นับตั้งแต่ที่ม่อเฉิงเอ่ยปากขอร้องให้นางฝึกบำเพ็ญคู่กันกับเขา ลู่เจินก็กระวนกระวานนอนไม่หลับทั้งคืน แม้ว่าเจ้าแมวน้อยจะเขามาออดอ้อนนางก็ยังไม่มีอารมณ์จะเล่นกับมัน
หญิงสาวลุกขึ้นจากเตียงและหยิบพู่กันกับกระดาษขึ้นมา ก่อนจะเริ่มเขียนข้อดีข้อเสียของการฝึกร่วมบำเพ็ญแบบคู่
โดยเริ่มจากการเขียนถึงข้อดีและผลประโยชน์ที่นางจะได้รับในเรื่องนี้เสียก่อน ข้อแรกหญิงสาวรู้ว่าการบำเพ็ญของศิษย์พี่นั้นมีระดับสูงกว่าตนมาก หากพวกเขาร่วมบำเพ็ญคู่ด้วยกันระดับการบำเพ็ญของนางนั้นต้องเพิ่มขึ้นมาอย่างไม่ต้องสงสัย
ข้อสองศิษย์พี่คือคนที่ปฏิบัติต่อนางอย่างดีมาโดยตลอด และหากนางไม่ช่วยเขาในครั้งนี้ หากอีกฝ่ายตายไปจริงๆ นางจะต้องรู้สึกผิดเป็นอย่างมาก
ข้อสามนางรู้ว่าศิษย์พี่นั้นเป็นที่ชื่นชอบของบรรดาสหายหญิงที่ฝึกบำเพ็ญเพียร ซึ่งนางก็เป็นหนึ่งในนั้น เขามีหญิงสาวให้เลือกมากมายแต่ท้ายที่สุดก็ยังคงเลือกนาง ซึ่งเรื่องนี้ลู่เจินรู้สึกว่าตนเองได้หน้ามากที่สุด
หลังจากนั้นนางก็หันไปเขียนข้อเสียและพบว่านอกจากที่จะเสียความบริสุทธิ์ หญิงสาวก็หาข้อเสียอย่างอื่นไม่ได้เลย เพราะถึงอย่างไรชาตินี้ตนก็ไม่คิดจะแต่งงาน และถ้าหากบำเพ็ญด้วยตนเองระดับความก้าวหน้าคงไม่ถึงไหน กว่าจะถึงขั้นสร้างฐานอายุคงใกล้เข้าสู่วัยกลางคนแล้วกระมัง ถึงตอนนั้นต่อให้เลื่อนขั้นได้คงทนฤทธิ์จากสายฟ้าฟาดไม่ได้หรอก
หลังจากตรึกตรองคิดข้อดีข้อเสียดูแล้ว หญิงสาวก็เป็นน้ำตกลงในใจที่จะรับข้อเสนอนี้ของศิษย์พี่
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วและม่อเฉิงก็มาหานางอย่างตรงเวลา เขามองลู่เจินด้วยสายตาลึกล้ำภายในร่างกายรู้สึกปั่นป่วนยิ่งนัก แต่เขาก็พยายามสำรวมกิริยาให้ดูนิ่งสงบเอาไว้ "ศิษย์น้อง…คำตอบของเจ้าคืออะไร"
ลู่เจินนิ่งเงียบไปชั่วครู่ ก่อนจะพูดออกไปว่า "ข้ายินดีที่จะช่วยเหลือศิษย์พี่"
รอยยิ้มปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของม่อเฉิง "ขอบคุณศิษย์น้องยิ่งนัก…ข้าจะไม่ทำให้เจ้าผิดหวังแน่นอน" พูดจบเขาก็เดินเข้ามาจับมือนางทันที
ลู่เจินค่อนข้างตกใจ นางไม่คาดคิดว่าเมื่อตอบตกลงอีกฝ่ายจะจะพานางไปที่ถ้ำของเขาทันที "นี่…มันเร็วเกินไปกระมัง!"
ตอนนี้นางยังไม่ได้เตรียมพร้อมในเรื่องใดๆ เลยสักอย่าง
ม่อเฉิงสูดลมหายใจเข้าลึก เมื่อสักครู่นี้เขาอาจใจร้อนเกินไป อาจทำให้อีกฝ่ายรู้สึกกลัวขึ้นมาได้ ชายหนุ่มพยายามควบคุมสีหน้าให้กลับมาเป็นปกติ "แล้วคืนนี้ข้าจะมารับศิษย์น้อง"
ลู่เจินมองตามแผ่นหลังของอีกฝ่ายก่อนจะเดินกลับเข้าไปในกระท่อม หญิงสาวเดินไปที่หลังบ้านเพื่อต้มน้ำอาบ การใช้คาถาชำระล้างถึงแม้จะสะดวกรวดเร็ว แต่นางคิดว่าการทำเรื่องเช่นนี้ควรอาบน้ำให้สะอาดจะดีที่สุด หลังจากทำเรื่องทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยหญิงสาวก็นั่งรออยู่ในห้องด้วยความตื่นเต้น
เมื่อม่อเฉิงมารับนาง ก็เห็นว่าอีกฝ่ายกำลังอุ้มเจ้าแมวน้อยที่กำลังหลับใส่เข้าไปกระกร้าใบเล็ก "เจ้าคิดจะพาแมวตัวนี้ไปดูพวกเราด้วยหรือ"
"เสี่ยวซีไม่ใช่สัตว์เลี้ยงซุกซน มันจะไม่สร้างปัญหาแน่นอนเจ้าค่ะ" ลู่เจินรีบชูแมวน้อยที่นอนหลับสนิทอยู่ในตะกร้า ท่าทางของมันนิ่งสงบมาก
"เช่นนั้นก็แล้วแต่เจ้าเถิด" ม่อเฉิงไม่สนใจเรื่องนี้อีก เขาพานางขึ้นไปบนกระบี่ เพราะเรื่องที่พวกเขากำลังจะไปทำนั้นชวนให้หน้าแดงเป็นอย่างมาก หญิงสาวจึงไม่กล้าจับไหล่ของเขาดังเช่นเมื่อก่อนเพียงแค่คว้ามุมเสื้อผ้าตรงไหล่ของเขาเท่านั้น
ม่อเฉิงหันไปมองแล้วคว้ามือมาจับที่เอวของเขา "กอดไว้แน่น ๆ"
เมื่อฝ่ามือของนางได้สัมผัสถึงกล้ามเนื้อท้องของเขาผ่านเสื้อผ้า ลู่เจินก็รู้สึกเหมือนใบหน้าถูกน้ำร้อนลวก ยิ่งเมื่อจินตนาการถึงเรื่องที่จะเกิดขึ้นต่อไปจากนี้หญิงสาวก็ยิ่งรู้สึกเขินอายยิ่งนัก นางเคยอ่านตำราและพบว่าการร่วมบำเพ็ญคู่ของผู้ฝึกตนไม่แตกต่างจากการร่วมเสพสังวาสของมนุษย์ทั่วไป ข้อแตกต่างเพียงอย่างเดียวคือมีการแลกเปลี่ยนทางหยินและหยางเท่านั้น
……
ทั้งสองมาถึงที่ถ้ำของม่อเฉิง ลู่เจินมองดูประตูที่เป็นช่องว่างขนาดใหญ่ นางก็กังวลว่าจะมีผู้ใดเข้ามาเห็น "ศิษย์พี่ ถ้ำของท่านไม่มีประตูหรือ"
โดยปกติเหล่าผู้ฝึกตนที่อยู่ร่วมหน้าผาเดียวกันนั้น ล้วนฝึกตนอย่างโดดเดี่ยวแปลกแยกไม่เคยที่จะมาพบปะสังสรรค์กัน ดังนั้นม่อเฉิงจึงไม่ได้สนใจว่าเขาจะมีประตูที่ปากถ้ำหรือไม่
แต่เมื่อเห็นถึงความกังวลใจของนาง เขาจึงสร้างประตูเวทย์ขึ้นมา เพื่อทำให้นางสบายใจและป้องกันไม่ให้คิดหนีออกไปกลางคัน "เอาล่ะ ตอนนี้ไม่มีใครเข้ามาได้แล้ว"
ลู่เจินเห็นเช่นนั้นก็ค่อยสบายขึ้นมาบ้าง นางวางตระกร้าที่ใส่เจ้าแมวน้อยไว้ตรงแท่นหินข้างประตู และเดินเข้าไปหาเข้าไปหาเขาช้าๆ…