ความเดิม- อะแอ้ม!!..เสียงไอกระแอมจากมานพที่แอบสังเกตเห็นอาการของคนตัวโต ผู้ชายด้วยกันนั้นดูออก
………………………………
"เอ่อ ขอโทษครับ พอดีรีบกลืนไปหน่อย ข้าวต้มนี่ลื่นคอดี" มานพออกตัวยิ้ม ๆ เพราะเผลอทำเสียงไอกระแอมไป แต่ความจริงแล้วเป็นการปรามไอ้พวกโคแก่เสียมากกว่า
"เห็นว่าน้องนางอยากศึกษาเรื่องหลอดเลือดเหรอ ไปกับนายธันได้นะ ถ้าอยากเป็นแพทย์สายนี้ต้องเกาะนายคนนี้ไว้" ปกรณ์เอ่ยยิ้ม ๆ แอบเชียร์เพื่อนรักเต็มที่
"อ้อ ให้เป็นไปทีละขั้นทีละตอนดีกว่าครับ ผมไม่อยากให้น้องด่วนตัดสินใจ ค่อย ๆ เรียนรู้แล้วถึงตอนนั้นค่อยเลือกก็ยังทัน ผมพร้อมสนับสนุนน้องทุกทางครับ" มานพเอ่ยแทรกขึ้นเพราะรู้ว่าน้องสาวลำบากใจที่จะตอบ
"ก็จริงนะ ขนาดผมกว่าเลือกได้ว่าชอบทางไหนก็สองสามปีเลย" เปรมมนัสเอ่ยอย่างเห็นด้วยกับคำพูดของพยาบาลหนุ่มพลางตวัดสายตาใส่ปกรณ์เพื่อนรักที่อวยเพื่อนหมอหลอดเลือดจนเกินงามไปแล้ว
อีกด้านของคนป่วยที่ได้แต่กินข้าวต้มอย่างเงียบ
"คุณกิจว่าข้าวต้มนี่กลืนง่ายกว่าทุกวัยมั๊ยครับ ค่อย ๆ กลืนนะครับ ตะกี้ผมก็เกือบสำลักเหมือนกัน รับผัดผักด้วยนะครับ ผักกรอบ ๆ เอามาผัดครับ เคี้ยวง่ายไม่เหนียวครับ จะได้ได้ไฟเบอร์ด้วย" มานพเอ่ยยิ้ม ๆ เพราะเขาต้องชิมอาหารทุกอย่างที่คนป่วยต้องกินอยู่แล้วเพื่อจะได้รู้ว่าดีหรือไม่ดีต่อผู้ป่วย
ด้านธันทรรู้สึกว่าตัวเองเจองานหยาบเสียแล้ว ท่าทางพี่ชายของเธอจะไม่ยอมให้เกาะแกะน้องสาวง่าย ๆ เสียแล้วซิ
ธันทรพาร์ท
{หลังจากรับประทานอาหารมื้อเช้าด้วยกันเสร็จผมและนายกรนั่งคุยกับเจ้าบ้านสักพักตามมารยาท จึงขอตัวกลับ และให้นายกรขับรถไปส่งที่คอนโดของผม ทันทีที่ถึงคอนโดผมรีบแตะคีการ์ดเพื่อเข้าห้องอยากอาบน้ำชำระร่างกายอย่างที่สุดเพราะเหนื่อยล้ากับเคสตั้งแต่เมื่อคืนเต็มทน หลังจากอาบน้ำเสร็จผมรู้สึกสดชื่นหายง่วงเป็นปลิดทิ้ง ก็เลยนอนคิดอะไรไปเรื่อย ผมไม่เคยคิดเลยว่าคำพูดที่ตัวเองเคยได้ลั่นวาจาไว้มันกลับมาเป็นหอกที่คอยทิมแทงตัวเองเสียอย่างนั้น ตอนนี้ผมกำลังชั่งใจอยู่ว่าผมจะเลือกรักษาคำพูด หรือจะเลือกรักษาหัวใจให้ตัวเองดี แต่พอลองหยั่งใจดูแค่ยัยเรืองแสงปิดเทอมผมก็ต้องเคลียร์ตัวเองวิ่งแจ้นมาหาเธอที่บ้านของชาวบ้านแล้ว ทั้งที่เจ้าของบ้านก็ดูท่าว่าไม่ค่อยจะชอบขี้หน้าผมเท่าไร มันน่าอายชะมัด หรือผมจะต้องเลือก มันมีสองอย่างที่ตีกันในหัวผม ถ้าผมเลือกอย่างที่สองคือรักษาหัวใจของตัวเอง ถ้ายัยเรืองแสงไม่เล่นด้วยกับผมล่ะ ผมไม่เสียศูนย์เลยเหรอ แต่มีคน ๆ นึงบอกผมว่าให้ฟังเสียงของหัวใจมากกว่าการรับคำสั่งจากสมอง คน ๆ นั้นก็คือไอ้หมอกีเพื่อนรักของผมนั่นเอง เพราะมันก็เคยอยู่ในสภาวะแบบเดียวกันกับผมมาก่อน ผมคงต้องเลือกใช้ทฤษฎีของมันแล้วหละครับ}
ตัดมาที่มานิดา
หญิงสาวนั่งดูบทความ เอกสารต่าง ๆ ทางการแพทย์ กระทู้แนะแนวต่าง ๆ ในมือถือไปเรื่อย ๆ จนคิ้วผูกโบว์
"อย่าเพิ่งเครียดไปยัยนาง เราแค่กำลังจะขึ้นปีสอง ไม่ใชปีสามปีสี่ ใจเย็น ๆ ค่อย ๆ ดูไป ทำใจให้ว่างแล้วสิ่งที่คู่ควรจะวิ่งมาหาเราเอง ทุกอย่างมันถูกกำหนดไว้แล้วแหละ เชื่อพี่ นอนได้แล้ว เดี๋ยวพี่จะไปดูคุณกิจเสียหน่อย" มานพเอ่ยยิ้ม ๆ พร้อมกับลูบผมน้องสาวสุดที่รักอย่างเบามือแล้วเดินออกจากห้องไป
ด้านมานิดาได้แต่ยิ้มให้พี่ชายแล้วตอบพี่ชายในใจ {หนูอยากเป็นหมอที่ช่วยยื้อชีวิตคนค่ะ ให้คน ๆ นั้นได้มีโอกาสได้กลับมาใช้ชีวิตกับคนในครอบครัวค่ะพี่นพ หนูไม่อยากให้ใครเป็นเหมือนเราสองพี่น้องเลยค่ะ} หญิงสาวได้แต่ถอนหายใจแล้วล้มตัวลงนอน แล้วนับแกะไปเรื่อย ๆ ไม่รู้ว่าแกะตัวที่เท่าไรเหมือนกันเพราะความรู้สึกของเธอได้วูบดับไปแล้ว
@เช้าวันใหม่
มานิดาออกจากบ้านตั้งแต่เช้าเพื่อเดินทางไปยังคลินิกแห่งหนึ่งเพื่อไปรับจ๊อบพิเศษเพราะพี่ ๆ นักศึกษาแพทย์แนะนำมา
@คลินิกแพทย์ใจดี
"อ้าวน้องนางมาแล้วเหรอ กินอะไรมาหรือยัง มากินอาหารเช้ากันก่อนเร้ว คลินิกเราเปิดสาย ๆ อีกตั้งสองชั่วโมงกว่าจะเปิดแน่ะ" ดวงใจกวักมือหวอย ๆ เรียกน้องใหม่เข้ากินอาหารด้วยกันก่อน
"ไม่เป็นไรค่ะ หนูทานมาแล้วค่ะ พอดีแวะซื้อซื้อข้าวกินที่เซเว่นเรียบร้อยค่ะ"
"เหรอ งั้นก็เช็ดโต๊ะ เก้าอี้ แล้วก็จัดบัตรคิวรอแล้วกันเน๊าะ" ดวงใจกล่าวยิ้ม ๆ แล้วกินอาหารเช้าต่ออย่างเอร็ดอร่อย
"ค่าได้ค่า"
"ออ น้องนางจ๊ะ วันนี้จะมีคุณหมอคนใหม่ที่มาแทนคุณหมอคนเดิมนะจ๊ะ ฝากดูเคสให้คุณหมอหน่อย" ดวงใจชะโยกหน้ามาคุยแล้วก้มหน้าก้มตากินอาหารตรงหน้าต่อ
"ได้ค่ะ ว่าแต่คุณหมอใหม่ชื่ออะไรค๊า…"
"………" ไม่มีเสียงตอบจากผู้บอกเล่า และเธอก็ไม่ได้นั่งอยู่ตรงโต๊ะอาหารแล้ว
"เอ้า…เงียบ ไม่อยู่แล้วนิ่ คงเข้าห้องน้ำมั๊ง ไม่เป็นไร มาเมื่อไรค่อยวิ่งไปถามพี่แกก็ได้" มานิดาสรุปเอาเองแล้วดูแลความพร้อมหน้าคลินิกต่อ
เวลา 09.00 น.
คนไข้เริ่มเข้ามาขอคิวเข้าตรวจบ้างแล้ว มานิดาก็แจกคิว ให้ชั่งน้ำหนัก วัดความดันโลหิตรอไปเรื่อยจนเริ่มหัวหมุน เพราะคนไข้เริ่มทยอยมากันมากขึ้น
ก๊อก ก๊อก ก๊อก.. เสียงเคาะที่เคาน์เตอร์ส่วนหน้าของคลินิก
"สวัสดีครับ ผมนายแพทย์ธันทร อารยะไพศาล มาตรวจแทนแพทย์คนเดิมวันนี้ครับ" ธันทรเอ่ยทักทายพนักงานประจำเคาน์เตอร์คนใหม่ด้วยรอยยิ้มเก๋