ตอนที่ 7 ดึงดัน

1847 คำ
ซุนเฟยหรงในร่างหลี่ซูตอนนี้เห็นจ้าวหนิงหลงเดินผ่านก็รีบยอบกายคารวะจ้าวหนิงหลงในฐานะฮ่องเต้แห่งแคว้นตามธรรมเนียมเช่นนางกำนัลทั่วไป ทว่าสายตาที่แปลกไปของหลี่ซูนางกำนัลคนสนิทของภรรยาที่ใช้มองเขาในยามนี้ก็ทำให้จ้าวหนิงหลงรู้สึกสะดุดใจไปครู่หนึ่งด้วยความรู้สึกแปลกบางอย่างที่เข้ามารบกวนในจิตใจ ก่อนที่เขาจะทิ้งความรู้สึกนั้นแล้วเดินผ่านนางไปเพราะรีบร้อนจะกลับไปหาภรรยาคนงามเสียมากกว่า ซุนเฟยหรงที่อยู่ในร่างของหลี่ซูตอนนี้ได้แต่มองตามแผ่นหลังกว้างของอีกฝ่ายไปจนสุดสายตาด้วยหัวใจที่ปวดหนึบ ภาพจ้าวหนิงหลงยามที่เขาสิ้นใจไปต่อหน้าในตอนนั้นยังคงชัดเจนในความทรงจำ อ้อมแขนเรียวของนางในตอนนั้นทำได้เพียงแค่โอบกอดเขาเอาไว้แน่นอย่างไม่อาจทำอะไรได้จนวาระสุดท้ายของชีวิตเขามาเยือน ซุนเฟยหรงรู้ดีว่าตนเองทำผิดกับคนผู้นี้ไปมากมายเหลือเกินทั้งยังใจร้ายกับจ้าวหนิงหลงจนลมหายใจสุดท้าย นางในร่างของหลี่ซูตอนนี้จึงได้แต่ลอบปาดน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างแทบไม่รู้ตัวออก เมื่อรู้สึกได้ว่าใบหน้าของตนเองในยามนี้กำลังเปียกชื้นไปด้วยหยาดน้ำตาที่ไหลอาบลงมาเต็มสองแก้มเพราะความรู้สึกผิดที่ยังคงกัดกิน ก่อนจะเร่งเดินไปจัดการงานในส่วนของตนเองหลังจากที่อีกฝ่ายลับสายตาไป จ้าวหนิงหลงย่องเข้าไปในห้องบรรทมเงียบๆ ก่อนจะส่งสัญญาณแก่ขันทีที่ยืนอยู่หน้าห้องบรรทมนั้นมิให้ขานบอกว่าตนเองกลับมาถึงตำหนักแล้ว มือเรียวยกขึ้นโบกไล่ให้ข้ารับใช้ทั้งหมดออกไปก่อนที่เขาจะย่องเข้าไปในห้องนั้น ทว่าเมื่อเข้าไปถึงด้านในซุนเฟยหรงที่ควรอยู่ในห้องกลับมิได้อยู่ตรงนั้น จ้าวหนิงหลงค่อยๆ ย่องหานางจนทั่วกระทั่งเดินไปถึงแท่นบรรทมก็ถูกคมกระบี่เย็นๆ ที่อยู่หลังม่านหล่นลงมาพาดบ่า “หม่อมฉันบอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าทรงเล่นอะไรแบบนี้หากมีคนร้ายเข้ามาจริงๆ จะทำอย่างไร หรือหากหม่อมฉันพลั้งมือสังหารฝ่าบาทเข้าจะทำอย่างไร” นางเอ่ยดุเขาด้วยท่าทางจริงจัง ที่จริงอีกใจหนึ่งก็อยากลงมือสังหารอีกฝ่ายทิ้งเสียจริงๆ หากไม่ติดว่าการทำเช่นนั้นจะทำให้แผนการที่ลู่ฉีวางไว้ต้องผิดแผน นางไม่เคยรักเขา ต่อให้เขาจะดีต่อนางเพียงไหนนางก็ไม่เคยรักและไม่มีวันจะรัก เพราะความแค้นที่แบกรับเอาไว้จึงไม่อาจปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างใจต้องการได้ ใครจะกล้าปล่อยใจตนเองให้ยอมรับคนที่เป็นสาเหตุการตายของคนทั้งบ้านและคนที่เป็นผู้ทำให้บ้านเมืองของตนเองล่มสลายได้ลง ดังนั้นต่อให้เขาจะดีต่อนางจนหัวใจนางตอนนี้หวั่นไหวไปแค่ไหนแต่นางก็ไม่มีวันที่จะปล่อยวางความแค้นของทุกคนที่แบกไว้ลงได้ แม้ว่าวูบหนึ่งในใจจะยังคงรู้สึกว่าไม่อาจลงมือกับเขาได้ลงก็ตามที อย่างไรเสียเขาก็เป็นสามีที่นางร่วมกราบไหว้ฟ้าดิน ทั้งยังร่วมเรียงเคียงหมอนกันมานานนับปี นอกจากแค้นเก่าก่อนแล้วเขาในตอนนี้ล้วนดีต่อนางอย่างที่สุด จนหลายครั้งนางเองยังรู้สึกละอายใจที่ไม่อาจตอบสนองต่อความรักของเขาได้ นอกจากทำตัวใจร้ายเย็นชาต่อเขาเป็นการตอบแทนเพื่อแก้แค้นเขาทางอ้อม โดยที่นางคิดมาตลอดว่าเขาเองไม่เคยรู้ฐานะแท้จริงของนางเลยสักนิด หลายต่อหลายครั้งนางคิดว่าการเป็นเช่นนี้ก็ดีเหมือนกันหากมิต้องฆ่าแกงกัน การทรมานเขาทั้งเป็นแบบนี้ก็สาสมอยู่ไม่น้อย แม้ว่ามันจะเป็นดาบสองคมก็ตามที แต่ด้วยฐานะของนางนั้นก็มิอาจรักและมิอาจปล่อยวางซึ่งความแค้น “หรงหรงไม่ฆ่าข้าหรอก ข้ารู้ เจ้าทำใจฆ่าสามีไม่ลงใช่หรือไม่” จ้าวหนิงหลงเอ่ยด้วยรอยยิ้มก่อนจะจับข้อมือบางของภรรยาเอาไว้แล้วดึงนางเข้ามาหาตัว เพียงรั้งเบาๆ ร่างบางก็ตกมาอยู่ในอ้อมกอดเขา “มิเหนื่อยหรือเหตุใดจึงไม่นอนต่อสักหน่อย” จ้าวหนิงหลงเอ่ยเย้าคนในอ้อมกอดด้วยรอยยิ้มน้อยๆ ขณะที่ซุนเฟยหรงนั้นกลับมีสีหน้าเรียบเฉยที่แฝงความไม่พอใจอยู่จางๆ “ปล่อยได้แล้วเดี๋ยวมีใครมาเห็นเข้า” นางเอ่ยว่าพลางพยายามดิ้นรนออกจากอ้อมกอดแข็งแกร่งของเขา แม้ว่าจ้าวหนิงหลงจะตัวโตกว่านางไม่มากเท่าไหร่นักแต่เขาก็ยังคงแข็งแรงกว่า อีกทั้งวรยุทธเขานั้นก็เหนือกว่านางหลายขั้น เช่นนี้ลูกนกอย่างนางจึงไม่ต่างจากถูกขังอยู่ในกรงทอง จ้าวหนิงหลงมองใบหน้างดงามที่มักเจือความหงุดหงิดน้อยๆ เป็นประจำด้วยความรู้สึกปวดใจอยู่ลึกๆ ก็กระนั้นเขาเองก็ยังคงเก็บซ่อนอารมณ์ไว้และหยอกล้ออีกฝ่ายอย่างอารมณ์ดีเหมือนมิมีเรื่องอะไร “ช่างปะไร ข้าอยากประกาศให้ใต้หล้านี้รู้ว่ารักเจ้ามากแค่ไหน ต่อให้เห็นทั้งแผ่นดินก็ไม่ใส่ใจเลยสักนิด” น้ำเสียงอ่อนโยนเอ่ยบอกพลางกอดนางแน่นขึ้นอีกหน่อยทว่าอ้อมกอดของเขานั้นแม้แข็งแกร่งเพียงใดจ้าวหนิงหลงก็กลับรู้สึกว่ามันไม่สามารถกักขังนางเอาไว้ได้เลย แม้ว่าตัวของนางจะอยู่กับเขาแต่หัวใจของซุนเฟยหรงนั้น จ้าวหนิงหลงรู้ดีว่าชาตินี้เขาคงมิมีวันได้ครอบครอง ทั้งที่ทุ่มเททำดีต่อนางสารพัดแต่ดูเหมือนว่านางจะไม่มีวันยกใครขึ้นมาแทนที่คนในใจคนนั้นของนางได้ อนิจจาความรักบางครั้งก็ช่างแปลกประหลาด ทั้งที่เขารู้อยู่เต็มหัวใจว่านางไม่มีวันมอบใจให้แก่เขาแต่จ้าวหนิงหลงก็ยังคงแอบหวังว่าสักวันจะมีวันนั้น วันที่นางยอมมองมาที่เขาและเห็นค่าความรักที่เขาเพียรมอบให้ วูบหนึ่งของความรู้สึกจ้าวหนิงหลงรู้สึกราวกับว่าต่อให้เขาตายต่อหน้านางอีกกี่ครั้งก็อาจไม่มีวันนั้น ทว่าเขาก็ยังพร้อมที่จะรักนางเช่นนี้อย่างโง่งม “หรงหรง ไปเดินเล่นในอุทยานหลวงเป็นเพื่อนข้าหน่อยเถิด” จ้าวหนิงหลงเอ่ยชวนอีกฝ่าย ทั้งที่จริงๆ แล้วเขามิได้อยากเดินเล่นหากแต่เพราะเห็นว่าระยะนี้ซุนเฟยหรงนั้นดูคิดมากและเศร้าหมองลงไปอยู่หลายครา ครั้นจะถามก็มิกล้าเพราะคำสัญญาที่เคยมอบให้แก่นางก่อนที่จะแต่งงานกันในตอนนั้น [ข้ายินดีแต่งกับท่าน หากท่านรับปากข้าสองเรื่อง หนึ่งไม่ถามมากความ สองคือเชื่อใจ ข้ารักอิสระไม่ต้องการให้ใครวุ่นวายกับชีวิตข้า ท่านทำได้หรือไม่] ซุนเฟยหรงในตอนนั้นเอ่ยถามเขาด้วยสีหน้าจริงจัง ที่นางกล้าขอเช่นนี้เพราะรู้ดีว่าจ้าวหนิงหลงมีเพียงคำตอบเดียวให้นางคือตกลง ส่วนหนึ่งเพราะป้องกันมิให้จ้าวหนิงหลงนั้นมีความสงสัยในตัวนางและคอยไต่ถามเรื่องต่างๆ นางต้องการอิสระโดยไม่ต้องการให้เขาคอยส่งคนมาติดตามเพื่อที่จะได้แอบลอบติดต่อกับคนรักเก่าได้ง่ายขึ้นโดยใช้คำว่าเชื่อใจเป็นข้ออ้าง เมื่อรู้ว่าตนเองถือไพ่เหนือกว่าซุนเฟยหรงก็ไม่ลังเลที่จะใช้มัน จ้าวหนิงหลงในสายตานางตอนนั้นมิต่างจากหมูในอวย การยอมสละตนเองครั้งนี้ทั้งหมดที่ทำล้วนเพื่อคนรักอย่างลู่ฉีและแผนการอันยิ่งใหญ่ของเขาเพียงเท่านั้น [ข้ารับปากเจ้าทุกข้อ และให้สัญญาเพิ่มแก่เจ้าว่าชาตินี้จะมีเจ้าซุนเฟยหรงเป็นภรรยาเพียงผู้เดียว] จ้าวหนิงหลงให้สัญญากับนางด้วยความมั่นใจขอแค่นางยอมอยู่ข้างกายเขาต่อให้ใจของนางไม่อยู่กับเขาก็ไม่เป็นไร จ้าวหนิงหลงรู้ดีว่านางยังไม่ลืมคนรักเก่าอย่างอดีตรัชทายาทแคว้นต้าเหยียนแต่เพราะคำว่ารักทำให้เขายอมทำทุกอย่างเพื่อนาง เพียงต้องการให้นางรู้และได้เห็นว่านางนั้นสำคัญต่อเขาเพียงไหน แม้ต้องแกล้งเป็นคนโง่ว่าตนเองไม่รู้ฐานะแท้จริงของนางเลยก็ตามที แต่นั่นก็ล้วนเพื่อความปลอดภัยของนางเองหากมีใครในวังนี้ล่วงรู้ว่านางเป็นคนของแคว้นต้าเหยียนทั้งยังมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับราชวงศ์ที่ล่มสลายในตอนนั้น ชีวิตของนางคงยากจะรักษาเอาไว้ จ้าวหนิงหลงมั่นใจตนเองเป็นอย่างมากว่าวันหนึ่งความรักของเขาจะค่อยๆ หล่อหลอมให้นางสามารถรู้สึกและรับรู้ถึงความจริงใจที่เขามี โดยที่เขาเองก็ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าหัวใจของนางจะแข็งกร้าวดั่งหินผาและเยือกเย็นปานน้ำแข็งถึงเพียงนี้ วันคืนที่แนบชิดกันจากวันเป็นเดือน จนเคลื่อนคล้อยยาวนานมาครบหนึ่งขวบปีหัวใจนางก็ยังคงอยู่ที่เดิม และยังคงมีเพียงเขาที่วิ่งเข้าหาอีกฝ่ายอยู่ตลอด ถึงจะเป็นแบบนั้นจ้าวหนิงหลงก็ไม่เคยนึกเสียใจเพราะทุกอย่างล้วนเป็นเขาที่เลือกเอง จนถึงวันนี้เขายังคงเชื่อมั่นอยู่เสมอว่าวันหนึ่งเขาจะสามารถเปลี่ยนแปลงนางได้แม้ว่ามันอาจจะต้องใช้เวลาชั่วชีวิตของเขาเลยก็ตาม บางครั้งจ้าวหนิงหลงก็รู้สึกได้ว่าสิ่งเดียวที่พวกเรามีเหมือนกันมันคงเป็นความดื้อดึง ทั้งนางและเขาต่างดึงดันในหนทางของตนเองจนไม่ยอมรับและหันกลับมามองความเป็นจริง ซุนเฟยหรงเพียงพยักหน้ารับก่อนจะยอมเดินไปกับเขา มือเรียวอันอบอุ่นนั้นยังคงกอบกุมมือบางของนางเอาไว้ในมือมั่นเหมือนอย่างเคย ก่อนจะก้าวเดินไปพร้อมกันด้วยรอยยิ้มราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น วูบหนึ่งซุนเฟยหรงเองก็รับรู้ได้ถึงความอบอุ่นบางอย่างที่มันผุดขึ้นมาในหัวใจ หากแต่เพราะคำสัญญาที่นางมอบให้แก่ลู่ฉีและความแค้นของทุกคนในต้าเหยียนทำให้นางไม่อาจปล่อยวางได้กระทั่งตอนนี้
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม