เป็นอีกครั้งที่อติภัทรกลับบ้านเพียงลำพัง พร้อมกับอารมณ์เคร่งเครียด บวกกับความเหงาที่เกาะกินใจมานานหลายปี มันอธิบายไม่ถูกว่าเพราะอะไร หรือเขาต้องการมากกว่าพี่เลี้ยงให้ลูกหรือเปล่า เขาคิดแต่ก็พยายามปฏิเสธว่ามันไม่ใช่ กระทั่งเวลาผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง เขาก็ขับรถมาถึงบ้านหลังใหญ่สีขาว ไม่ใช่คฤหาสน์ หากแต่เป็นบ้านสไตล์โมเดิล ทรงสี่เหลี่ยม มีกระจกรอบด้าน พร้อมกับ ปลูกต้นไม้สีเขียวให้ร่มรื่นและประตูรั้วรอบขอบชิด
เมื่อเสียงรถแล่นเข้ามาจอดหน้าบ้าน คนรับใช้วิ่งไปเปิดประตูให้และ ปิดเรียบร้อย จากนั้นอติภัทรก็ขับรถแล่นมาจอดเทียบทางขึ้นบ้านพอดี คนที่รออยู่ก่อนแล้วก็วิ่งออกมารับด้วยความดีใจ แม้จะกำลังทำการบ้านรออยู่ก็ตาม เพราะใจจดจ่อกับการกลับบ้านของผู้เป็นบิดา
“คุณพ่อ!” เด็กหนุ่มวัยสิบสี่ปี รูปร่างสูง ผมสีบรอนเข้ม ดวงตาสีน้ำตาลอ่อน ใบหน้ารวมๆ คือฝรั่งน้อย เอ่ยเรียกผู้เป็นบิดาด้วยสำเนียงไทยที่ชัดเจน
“คุณพ่อกลับช้า ทำไมไม่โทรบอกผม” ดูเหมือนหนุ่มน้อยแดเนียลจะดีใจ ได้สักครู่ก็หลุดปากตำหนิบิดาเล็กน้อย
“แวะคุยธุระกับเพื่อนน่ะ” อติภัทรเปิดประตูลงจากรถแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“อ้าวแล้ว คนขับรถละครับ ทำไมให้พ่อกลับมาคนเดียว” แดเนียลถาม ด้วยความแปลกใจ
“พ่อให้เขาไปเที่ยวน่ะ เข้าบ้านดีกว่า” พูดจบอติภัทรก็คว้าแขนบุตรชาย ให้เดินตามเข้าบ้านทันที
“ทานข้าวเย็นหรือยัง การบ้านทำแล้วเหรอ” เมื่อเข้ามาในห้องนั่งเล่นอติภัทร ก็ถามด้วยความเป็นห่วง
“ทานข้าวเย็นแล้ว กำลังทำการบ้านครับ นั่งดูโทรทัศน์รอคุณพ่อด้วย”
“ถ้าอย่างนั้นก็นั่งทำการบ้านตรงนี้ พ่อจะขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า” ขณะที่อติภัทรกำลังคุยกับอยู่บุตรชายอยู่นั้น แม่บ้านก็เดินเข้ามาหาพอดีเนื่องจากได้ยิน เสียงรถและคิดว่าเจ้านายหนุ่มคงจะหิวข้าวด้วย
“คุณผู้ชาย ให้จัดอาหารไหมคะ” ป้านวลแม่บ้านวัยชรากว่าหกสิบปีเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ไม่ต้องหรอกฉันไม่หิว ไปพักผ่อนได้แล้วไป” อติภัทรตอบปฏิเสธพลางไล่ไปพักผ่อนเสียดื้อๆ ทั้งที่ไม่ใช่เวลา
“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวนวลรอเก็บบ้านสักพักแล้วจะกลับเรือนเล็ก”
“อืม” อติภัทรพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะนั่งลงบนโซฟาตัวหนาอย่างผ่อนคลาย ซึ่งตอนแรกคิดที่จะขึ้นไปอาบน้ำเสียก่อน ขณะที่บุตรชายหัวแก้วหัวแหวนนั่งลงพื้น เพื่อทำการบ้านต่อไป ทว่าจากร่องรอยและกลิ่นฉุนที่เขาแอบไปดื่มเหล้าก่อนกลับนั้น มันคละคลุ้งจนได้กลิ่นเลยทีเดียว
“ไม่ไปอาบน้ำก่อนเหรอครับ ดูเหมือนจะเหนื่อยด้วย” บุตรชายถามด้วยความเป็นห่วง
“ขอนั่งพักแปบนึง” อติภัทรตอบกลับเสียงเรียบพลางถอนหายใจยาว
“คุณพ่อไปดื่มเหล้ามาเหรอครับ” บุตรชายถามพลางขมวดคิ้วเมื่อได้กลิ่นฉุนๆ
“พ่อแวะไปหาเพื่อนที่ร้านอาหารน่ะ” อติภัทรตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนเพลียพลางยกมือขึ้นบีบขมับตัวเอง
“ดื่มเหล้ามันทำให้ปวดหัว แล้วคุณพ่อจะดื่มทำไมครับเนี่ย”
“ไม่ได้ดื่มเยอะเสียหน่อย สักสองแก้วน่าจะได้ ไม่ได้ปวดหัวเพราะเหล้า แต่เครียดกับ
อย่างอื่น”
“เครียดเรื่องผมหรือเปล่า ผมขอโทษครับที่ทำให้คุณพ่อปวดหัวเรื่องพี่เลี้ยง” บุตรชายรู้ดีว่าบิดาของตนกำลังมีปัญหาที่จะหาพี่เลี้ยงคนใหม่มาให้
“ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่เรานะตาแดน ไม่รู้สิพ่อคิดว่าเขาเข้ากับเราไม่ได้ ก็เท่านั้นเอง”
“ผมจะพยายามเป็นเด็กดีก็แล้วกันครับ จะได้ไม่ต้องเปลี่ยนพี่เลี้ยงบ่อยๆ” เด็กหนุ่มบอกด้วยน้ำเสียงหม่น คิดว่าเปลี่ยนพี่เลี้ยงบ่อยก็เพราะตนเอง และความจริงก็คือเขาก็ไม่ชอบพี่เลี้ยงด้วยเพราะเอาแต่อ่อยพ่อ งานการไม่ได้เรื่อง
“พ่อไม่ได้ว่าเรานะไม่ต้องเครียด พ่อต่างหากที่จะต้องเครียด ไม่รู้จะหา แบบไหนที่เหมาะกับบ้านเรา”
“ค่อยๆ หาไปครับ ตอนนี้ผมก็ดูแลตัวเองได้ไม่ต้องห่วง”
“ก็ดูแลตัวเองได้ในบางอย่าง แต่กับบางอย่างก็ต้องอาศัยพี่เลี้ยง เวลาพ่อ ไม่อยู่เขาจะได้ดูแลเราไง”
“ครับคุณพ่อ” บุตรชายตอบยิ้มๆ ก่อนจะก้มหน้าทำการบ้านต่อไป
“พ่อไปอาบน้ำก่อนละกัน ถ้าทำการบ้านเสร็จก็ขึ้นบ้านได้แล้วนะ หืม” พูดจบอติภัทรก็เอื้อมมือไปลูบศีรษะบุตรชายเบาๆ ด้วยความเอ็นดู
“ไม่หิวข้าวเหรอครับ ไม่กินอะไรก่อน”
“พ่อไม่หิวน่ะ ขออาบน้ำนอนดีกว่า กู้ดไนท์ลูก” พอจบคำอติภัทรก็เดินเข้าไปใกล้ๆ บุตรชายก่อนจะโน้มใบหน้าลงแล้วจูบเบาๆ ที่กลางศีรษะเรียกได้ว่าทำเป็นประจำตลอดเวลาสิบสี่ปีจนเกิดเป็นความเคยชินเลยทีเดียว
“กู้ดไนท์ครับ” บุตรชายรับคำ พลางมองตามร่างสูงใหญ่ของบิดาที่ยังหนุ่มแน่น จนกระทั่งเดินขึ้นบันไดไป แล้วค่อยหันกลับมาตั้งหน้าทำการบ้านต่อ