แม่ทิ้งให้หล่อนอยู่เดียวกาย กับใครก็ไม่รู้ เป็นคนแปลกหน้า ไม่ใช่บ้านของหล่อนแน่ แต่หล่อนต้องทนอยู่ที่นี่ต่อไป คงรอสักวันหนึ่ง ถ้าแม่มีเงิน คงมาไถ่ตัวหล่อนได้ ดมิสาเริ่มจะโตเป็นสาวแล้ว หล่อนอายุย่างเข้าสิบแปด หลังจากที่เวลานั้นผ่านไปหลายปี วันที่สายฝนพร่างพรมแต่เช้าหยาดน้ำเกาะพราวไปตามกิ่งก้านสาขาของหางนกยูงสีแดงสะพรั่ง เขาใช้สายตามองเธอหยามหมิ่นไม่นำพาต่อสายฝนที่กำลังกระหน่ำตกอย่างหนักหน่วงทั่วบริเวณนั้นและกระจายออกไปจากที่นั่นเขาทำท่าเหมือนเยื้อยุดฉุดกระชากหล่อนท่ามกลางสายฝนไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษเอาเสียเลย ดมิสาคิดด้วยความเจ็บใจสีหน้าของเขาเขียวขุ่นบึ้งตึง เหมือนไปกินรังแตนมาทั้งรังเด็กสาวรู้สึกหนาวก็หนาว แสนสะท้าน สายลมเย็น ความยะเยียบจากหยาดน้ำที่เย็นโถมจากท้องฟ้า ที่กำบังไม่มีสักนิด หญิงสาวต้องนิ่วหน้าเก็บกดไว้ด้วยความอดทน ใช่แล้วเขามองหล่อนเป็นแค่สัตว์เลี้ยงภายในบ้านเป็นคนใช้ ดมิสาได้ยินคำนี้มานานนับครั้งแล้วมันกรอกใส่หูของหล่อนทุกวันของหนุ่มใหญ่ใจดิบและสติแตก เจ้าของบ้านหลังใหญ่โต หล่อนไม่กลัวหรอก ฝ่าสายฝนวิ่งไปทั้งๆที่ยังเปียกปอนหลังจากที่กระชากตัวเองหลุดพ้นจากการบีบแขนลากถูลู่ถูกังทำเหมือนกับว่า หล่อนทำความผิด ชนิดที่ให้อภัยไม่ได้ เด็กสาวก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมหล่อนต้องมาตกระกำลำบากอย่างนี้หล่อนทราบและได้ยินมาตลอดเวลาแล้วว่าเขาต้องการแก้แค้นแก้แค้นเพียงอย่างเดียว ต่อมารดาของหล่อนที่ทำให้เขาเจ็บปวดเจ็บใจ ก็แล้วทำไมด้วย ถึงต้องมาลงที่หล่อน หล่อนสมควรเป็นผู้รับเคราะห์งั้นหรือหล่อนไม่รู้เรื่องราวอะไรเลย ดีที่ผู้อาวุโสของบ้านคุณย่าผัสภรณ์ ย่าของเขาเป็นคนใจดีมีเมตตารักใคร่เอ็นดูเมตตาหล่อนเหมือนลูกหลานในไส้ เด็กสาวนึกถึงความดีของคุณผัสภรณ์ จึงยอมมองข้ามทุกสิ่งอย่างอยู่เพื่อปรนนิบัติรับใช้ท่าน ตอบแทนด้วยความกตัญญูรวมทั้งที่ท่านอนุญาตให้เด็กสาวไปเรียนหนังสือได้ก็เป็นความกรุณาอย่างใหญ่หลวง ที่ทำให้หล่อนมีอนาคต หลังจากที่ต่อไปภายภาคหน้าหล่อนอาจจะไม่ได้อยู่ที่นี่ก็ได้และคุณผัสภรณ์เองก็ละสังขารไปตามวัยแต่ตอนนี้ท่านยังแข็งแรงอยู่ ดมิสาคิดว่า ท่านยังคงจะอยู่กับหล่อนไปอีกนาน “ดิฉันยืนอยู่นี่ มีอะไรให้รับใช้อีกหรือเปล่าคะ ”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม