หญิงสาวยังคงคอยช่วยประคองเฉินไทเฮาเป็นระยะอย่างใส่ใจท่ามกลางสายตาที่ไม่เป็นมิตรนักของซุนเฟยหรงที่ทอดมองทั้งสองด้วยแววเบื่อหน่ายอยู่หลายส่วน
แต่ด้วยฐานะและหน้าที่นางก็จำต้องเก็บความไม่พอใจไว้ยอบกายคารวะแม่สามีอย่างนอบน้อมตามธรรมเนียมพร้อมกับคนอื่นๆ แม้จะมิได้ชอบหน้าไทเฮาเช่นกันแต่ในฐานะสะใภ้และภรรยาของจ้าวหนิงหลงแล้วซุนเฟยหรงก็จำต้องไว้หน้าสามีอยู่บ้าง
"ถวายพระพรไทเฮา"
"ตามสบาย"
"ขอบพระทัย"
"นี่พวกเจ้าทำอะไรกันอยู่ "เฉินไทเฮาเอ่ยถามพลางปรายตามองอย่างจับผิดก่อนที่เฉินจินเยว่จะแสร้งทำตกใจเมื่อมองไปในมือของหลี่ซูแล้วพบว่ามีถ้วยยาอยู่บนถาดที่นางถือ
"ฝ่าบาททรงประชวรหรือเพคะ เป็นอะไรมากหรือเปล่าให้หมอหลวงมาตรวจพระอาการแล้วหรือยัง" ท่าทางที่ดูมีลับลมคมในของทุกคนทำให้เฉินจินเยว่มองออกหมดทุกสิ่ง หากหลี่ซูและจ้าวหนิงหลงมิได้มีสีหน้าท่าทางที่ต้องการปกปิดบางอย่างเอาไว้ นางคงไม่ทราบและคงคิดว่ายานั้นอาจเป็นของซุนเฟยหรง
ทันทีที่ได้ยินว่าฮ่องเต้ต้องดื่มยา ไทเฮาก็เปลี่ยนสีหน้าทันที
"อะไรนะ นี่เจ้าดูแลลูกชายข้าอย่างไร เป็นถึงฮองเฮากลับปล่อยให้สามีป่วยเช่นนี้ยังพากันออกมาเดินเล่นในอุทยานอีก หากถูกลมมากๆ เข้าจนล้มป่วยหนักกว่านี้จะทำอย่างไร!"เฉินไทเฮาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความไม่พอพระทัยในทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น
แม้จ้าวหนิงหลงจะเป็นนักรบที่ยิ่งใหญ่แค่ไหนแต่คนเป็นแม่เช่นนางที่เลี้ยงดูเขามาค่อนชีวิตรู้ดีว่าลูกชายยังมีโรคเก่าติดตัวอยู่ ยิ่งจ้าวหนิงหลงชอบทำเหมือนมันเป็นเรื่องเล็กแค่ไหนนั่นก็หมายความว่าเขามิต้องการให้ใครเป็นห่วงมากเท่านั้น ในฐานะพระมารดาจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกกังวล
ขณะที่ซุนเฟยหรงในร่างของหลี่ซูตอนนี้ได้แต่ก้มหน้าไม่กล้ามองอีกฝ่ายส่วนหนึ่งเพราะรู้สึกผิดที่ตนรู้ตัวช้าไปจนหลบไทเฮาไม่ทัน
"เสด็จแม่ลูกมิได้เป็นอะไรเลยพ่ะย่ะค่ะ ทรงทอดพระเนตรก่อน อย่ากริ้วหรงหรงเลยลูกเป็นคนชวนนางมาเอง" จ้าวหนิงหลงรีบเอ่ยแก้สถานการณ์เพราะไม่อยากให้เรื่องราวเล็กน้อยนี้บานปลาย เขารู้ดีว่าพระมารดาไม่ชอบหน้าซุนเฟยหรงนักดังนั้นจึงยิ่งมิอยากให้ทั้งสองต้องมีเรื่องหมางใจกันมากไปกว่านี้อีก
"ไทเฮาอย่าทรงกริ้วเลยนะเพคะ ดูสิฝ่าบาททรงอุตส่าห์ออกหน้าแทนฮองเฮาถึงเพียงนี้แล้ว" เฉินจินเยว่เห็นเช่นนั้นก็แสร้งทำเป็นเอ่ยด้วยน้ำเสียงเห็นอกเห็นใจอีกฝ่าย ทั้งที่นางพูดเช่นนั้นออกไปเพราะรู้ดีว่านี่ยิ่งเป็นการทำให้ไฟในใจของไทเฮายิ่งโหมกระพือ
เมื่อไทเฮาทรงเกลียดซุนเฟยหรงเป็นทุนอยู่แล้ว ดังนั้นตอนนี้พระองค์จึงยิ่งรู้สึกว่าตนเองถูกลดทอนความสำคัญในใจลูกชายลง ยิ่งฮ่องเต้เข้าข้างอีกฝ่ายมากแค่ไหนพระนางก็ยิ่งรู้สึกว่าลูกชายหลงเมียจนเอนเอียงไม่ลืมหูลืมตา
เฉินไทเฮามองคนที่ได้ชื่อว่าเป็นสะใภ้ด้วยสายตาแค้นเคืองเพราะรู้สึกว่านางนั้นช่างเป็นดั่งปีศาจจิ้งจอกจอมล่อลวงจึงได้ทำให้ลูกชายที่แสนดีของนางต้องลุ่มหลงจนโงหัวไม่ขึ้นได้เช่นนี้
ขณะที่ซุนเฟยหรงนั้นยังทำสีหน้าเรียบเฉยและความเย็นชานั้นของนางยิ่งทำให้เฉินไทเฮายิ่งทวีความโกรธมากขึ้นไปอีก
"เจ้า ดูสิพูดแล้วยังทำสีหน้าเช่นนี้อีก" เฉินไทเฮารู้สึกโมโหแทบตายแล้วเมื่อเห็นสีหน้านิ่งเฉยนั้น ก่อนที่สถานการณ์จะแย่ลงองค์หญิงหนิงอวี่ที่อยู่ข้างซุนเฟยหรงก็รีบตรงเข้ามาหาพระมารดา
"เสด็จแม่ อย่ากริ้วเลยนะเพคะ พี่สะใภ้นางไม่ได้ตั้งใจให้เป็นเช่นนี้หรอก ลูกเป็นพยานได้เสด็จพี่เป็นคนอยากออกมาเอง ใช่หรือไม่เสด็จพี่" จ้าวหนิงอวี่รีบถลึงตาใส่พี่ชายให้ช่วยกันยืนยัน นางรู้ดีว่าจ้าวหนิงหลงผู้เป็นพี่ชายนั้นเก่งสารพัดแต่เรื่องของพระมารดากับซุนเฟยหรงกลับเป็นเรื่องเดียวที่เขาไม่รู้ว่าจะจัดการอย่างไร
ด้วยคนหนึ่งก็รัก ส่วนอีกคนเขาก็เกรงใจทั้งยังต้องกตัญญู จ้าวหนิงหลงจึงรู้สึกลำบากใจมากที่ทั้งสองไม่ค่อยลงรอยกัน
จ้าวหนิงอวี่ว่าพลางก็แอบลอบมองเฉินจินเยว่ด้วยสายตาที่เริ่มมองสตรีนางนี้ออกว่านางมิใช่คนดีเช่นที่พยายามแสร้งทำออกมา แม้ก่อนหน้านี้จะรู้สึกระแคะระคายอยู่บ้างแต่จ้าวหนิงอวี่ยังไม่เคยได้เจอความร้ายกาจนี้ของนางต่อหน้า ดังนั้นเมื่อครู่จึงทำให้นางได้เปิดหูเปิดตาไม่น้อย เมื่อได้เห็นเฉินจินเยว่ใช้ความโปรดปรานของไทเฮาเป็นเครื่องมือจัดการซุนเฟยหรงแทนตนเองอย่างไร
"ใช่ๆ เสด็จแม่อย่าทรงกริ้วเลย ลูกรีบดื่มยาดีกว่ามาหลี่ซูส่งยานั้นมาให้เราเร็วเข้า" จ้าวหนิงหลงหันไปสั่งการอีกฝ่ายก่อนที่ซุนเฟยหรงในร่างของหลี่ซูที่กำลังมองเหม่ออยู่จะรีบยกยานั้นเข้ามาให้เขาอย่างรวดเร็ว
นายหญิงแห่งวังหลังมองแม่สามีและสามีนิ่งก่อนจะยอบกายคารวะแล้วจึงขอตัวจากไปอย่างรวดเร็วโดยไม่สนใจใคร ท่ามกลางความไม่พอพระทัยของไทเฮาผู้มีศักดิ์เป็นแม่สามี
จ้าวหนิงหลงใช้ท่าทีสบายๆ ราวกับว่าเรื่องนี้มิได้ใหญ่โตอะไรก่อนจะแสร้งเอาอกเอาใจพระมารดาเพื่อประจบอีกฝ่ายมิให้รู้สึกขุ่นเคืองใจในตัวภรรยาของตนเอง ซุนเฟยหรงในร่างหลี่ซูตอนนี้จึงเพิ่งได้เห็นอีกด้านของจ้าวหนิงหลงที่นางไม่เคยใส่ใจมาก่อน ที่แท้ตลอดมาเขาก็พยายามลบเลือนความบาดหมางระหว่างนางและไทเฮาอยู่ลับหลัง เพียงแต่นางไม่เคยรับรู้ทั้งยังไม่เคยคิดใส่ใจความรู้สึกของอีกฝ่ายเลยสักนิด