Chapter 11

1583 คำ
Chapter 11          “ผมรบกวนหน่อยนะหมอไอ ฟาร์มนี้ให้นักศึกษาสัตวแพทย์ที่ม.ไปดูงานอยู่บ่อย ๆ ผู้หลักผู้ใหญ่เขาฝากมา”             สายที่วางไปทำให้สัตวแพทย์หนุ่มต้องเก็บกระเป๋าอุปกรณ์การแพทย์สำหรับรักษาสัตว์ มุ่งหน้าตรงไปยังจุดหมายในทันที            อาจารย์นิธิเป็นผู้มีพระคุณท่านหนึ่งซึ่งเคยให้ความช่วยเหลือเขาในหลาย ๆ เรื่อง            ตั้งแต่สมัยเรียนคณะสัตวแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยชื่อดังในกรุงเทพฯ ตัวเขาเรียกได้ว่าเป็นลูกศิษย์คนโปรดของอาจารย์ สาขาวิชาที่คุณหมอไอศูรย์ถนัดจริง ๆ แล้วเป็นคลินิกม้า มากกว่าคลินิกสัตว์เล็ก ด้วยวิชาชีพและประสบการณ์ที่สั่งสมมา เขาสามารถทำงานได้ทั้งคลินิกหมาแมว หรือกรมปศุสัตว์ อาจไม่เจนจัดวิชาเท่าอาจารย์ที่รักษาได้ครอบคลุมถึงสัตว์ป่าและสัตว์เลี้ยงชนิดพิเศษ            ส่วนตัวเขาเป็นคนกรุงเทพฯ หากไม่มีเหตุจำเป็นอะไรก็คงไม่เก็บเสื้อผ้ามาพักบ้านอาจารย์ เพื่อช่วยงานท่านที่นี่            เปลือกตาขาวใต้ขอบตาดำคล้ำปรือมองภาพพร่ามัวของถนนทางยาว ขณะใบหน้าหล่อเหลาสะบัดไปมาแรง ๆ ให้คลายหายจากอาการอิดโรยเพราะอดนอนมาตลอดคืน แต่ก็ดูว่าจะไม่ได้ดีขึ้นสักเท่าไร             งานท่วมท้นมือหลายวันมานี้ ในคลินิกรักษาสัตว์เล็กของโรงพยาบาลเอกชนที่เขาต้องสลับกะกับสัตวแพทย์อีกคนหนึ่ง ยากจะหาเวลาพักผ่อน ไม่รวมเรื่องของหญิงสาวที่คิดไม่ตกมาหลายวัน            พรหมลิขิต...            เขาเชื่อแบบนั้น ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่เขาต้องมาฟาร์มแห่งนี้ จรรยาบรรณแพทย์เป็นเพียงส่วนหนึ่งของงานที่เขาให้ความใส่ใจกับมันเสมอ            บีเอ็มดับบลิวสีขาวมาถึงเขาใหญ่แฟมิลี่แคมป์รีสอร์ตแอนด์ฟาร์ม สถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของจังหวัด มีป้ายบอกชื่ออย่างชัดเจนอยู่ด้านหน้า พนักงานรักษาความปลอดภัยโบกรถ ลดที่กั้นลง คุณหมอหนุ่มลดกระจกข้างลงบอก            “อาจารย์นิธิฯ ให้ผมมาดูม้าป่วยครับ”            “อ้อ คุณหมอหรือครับ? ทางนี้เลยครับ” หนุ่มวัยกลางคนให้การต้อนรับเป็นอย่างดี ก่อนจะถูกสะกิดจากเพื่อนร่วมงานที่ยกมือไหว้ปลก ๆ เมื่อพบบุคคลที่นานครั้งจะมาเหยียบป้อมยามยืนอยู่ข้างหลัง            “ฉันจะพาหมอไปเอง นายเอารถหมอไปเก็บที่บ้านฉัน” พิภพออกคำสั่ง ก้มหน้าลงมองชายในรถยนต์ด้วยสีหน้าเข้มเครียด รังสีอำมหิตพุ่งพวยออกจากทุกอณูใบหน้า            “ไปรถกอล์ฟนะหมอ รถยนต์ขับเข้าไปไกล”            สัตวแพทย์หนุ่มสบตาคมกริบของชายแปลกหน้า หน้าตาหล่อเหลาคมคาย แต่งตัวดูดีมีภูมิฐานในชุดทะมัดทะแมง ด้วยความรู้สึกขนลุกประหลาด ทว่าเขาก็ลงจากรถยนต์ส่งกุญแจให้ ไม่รีรอถามอะไรทั้งนั้น หนุ่มใหญ่พาเขาขึ้นรถกอล์ฟที่มีคนขับประจำที่รออยู่ เพื่อที่จะนั่งคุยกันสะดวก ๆ             “ม้าเป็นอะไรครับ? อาการเป็นยังไง” ไอศูรย์ถามทันที            “จะไม่แนะนำตัวสักหน่อยเลยรึหมอ?”            “ไว้ทีหลังนะคุณ เอาม้าก่อน มันอาการหนักไหม อาจารย์บอกผมว่าป่วยทั้งคอกเลยหรือครับ มันไปกินอะไรมา?”            สีหน้าเป็นกังวลอย่างมากของคุณหมอหนุ่มทำคนรักม้ายกยิ้ม ก่อนที่วงหน้าของหนุ่มใหญ่จะขรึมลง “กินหญ้ากินฟางปรกติ ไม่ได้เปลี่ยนอาหารอะไร จู่ ๆ มันก็ล้ม ผมถึงได้โทรไปขอความช่วยเหลืออาจารย์นิธิ จะให้ยกม้าไปคลินิกทั้งคอก คงไม่มีที่พอให้ม้าผมยืนใช่ไหม?”            ไอศูรย์นึกภาพตามดันขำไม่ออก เมื่ออีกหลายชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้ายของความเป็นความตาย ขณะที่รถโขยกเขยกขยับเคลื่อนผ่านพื้นหญ้าไม่ต่างจากเปลไกวดี ๆ ลมเย็น ๆ ของพื้นที่เขียวขจีสุดลูกตา รายล้อมรอบด้วยสัตว์นานาชนิด เล่นเอาเขาแทบหลับ แต่ยังคงฝืนไว้เพราะห่วงงาน “อีกไกลไหมครับ ม้าป่วยมีกี่ตัว? มีอาการอาเจียนท้องเสีย หรือซึมไหม? เป็นมากี่ชั่วโมงแล้ว แจ้งกรมปศุฯหรือยัง?” “ถ้าเป็นโรคร้ายแรงป่วยทั้งคอกก็ต้องแจ้ง แต่ผมอยากตรวจบางอย่างดูให้แน่ใจก่อนว่ามันซึมด้วยสาเหตุอะไร” สายตาคมกริบของหนุ่มใหญ่ว่ามีลางสังหรณ์ใจไม่ดี ขณะลอบมองสีหน้าครุ่นคิดของสัตวแพทย์หนุ่มที่กะพริบตาบ่อยเสียจนต้องเอ่ยปาก “หมอจะเอากาแฟสักแก้วไหม?”            “ก็ดีครับ.. คุณ?” ถามเสียงเนือย ๆ            “พิภพ ผมอายุห้าสิบสอง เป็นเจ้าของฟาร์มนี้”            ไอศูรย์ชะงักนิ่งไป ไม่คิดว่าเจ้าของฟาร์มจะมารับเขาด้วยตนเอง หัวคิ้วเข้มขมวดมุ่นมองชายข้างกาย ทั้งจมูกโด่งเป็นสัน คิ้วเรียวเข้มที่ขนานไปกับนัยน์ตาคู่หวานคม ริมฝีปากกระจับอย่างไรก็เหมือน...  เจ้าของใบหน้าสดสวยผู้มีรอยยิ้มตราตรึงใจจนมนุษย์ที่ทำงานหามรุ่งหามค่ำถึงขั้นเก็บไปฝันว่าจะได้พบกันอีกสักครั้ง            “ใช่คุณพ่อ.. คุณอริสาหรือเปล่าครับ?”            “ก็ใช่น่ะสิ” พิภพแยกเขี้ยวตอบ ไขข้อข้องใจให้ชายหนุ่มที่ฉีกยิ้มกว้างรับไมตรี ทั้งที่ไม่แม้จะสนใจทักถามชื่อกันในตอนแรกด้วยซ้ำ อึดใจเดียวก็ถึงคอกม้าซึ่งถูกปิดกั้นไว้ไม่ให้บุคคลภายนอกเข้าเป็นการชั่วคราว พิภพบอกลุงคนเฝ้าม้าที่มีสีหน้าเศร้าหมอง เฝ้าโทษตัวเอง ให้ไปตามคนมาช่วยดูแลม้าป่วยในแต่ละคอกกั้น กลิ่นสาบม้าไม่ได้รบกวนจิตใจเท่ากิริยาไร้ซุ่มเสียงของสัตว์ใหญ่ที่นอนล้มราบลงกับพื้น หนุ่มใหญ่วัยห้าสิบสองหน้าเผือดจากเมื่อครู่อย่างเห็นได้ชัด ไม่บอกก็รู้ว่าเขารักม้าแต่ละตัวมากเท่าไร “ม้าคอกนี้มีแปดตัว ล้มมาตั้งแต่เมื่อช่วงเช้ามืด อยู่ฝั่งนู้นเจ็ดตัวกับคอกอื่นไม่มีอาการอะไรเลย”            ไอศูรย์กวาดสายตามองโดยรอบ ก็รีบบอก “ผมจะเก็บหญ้ากลับไปแล็บ...” ไม่ขาดคำดี วงหน้าหล่อเหลาเข้มเครียดสบกันครั้งหนึ่ง ด้วยสีหน้าที่บอกอารมณ์แตกต่าง เมื่อในคอกม้าไม่ได้มีแค่พวกเขาสองคน พิภพก้าวไว ๆ ไปถึงคอกท้ายสุดที่ประตูเปิดอ้าไว้ ภายในคอกที่ถูกเก็บกวาดหญ้าเรียบร้อยดี ม้าสีน้ำตาลหม่น รูปร่างเป็นล่ำสันสายพันธุ์จากเยอรมันอายุสิบปี นอนสงบนิ่งอยู่บนพื้น ร่างอรชรสั่นเทานอนแนบใบหน้าบนลำตัวกว้าง พยายามจะโอบกอดม้าตัวโต ๆ ไว้ให้มิดด้วยวงแขนที่เล็กกว่าหลายเท่า ผมสีน้ำตาลเฮเซลเป็นลอนสวยบัดนี้ยุ่งเหยิงปรกหน้าแดงก่ำ            พิภพหัวใจกระตุกวูบ สาวเท้าไว ๆ ไปนั่งยองลงมองลูกสาวที่เขาเฝ้าฟูมฟักให้เติบโตมาอย่างเข้มแข็ง            “สีนวล... มันตาย.. แล้วพ่อ” เสียงหวานสั่นสะอึกสะอื้น น้อยครั้งนักที่อริสาจะร้องไห้เพราะความคับแค้น เจ็บปวดใจ            มือหนาสั่นเทาเอื้อมไปลูบศีรษะน้อยทั้งน้ำตาที่รินไหลออกมาอาบกรามแกร่ง หากความเป็นชายชาตรีทำให้เขาต้องกลั้นใจ “หมอมาแล้วลูก เวลาทุกนาทีมีค่ากับชีวิตพวกมัน ไปช่วยหมอก่อน”            “หมอ...?” ในคำสั้น ๆ แววตาคู่สวยหม่นหมองเติมเต็มด้วยประกายแห่งความหวัง ใบหน้าสดสวยผละจากเพื่อนรักที่เพิ่งลาจากโลกไปโดยมีเธอเคียงข้างจนวินาทีสุดท้ายของชีวิตมัน            สองสายตาสบประสานลึกซึ้งเช่นคราแรกพบเจอ แค่ครู่เดียว ไอศูรย์เดินเข้าไปหาบุคคลทั้งสอง ก้มหน้าลงมองภาพตรงหน้าด้วยใจเจ็บร้าวไม่ต่าง ไม่มีสัตวแพทย์คนไหนอยากเห็นสัตว์ตายต่อหน้าต่อหน้า พอ ๆ กับความรู้สึกหงุดหงิดพิลึก            เขาเกลียดดวงตาแดงก่ำบนสีหน้าเศร้าหมองของหญิงสาวเสียจนอยากดึงเธอเข้ามากอดแน่น ๆ เหมือนคราวเคยกอดกันครั้งหนึ่งเมื่อนานมาแล้ว หากไม่เกรงใจคุณพ่อที่แยกเขี้ยวให้เขามาตั้งแต่เหยียบฟาร์ม            “ผมขอหญ้าที่ม้ากิน น้ำ อุจจาระ ทุก ๆ อย่างที่เอามาได้ ให้ผมตอนนี้เลย ผมจะรีบไปแล็บ” น้ำเสียงเข้มเครียดของสัตวแพทย์หนุ่มปลุกสองพ่อลูกจากภวังค์ อริสาละล่ำละลักบอก “เดี๋ยวพ่อ... เย็นนี้พ่อต้องปิดฟาร์มก่อน กล้องวงจรปิดโดนทุบไปสิบตัว ไอ้เมธพนธ์มันส่งคนมาวางยาม้าเรา เอาย***ามาซุกเต็มไปหมด ที่รักดมเจอเมื่อวานนี้ หนูโทรบอกลุงชาแล้ว” ได้ยินเท่านั้น กรามแกร่งขบกัดกันแน่นเป็นสันนูน เมื่อไม่นานมานี้ พวกผู้มีอิทธิพลเปิดรีสอร์ตใหม่ ไม่พอใจที่ถูกแย่งนักท่องเที่ยวไปทั้งที่เขาเปิดฟาร์มนี้มาก่อนนับสามสิบปี พอมันยกพรรคพวกมาทำกร่าง เลยถูกอริสายิงขู่ไปหลายนัด แววตาคู่คมของหนุ่มวัยห้าสิบสองลุกวาว เข่นเขี้ยวเสียงออกมาจากลำคอ “ถ้ามันมาอีกคราวนี้ ยิงให้ไส้แตก พ่อกับลุงจะเคลียร์ศพพวกมันเอง! ไปลูก เร็ว ๆ” มือเรียวยกขึ้นปาดหางตาไว ๆ พยักหน้ารับคำสั่งบิดาด้วยแววตามาดมั่น ก่อนจะลุกตามสัตวแพทย์หนุ่มไปหยิบอุปกรณ์ ถุงซองเก็บมูลสัตว์ เดินหายไปเก็บหลักฐานในคอกม้า
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม