ฟ้ายังไม่ทันสางกุ้ยหนิงอันที่หลับไปด้วยความอ่อนเพลียตื่นขึ้นมาด้วยสีหน้าสดใส เนื่องจากได้นอนเต็มอิ่ม และวันนี้เธอหวังว่าจะเป็นวันที่ดีของเธอ
เมื่อลุกขึ้นจากเตียง กุ้ยหนิงอันจึงเดินเข้าห้องน้ำเพื่อชำระร่างกาย หลังจากออกมาจากห้องน้ำ เธอจึงเลือกเสื้อผ้าที่ดูดีที่สุดสำหรับการสมัครงานในวันนี้ และเตรียมเอกสารส่วนตัวให้พร้อม ก่อนจะลงมาจากห้องเพื่อมาหาป้าจิงซือที่ชั้นล่างของอะพาร์ตเมนต์
“อ้าวมาแล้วเหรอ กินอะไรมาหรือยัง วันนี้ป้าทำซาลาเปามากินด้วยกันสิ”
จิงซือเห็นว่ากุ้ยหนิงอันเดินลงมาแล้ว เธอและสามีกำลังทานอาหารเช้ากันอยู่ เพราะสามีของเธอนั้นเป็นยามของที่นี่
“นั่นสิ มากินด้วยกันเถิดยายแก่ของลุงทำไว้เยอะเลย เราสองคนกินไม่หมดหรอก”
ลุงหม่าเอ่ยด้วยความเป็นกันเอง เมื่อคืนภรรยาเขาเล่าเรื่องเด็กสาวคนนี้ให้ฟังแล้ว และหวังว่าเธอจะได้งานที่โรงแรมของตระกูลหลัน
กุ้ยหนิงอันรู้สึกเกรงใจ แม้ว่าบ้านเมืองจะเริ่มพัฒนาแล้ว ทว่าเรื่องการอยู่การกินเธอไม่อยากรบกวนทั้งสองคน
“มาเถิด เมื่อไหร่ที่ได้งานและได้เงินเดือน อันอันค่อยซื้อขนมมาให้ลุงกับป้าก็แล้วกัน ถ้ายังลังเลไม่แน่ว่าจะไปสายนะ”
“เช่นนั้นก็ขอบคุณลุงกับป้ามากนะ ฉันสัญญาเมื่อไหร่ที่เงินเดือนออกฉันจะพาลุงกับป้าไปหาของอร่อยกินกัน”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น กุ้ยหนิงอันจึงตอบตกลง จากนั้นจึงนั่งลงและหยิบซาลาเปาขึ้นมาหนึ่งลูก ทันทีกี่กัดเข้าไปความชุ่มฉ่ำของไส้ทะลักเข้ามาในปาก แม้ว่าเธอจะทำอาหารเป็น แต่ซาลาเปาลูกนี้เธอกลับมองว่าอร่อยมาก อร่อยกว่าร้านดังที่เธอเคยกินใจชาติก่อนเสียอีก
“อร่อยมากเลยค่ะป้า วันไหนว่างป้าสอนฉันทำหน่อยนะ เมื่อไหร่ที่ได้กลับไปเยี่ยมบ้านฉันจะได้ทำให้ทุกคนทานเหมือนกัน”
“ได้สิ ป้าไม่หวงวิชาหรอก หากครั้งหน้าป้าทำอีกป้าจะให้ตาแก่ของป้าไปตาม”
เมื่อมีคนชอบอาหารที่เธอทำ ใครบ้างจะไม่ดีใจ เธอไม่ได้หวงวิชา คิดว่าต่อไปหากทำอาหารคงจะต้องเรียกเด็กสาวตรงหน้าให้มาดู ไม่แน่ในอนาคตเมื่อกลับบ้านไป นี่อาจจะเป็นอาชีพก็ได้
จากนั้นทั้งสามคนจึงทานอาหารมื้อนี้กันอย่างเอร็ดอร่อย พร้อมกับเสียงหัวเราะและพูดคุยกันไม่หยุด
“สู้ ๆ นะอันอัน ป้าเอาใจช่วย” ป้าจิงให้กำลังใจ เธอบอกกับหลานสาวว่าช่วยดูงานให้กับกุ้ยหนิงอันด้วย ก่อนจะกล่าวฝากฝังอีกครั้ง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นอยู่ที่กุ้ยหนิงอันจะผ่านสัมภาษณ์หรือเปล่า
“ขอบคุณมากคะป้าจิง ฉันขอตัวเข้าไปสัมภาษณ์งานก่อนนะ”
กุ้ยหนิงอันยิ้มให้ก่อนจะเดินเข้าไปด้านในเพราะมีพนักงานมาแจ้งว่าถึงคิวสัมภาษณ์ของเธอแล้ว เธอหายไปร่วมหนึ่งชั่วโมงก่อนจะเดินกลับออกมาด้วยรอยยิ้ม
จิงซืออยากจะนั่งรอเด็กสาวคนนี้ ห่างไกลบ้านมาทำงานทำให้เธอนึกถึงลูกสาวที่แต่งงานไปอยู่ต่างมณฑล เลยตั้งใจว่าจะรอกุ้ยหนิงอันอยู่ตรงนี้แล้วค่อยกลับอะพาร์ตเมนต์พร้อมกัน
“เป็นยังไงบ้างเดินยิ้มเข้ามาแบบนี้แสดงว่าข่าวดีใช่ไหม”
“ใช่แล้วค่ะป้า ฝ่ายบุคคลของโรงแรมแจ้งว่าให้ฉันมาเริ่มงานได้เลยในวันพรุ่งนี้ นี่ค่ะทางโรงแรมให้ชุดพนักงานมาแล้ว”
กุ้ยหนิงอันยิ้มร่าเดินเข้ามาอย่างดีใจ ไม่คิดว่าสัมภาษณ์งานแล้วจะได้งานทำทันที ทีนี้เธอไม่ต้องกังวลเรื่องเงินอีกแล้วว่าจะหาเงินจากไหนใช้ถ้ายังไม่ได้ทำงาน
“ดี ดีแล้ว รีบกลับกันดีกว่า วันนี้เราต้องฉลองกันเสียแล้ว”
จิงซือดีใจไปด้วย เธอเห็นเด็กสาวยิ้มดีใจเธอก็ดีใจตาม ดูท่าแล้วเด็กสาวตรงหน้าคงจะดีใจไม่น้อยที่ได้งานทำ
“ดีเลยค่ะป้า อย่างนั้นเราไปเดินตลาดกันก่อนไหม มื้อนี้ฉันเป็นเจ้ามือเอง”
ในเมื่อป้าและสามีของป้าดีกับเธอตั้งแต่วันแรกที่เธอมาที่นี่ ต่อให้มีเงินเหลือเพียงน้อยนิดเองก็อยากจะตอบแทนบุญคุณเช่นกัน
จากนั้นสองสาวต่างวัยต่างก็คล้องแขนกันเดินกลับอะพาร์ตเมนต์ แต่ก่อนกลับนั้นทั้งสองคนแวะซื้ออาหารเพื่อไปทำกินในโอกาสที่กุ้ยหนิงอันได้งานทำ
เมื่อกลับมาถึงกุ้ยหนิงอันเอาของไปเก็บบนห้องก่อนจะลงมาช่วยจิงซือทำอาหาร และเลี้ยงฉลองเล็ก ๆ กันก่อนที่จะแยกย้าย
เช้าวันต่อมา กุ้ยหนิงอันแต่งตัวในเครื่องแบบพนักงานก่อนจะมองกระจกที่ตู้เสื้อผ้า
“สู้ ๆ นะอันอัน เริ่มงานวันแรกเธอต้องผ่านไปให้ได้ ในเมื่อชาติก่อนเธออยู่ในไร่เกือบทั้งชีวิต งานแค่นี้จะไปยากอะไร”
พอคิดถึงตรงนี้ก็อดที่จะนึกถึงน้องทั้งสองคนไม่ได้ ไม่รู้ว่าหลังจากที่เธอตายไป ทั้งสองจะมีชีวิตกันอยู่อย่างไร หวังเพียงว่าน้องชายจะไม่ไปล้างแค้นให้ก็แล้วกัน
หญิงสาวสะบัดศีรษะเล็กน้อย ก่อนจะปรับอารมณ์ จากนั้นจึงเดินลงมาชั้นล่าง หลังจากที่กล่าวทักทายจิงซือและสามีของเธอ ก่อนจะเดินไปทำงานด้วยรอยยิ้ม เนื่องจากโรงแรมและอะพาร์ตเมนต์อยู่ไม่ไกลมากจึงไม่ต้องขึ้นรถโดยสาร
“เธอเพิ่งมาเริ่มงานเหรอ” ซีซวนเพิ่งเริ่มงานได้เพียงหนึ่งเดือนกล่าวทักทายเพื่อนใหม่
“ใช่แล้ว ฉันเพิ่งเริ่มงานวันนี้ ฉันชื่อหนิงอันหรือจะเรียกอันอันก็ได้นะ เธอกับฉันอายุน่าจะเท่ากัน”
ทันทีที่เห็นคนทักทาย กุ้ยหนิงอันจึงส่งยิ้มไปให้ หญิงสาวตรงหน้า ใบหน้านั้นน่ามองไม่น้อย
“ฉันซื่อซีซวน หรือจะเรียกเสี่ยวซวนก็ได้” ซีซวนยิ้มให้อย่างเป็นมิตร
“อืม เช่นนั้นเรามาเป็นเพื่อนกันเถอะ แล้วเสี่ยวซวนพักอยู่ที่ไหนล่ะ”
“ฉันพักอยู่ที่อะพาร์ตเมนต์ตระกูลหลัน ฉันไม่ใช่คนปักกิ่ง ฉันเป็นคนเซี่ยงไฮ้”
ใช่แล้วเธอเป็นคนเซี่ยงไฮ้ เธอขอพ่อมาหาประสบการณ์ที่นี่ เธอจึงหางานทำ และอยากมีสหายที่ไม่รู้ว่าเธอเป็นใครแต่ก็ยังยอมคบหากับเธอ และหวังว่ากุ้ยหนิงอันคงจะเพื่อนกับเธอได้
“จริงเหรอ ฉันเองก็พักที่นั่น ต่อไปเราสองคนมาทำงานพร้อมกันและกลับพร้อมกันดีไหม แต่ตอนนี้ฉันคิดว่าเราควรจะรีบไปทำงานก่อนดีกว่า ไม่อย่างนั้นอาจจะโดนหักเงินเดือนได้”
“นั่นสิ ไม่ดีนะถ้าโดนหักเบี้ยเลี้ยงด้วย”
ซีซวนเห็นด้วยและหัวเราะออกมาเล็กน้อย
จากนั้นทั้งสองคนจึงไปทำหน้าที่ของตนเองอย่างที่ได้รับมอบหมาย เวลาเพียงไม่นานทั้งสองคนกลายเป็นเพื่อนรักกันโดยปริยาย และมีความสนิทกันมากขึ้น
วันเวลาล่วงเลยผ่านมาจนถึงวันรับเงินเดือน แม้ว่ากุ้ยหนิงอันทำงานไม่เต็มเดือน แต่เพราะเธอมีทิปของกลุ่มแม่บ้านจึงทำให้ได้รับส่วนแบ่งไม่น้อยเช่นกัน
“เลิกงานแล้วจะไปไหนเหรออันอัน”
“ฉันต้องไปส่งเงินกลับบ้านก่อน อีกทั้งวันนี้ฉันตั้งใจจะซื้ออาหารไปเลี้ยงฉลองกับป้าจิงและสามีของป้าจิง สัญญาไว้ตั้งแต่วันที่มาสมัครงานแล้ว”
“อย่างนั้นฉันไปกับเธอด้วย จะได้หาซื้ออาหารไปเพิ่มด้วย เธอเพิ่งได้เงินเดือนหารกันดีกว่า”
“ไม่ต้องหรอก เธอช่วยออกเงินให้มาหลายมื้อแล้ว”
นี่เป็นอีกเหตุผล เพราะเงินที่เธอมีนั้นคงจะหมดไปนานแล้วหากไม่ได้เพื่อนคนนี้ช่วยออกค่าอาหารมื้อเย็นหลายมื้อ แม้ว่ามื้อเที่ยงทางโรงแรมจะมีให้พนักงาน แต่มื้อเช้าและเย็น พนักงานต้องจัดหาเอง
“เธอคิดมากเกินไปหรือเปล่าอันอัน เราสองคนเป็นเพื่อนรักกัน ฉันยังคิดเลยว่าเมื่อไหร่มีเวลาบ้างฉันอยากไปเที่ยวบ้านเธอที่ชนบท บรรยากาศน่าจะสบายกว่าในเมืองหลวงเช่นนี้”
นี่คือความใฝ่ฝันอย่างหนึ่ง เธออยากท่องเที่ยวเดินทางไปทั่วทุกพื้นที่ เมื่อไหร่ที่ต้องไปช่วยคุณพ่อทำงาน เธอคงไม่มีเวลาเป็นของตนเองอีกแล้ว
“ได้สิ หากมีวันหยุดหลายวันฉันจะพาเธอไปเที่ยวบ้าน ที่นั่นมีพ่อ แม่ และน้องชายฝาแฝดของฉันอยู่ แต่บ้านฉันไม่ได้ร่ำรวยหรอกนะ หากเธอไม่รังเกียจ บ้านฉันยินดีต้อนรับ”
“รวยจนสำคัญด้วยเหรอ เราคบกันเป็นเพื่อนสนิท ฉันไม่มองตรงนั้นหรอก เมื่อไหร่มีวันหยุดยาวฉันจะต้องไปเที่ยวบ้านเธอแน่นอน”
สองสาวมองหน้ากันด้วยรอยยิ้มก่อนจะชวนกันไปจับจ่ายซื้อของ แต่ก่อนจะไปตลาดกุ้ยหนิงอันมองหาไปรษณีย์เพื่อส่งเงินกลับไปบ้านเสียก่อน
ซึ่งในครั้งนี้กุ้ยหนิงอันส่งเงินกลับบ้านถึงยี่สิบหยวน แม้เงินเดือนแม่บ้านเดือนนี้จะได้เพียงสี่สิบหยวน แต่เธอยังมีทิปรวมและค่าเช่าห้องของเธอเพียงห้าหยวนเท่านั้น เหลือไว้ที่ตัวเพียงสิบกว่าหยวนก็พอแล้ว เธอไม่ใช่คนที่จะใช้เงินฟุ่มเฟือย แค่นี้ก็พอใช้ทั้งเดือน เดือนหน้าเธอคงได้มากกว่านี้เพราะทำงานเต็มเดือน
“กลับมากันแล้วเหรอ หอบข้าวของอะไรกันมามากมายล่ะนั่น ไม่ใช่ว่าเงินเดือนออกแล้วใช้เงินเรี่ยราดนะ” จิงซือเห็นว่าสองสาวกลับมาแล้วจึงเอ่ยทัก ทว่าเห็นข้าวของในมือก็อดที่จะบ่นไม่ได้
“โธ่…ป้าจิง อย่าเพิ่งดุเราสองคนเลยค่ะ วันนี้ฉันส่งเงินกลับบ้านแล้ว และอยากเลี้ยงอาหารลุงกับป้าด้วย เราสองคนเลยหาซื้ออาหารมาทำกินเพื่อฉลองเงินเดือน เดือนแรกของฉันยังไงล่ะคะป้า”
กุ้ยหนิงอันรู้ว่าต้องโดนดุ เพราะลุงกับป้ามักจะเรียกเธอมาทานอาหารด้วยกันบ่อย ๆ และอยากให้เธอประหยัดเก็บเงินส่งครอบครัว ป้าจิงรู้ว่าฐานะทางบ้านของกุ้ยหนิงอันนั้นไม่ดีเท่าไรนัก เลยไม่อยากให้เด็กสาวต้องมาสิ้นเปลือง
“เอาน่ายายแก่ อันอันกับเสี่ยวซวนมีน้ำใจก็อย่าดุทั้งสองคนเลย” สามีป้าจิงซือหันมาขยิบตาให้กับทั้งสองคน บอกเป็นนัยว่าให้รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าลงมา ไม่เช่นนั้นยายแก่ของเขาคงจะบ่นอีกนาน
“เช่นนั้นเราสองคนไปเปลี่ยนชุดก่อนนะคะ”
“เดี๋ยวก่อน ป้าจะถามเราทั้งสองคนว่า ทำไมไม่ย้ายมาอยู่ด้วยกัน จะได้จ่ายค่าห้องคนละครึ่ง จะมาแยกกันเช่าทำไม”
จิงซือมองว่าในเมื่อทั้งสองคนสนิทกันควรจะลดค่าใช้จ่าย อีกทั้งเป็นผู้หญิงด้วยกันห้องก็กว้างขวางน่าจะอยู่ด้วยกันได้
กุ้ยหนิงอันกับซีซวนมองหน้ากันไม่นานก็ยิ้มออกมา ต่างก็คิดว่าจริงด้วย ทำไมเรื่องนี้ทั้งสองคนคิดไม่ได้กันนะ
“จริงด้วยอันอัน เราสองคนย้ายมาอยู่ด้วยกัน ทั้งเธอและฉันต่างก็ประหยัดค่าห้องไปครึ่งหนึ่ง”
“นั่นสิ เอาเป็นว่าเราสองคนย้ายมาอยู่ด้วยกันเถอะ” กุ้ยหนิงอันเห็นด้วย ก่อนจะหันไปตอบจิงซือเรื่องขอย้ายห้อง
จากนั้นจิงซือจึงทำเรื่องคืนห้องของกุ้ยหนิงอันเพราะทั้งสองตกลงกันแล้วว่าจะย้ายมาอยู่ด้วยกันที่ห้องของซีซวน
สามีของจิงซือและตัวของจิงซือเองต่างก็มาช่วยเด็กสาวย้ายห้อง เมื่อเสร็จแล้วทั้งหมดจึงลงมาทำอาหารกินกัน เพราะเด็กสาวทั้งสองซื้อของมามากมาย และอยากเลี้ยงฉลองเงินเดือนเดือนแรกให้กับกุ้ยหนิงอัน