ต้องขอบคุณความดีความชอบของตนเองในยามที่อยู่ในร่างของเจ้าแมวน้อย เดิมทีแมวน้อยมักโลกส่วนตัวสูงและเย่อหยิ่งนางจึงไม่เคยสนใจผู้ใดในจวนเลยแม้แต่คนเดียว กระทั่งวันนั้นนางถูกเจ้าผีเสื้อหยาบคายตัวนั้นปั่นหัว คอยบินวนอยู่รอบร่างของนางทั้งยังยั่วเย้าส่งสายตารบกวนราวกับจะบอกกับนางว่า
แน่จริงก็จับข้าให้ได้สิ
เมื่อถูกท้าทายเช่นนั้นแมวน้อยมีหรือจะทนไหว เดิมทีนางก็เป็นคนที่ชอบเอาชนะอยู่แล้วสองขาจึงลุกขึ้นกระโดดตามผีเสื้อตัวนั้นไปอย่างรวดเร็ว กระทั่งข้ามฝั่งมายังเรือนของคุณหนูหลินหลงและบังเอิญได้ยินนางเอ่ยรำพึงรำพันกลอนบทหนึ่งซ้ำไปซ้ำมา ทั้งยังเขียนกลอนบทเดียวกันลงในกระดาษสองแผ่น
แมวน้อยมิได้สนใจผีเสื้อตัวนั้นแล้วสายตากำลังจับจ้องไปยังร่างของหลินหลงที่นั่งกระหยิ่มอยู่เพียงลำพัง ทั้งยังนึกดูถูกสตรีนางนั้นในใจ
บทกลอนอันใดยิ่งฟังยิ่งรู้สึกขนลุก นางผู้นั้นคิดได้อย่างไรว่าบทกลอนของตนเองดี ช่างถือหางตนเองยิ่งนัก
หลินหลงยังเอ่ยออกมาช้า ๆ
"ข้ามิได้รู้สึกอันใดกับพวกท่านเลยสักนิด แค่อยากจะทำให้สตรีเหล่านั้นรู้เสียบ้างว่ากำลังคิดแข่งกับผู้ใด จะหาว่าข้าหลอกลวงพวกท่านไม่ได้ ข้ายังไม่ตอบรับพวกท่านด้วยคำมั่นแต่หากพวกท่านจะคิดไปเองก็นับเป็นความฟุ้งซ่านของบุรุษเลือดร้อนแล้ว ชิ อยากกินเนื้อหงส์หรืออย่างไรก็ควรก้มมองดูว่าเป็นสุนัขหรือไม่"
แม่หงส์ฟ้านางนั้นกำลังทำให้หลิวฉูฉู่อยากจะสำรอกเอาน้ำต้มผักออกมาจากท้องเสียจริง
หลินหลงเจ้าหรืองดงาม ข้าไม่อยากจะโอ้อวดหรอกว่าใบหน้าของเจ้ายังห่างชั้นจากข้ามาก ตัวเจ้ายังไม่อาจเทียบสตรีขี้โรคหลินจื่อเว่ยได้แม้เพียงปลายเล็บ คงต้องโทษมารดาของเจ้าที่สั่งสอนบุตรสาวให้มั่นใจอะไรผิด ๆ เช่นนี้
เอ่ยรำพึงรำพันเสร็จ จากนั้นหลินหลงก็พับกระดาษใส่ซองจนเรียบร้อยก่อนที่จะบรรจงเขียนชื่อหน้าซองลงไป ซองหนึ่งเขียนว่า 'คุณชายเฉิน' อีกซองหนึ่งเขียนว่า 'คุณชายอี้' แน่นอนว่านางผู้นั้นยังทำท่าทางเหมือนตนเองเป็นนางฟ้านางสวรรค์งดงามเหนือผู้ใด
หลิวฉูฉู่ยืนนิ่ง ๆ อยู่ในมุมหนึ่ง คงเพราะอยู่ในร่างของแมวน้อยทุกก้าวเดินย่อมแผ่วเบา ทั้งยังปราดเปรียวว่องไว หลินหลงเองก็ไม่ทันสังเกตว่าบัดนี้กำลังมีบุคคลที่สามอยู่ในห้องนี้กับตนเองด้วย
กระทั่งบ่าวรับใช้มาเคาะประตู
"คุณหนูรอง ฮูหยินมาพบท่านเจ้าค่ะ"
หลินหลงรีบร้อนกลัวท่านแม่ของตนเองจะเข้ามาในห้องนี้ นางจึงไม่ทันเก็บจดหมายเอาไว้ให้ดีใช้เพียงแต่สอดจดหมายเข้าไปเก็บไว้ในตำราเล่มหนึ่งนางเองก็คงคิดว่าที่นี่เป็นห้องส่วนตัวของนางไม่มีผู้ใดเข้ามาหากนางไม่อนุญาตจึงไม่ได้ระมัดระวังเท่าใด
เมื่อไร้เงาคนอยู่ที่นี่แล้ว หลิวฉูฉู่ผู้ที่ปกติไม่เคยคิดสอดมือเข้าไปยุ่งกับเรื่องของมนุษย์ผู้ใดกลับรู้สึกทานทนไม่ได้ นางจึงเดินไปที่ตำราเล่มนั้นพบว่าปลายซองจดหมายทั้งสองซองนั้นโผล่ออกมาเล็กน้อย
ยามนั้นนางจึงคาบจดหมายทั้งสองฉบับออกมาทั้ง ๆ ที่ไม่รู้ว่าจะเอามาทำไม และตั้งแต่นั้นก็เก็บซ่อนเอาไว้จนลืมไปแล้วจนกระทั่งวันนี้
นางใช้จดหมายสองฉบับนั้นข่มขู่หลินหลง แม้ว่าหลินหลงจะยังไม่เห็นของกลาง แต่บทกลอนนั้นหลินจื่อเว่ยร่ายออกมาโดยไม่ขาดตกบกพร่องเลยแม้แต่คำเดียว กระทั่งดอกไม้สีชมพูที่หลินหลงบรรจงวาดเอาไว้ที่มุมกระดาษหลิวจื่อเว่ยยังบรรยายออกมาได้โดยละเอียด ลงสีหนักตรงกลางดอก และลงสีเบาที่กลีบดอก
หากเรื่องนี้แพร่ออกไป ชื่อเสียงของหลินหลงคงได้ป่นปี้ บทกลอนที่เหมือนกันแต่กลับคิดส่งให้บุรุษตั้งสองคน ไม่เท่ากับคิดยั่วยวนคนอื่นหรือ มีนางแพศยาใดจะคิดเรื่องโง่ ๆ ได้เพียงนี้
อีกอย่างลายมือของหลินหลงนั้นก็พิสูจน์ได้ไม่อยาก ถึงต่อมาจะแก้ต่างว่ามีคนใส่ร้ายจดหมายเป็นของปลอม แต่ชื่อเสียงฉาวโฉ่ก็ได้เผยแพร่ออกไปแล้ว ยากที่จะทวงคืน
หากเกิดเรื่อง ตำแหน่งพระชายาของโม่อ๋องที่พยายามแย่งจากหลินจื่อเว่ยไปคงรักษาเอาไว้ไม่ได้เป็นแน่
หลินหลงแทบอยากจะทึ้งศีรษะของหลินจื่อเว่ย แต่ปากของนางยังแข็งไม่ยอมรับแต่โดยดี ทว่าในยามที่หลินจื่อเว่ยเอ่ยว่า
"ข้าบอกตามตรง ข้าไม่เคยเห็นเจ้าเป็นน้องสาวของข้า เราสองคนมาแลกเปลี่ยนผลประโยชน์กันดีหรือไม่"
"เจ้าต้องการอันใด"
หลินจื่อเว่ยไม่รีรอ สุขภาพนางไม่ดี พูดมามากเช่นนี้จึงเริ่มเหนื่อยหอบ และอาการไอคล้ายจะกลับมาแล้ว นางไม่อาจให้หลินหลงเห็นสภาพป่วยเป็นผักของตนเองได้ ตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงที่ได้เปรียบ อย่างไรก็ต้องอดทนเอาไว้ไม่ให้ไอออกมา
"ข้าต้องการเงินและข้าวของของข้า ข้าวปลาอาหาร และยารักษาคืนให้ข้าทั้งหมด"
หลินหลงส่ายหน้า
"เรื่องนี้เป็นท่านแม่ที่สั่งการข้าไม่อาจขัดคำสั่ง"
หลินจื่อเว่ยหัวเราะเบา ๆ
"อืม ข้าเข้าใจเจ้า เพราะฉะนั้นในเมื่อเราไม่มีเรื่องใดให้คุยแล้วก็ต่างคนต่างอยู่เถิด ปัญหาของเจ้าก็แก้เอาเองแล้วกัน"
หลินจื่อเว่ยไม่ได้ร้องขอการแลกเปลี่ยนอีก เมื่อหลินหลงไม่รับข้อเสนอนางก็ไม่คิดรบเร้า แน่นอนว่าคนที่เสียเปรียบมากกว่าก็คือหลินหลง ส่วนหลินจื่อเว่ยบัดนี้ไม่มีสิ่งใดให้เสียอีกแล้ว สตรีที่ถูกตราหน้าว่าเป็นลูกชู้ ทั้งยังเป็นสตรีใกล้ตาย จะมีสิ่งใดที่ต้องห่วงกันอีก
ตาต่อตา ฟันต่อฟัน หากจะตายก็ไม่เสียดายชีวิต
หลินหลงเห็นว่าหลินจื่อเว่ยไม่มีทีท่าขอร้องตนเอง ยังเชิดใบหน้าอย่างผยอง ในใจก็นึกหวาดกลัวจนตัวสั่น สุดท้ายแล้วจึงได้ยอมถอยให้ก้าวหนึ่ง ทั้งยังเอ่ยออกมาราวกับว่าตนเองมีน้ำใจนักหนา
"ก็ได้ ข้าจะจัดการเอง สิ่งที่เจ้าขอมาเจ้าจะได้ทั้งหมด นี่ไม่ใช่เพราะข้าทำผิด แต่เพราะข้าเห็นใจเจ้าอย่างไรเจ้าก็นับเป็นพี่สาวของข้า"
หลินจื่อเว่ยยิ้มเย็นชา สายตาดูถูกหลินหลงโดยไม่ปิดบัง คำว่าพี่สาวนี้ที่ออกจากปากของหลินหลงทำให้หลินจื่อเว่ยคิดอยากอาเจียน แผ่นหลังของนางตั้งตรงท่าทางสง่างามเย็นชายิ่งกว่าราชินีน้ำแข็ง
"เช่นนั้นก็ถอดของมีค่าของเจ้าทั้งหมดออกมามัดจำ"
หลินหลงเบิกดวงตาขึ้นจนแทบจะถลนออกมา นางจับเครื่องประดับของตนเอาไว้อย่างหวงแหน ของทุกอย่างนี้ล้วนล้ำค่าที่นางตั้งใจใส่มาเต็มที่ให้หลินจื่อเว่ยคิดอิจฉา ทว่าตอนนี้กลับกลายเป็นว่ามันกำลังจะกลายเป็นของหลินจื่อเว่ยไปแล้ว
"ตอนนี้เลยหรือ เงินทองหากเจ้าอยากได้ข้าจะให้คนนำมาให้"
"ตอนนี้ ข้าต้องการมัดจำ ไม่มีข้อต่อรอง เอาออกมาให้หมดที่เจ้าแต่งตัวใส่เครื่องประดับมาจนหนักหัวเช่นนี้คงเพราะคิดจะมามอบให้ข้าตั้งแต่แรกกระมัง หลินหลงข้าเตือนเจ้าว่าอย่าคิดลองดีกับข้าเพราะข้ากล้าพูดได้เต็มปากว่าเรื่องของเจ้าจดหมายนั้นจะถูกส่งไปยังนักเล่านิทานอันดับหนึ่งในหอสุราเซี่ยนจื่อ ครานี้คงไม่ต้องบอกนะว่ามันจะแพร่กระจายไปได้เร็วเพียงใด"