แสงแดดที่ลอดผ่านเข้าไปในถ้ำ ปลุกลู่เจินให้ตื่นขึ้นมา แม้ว่าเตียงหยกจะทั้งแข็งและเย็นก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อการนอนของนางแต่พอตื่นขึ้นมาหญิงสาวก็รู้สึกปวดไปทั้งตัว
เมื่อนางลุกขึ้นนั่งเสื้อคลุมที่อยู่บนร่างของนางเลื่อนหลุด เผยให้เห็นรอยฟกช้ำที่เอวพอดี เมื่อคืนนี้ศิษย์พี่บีบเอวของนางแรงมาก แม้ว่าส่วนนั้นของเขาจะเข้ามาไม่สุด แต่หญิงสาวก็จำได้ว่ามันทั้งเจ็บทั้งเสียวซ่านแปลกๆ
"ม่าวววว" เจ้าแมวน้อยกระโดดลงมาจากตะกร้าเมื่อเห็นนางตื่นแล้ว
ม่อเฉิงมองดูมันด้วยหางตา เมื่อเช้าหลังจากกลับมาจากสุสานกระบี่ ชายหนุ่มเห็นว่าลู่เจินยังไม่ตื่น ด้วยความหวังดีเขาจึงเอาน้ำค้างเซียนมาให้มัน แต่น่าเสียดายที่เจ้าตัวน้อยไม่รู้จักบุญคุณ มันไม่ยอมดื่มน้ำค้างเซียนที่เขาเอามาให้ ได้แต่มุดหน้าขดตัวอยู่ในตะกร้า แต่พอเจ้านายของนายของมันตื่น เจ้าแมวตัวนี้ก็ทำเป็นรู้ดีส่งเสียงเรียกร้องความสนใจจากนาง
เจ้าแมวน้อยมีความกังวลใจของตัวเอง มันรู้สึกไม่ชอบเจ้ามนุษย์ท่าทางเจ้าเล่ห์นี่เลย แม้ว่าอีกฝ่ายจะใจดีเทน้ำค้างเซียนที่มีกลิ่นหอมหวานจนน้ำลายสอ แต่เมื่อคืนเจ้าคนผู้นี้ก็ทำร้ายเจ้านายของมันจนส่งเสียงร้องดังขนาดนั้น มันจึงกลัวจนไม่กล้าที่จะดื่มน้ำลงไป ได้แต่หวังเพียงว่าผู้เป็นนายจะตื่นขึ้นมาเร็วๆ เพื่อป้อนอาหารให้มัน
“เจ้าตื่นแล้วหรือ" ม่อเฉิงเอ่ยทักหญิงสาวที่กำลังบิดขี้เกียจอยู่บนเตียง
ลู่เจินพบว่าม่อเฉิงกลับมาหาศิษย์พี่ที่อ่อนโยนท่าทางใจดีเหมือนกับปกติแล้ว แต่เมื่อเห็นสายตาของเขาที่เลื่อนลงต่ำ มองไหล่กลมมนของหญิงสาวที่โผล่พ้นผ้าคลุม เมื่อเห็นเช่นนั้นนางรู้ตัวว่าตอนนี้ตนเองยังคงเปลือยเปล่าอยู่
เมื่อคืนแสงจันทร์ภายในถ้ำส่องเข้ามาให้มองเห็นด้านในเพียงสลัวๆ ดังนั้นลู่เจินจึงไม่ได้รู้สึกเขินอายมากนัก แต่ตอนนี้ท้องฟ้าแจ่มใสและแสงแดดก็ส่องเข้ามาจนสว่างจ้า บวกกับสายตาที่มองอย่างไม่ปิดบังของเขา นางก็รู้สึกเขินอายเป็นอย่างมาก
ม่อเฉิงไม่ได้ทำให้นางลำบากใจมากนัก เขาชี้มือไปยังกองเสื้อผ้าที่พับไว้ตรงหัวเตียง "ใส่เสื้อผ้าก่อนเถิด…ข้าจะออกไปรอข้างนอก"
ลู่เจินได้ยินเช่นนั้นรีบแต่งตัวตัว
ม่อเฉิงยืนรอที่หน้าถ้ำ เมื่อลู่เจินออกมาพร้อมกับตระกร้าใส่แมวน้อย เขาก็จับมือนางขึ้นกระบี่ พากลับไปส่งที่กระท่อม ทั้งสองคนไม่ได้พูดอะไรกันตลอดทางจึงมีแต่ความเงียบ
แต่ลู่เจินเป็นฝ่ายนึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้นางจึงเป็นฝ่ายพูดขึ้นก่อน "ศิษย์พี่…ร่างกายของท่านถือว่าผ่านช่วงเวลายากลำบากไปแล้วหรือยังเจ้าคะ"
ม่อเฉิงพยักหน้า "นับว่าผ่านไปได้แล้ว ขอบคุณความช่วยเหลือจากศิษย์น้องยิ่งนัก…คราวหน้าข้าคงต้องรบกวนศิษย์น้องข้าอีกครั้ง"
ลู่เจินอยากจะพูดไปตามสัญชาตญาณว่า 'ยินดีเจ้าค่ะ' แต่นางรู้สึกว่าคำนี้ไม่เหมาะสม จึงเปลี่ยนเรื่องที่จะถามอีกฝ่ายแทน "แล้วครั้งต่อไปจะเป็นเมื่อไหร่หรือเจ้าค่ะ"
เกี่ยวกับการฝึกบำเพ็ญแบบคู่ นางไม่อาจปฏิเสธว่ากำลังรอคอยให้มาถึงเร็วๆ
ม่อเฉิงไม่สามารถบอกเวลาที่แน่นนอนได้ แต่โดยปกติมีระยะห่างประมาณหนึ่งเดือน เขาทำได้เพียงตอบนางว่า "ตามปกติจะเป็นทุกเดือน แต่ถ้ามันเกิดขึ้นเร็วมากกว่าเดิม หวังว่าศิษย์น้องคงจะเข้าใจที่ข้าไม่ได้แจ้งให้ทราบล่วงหน้า" ทั้งสองคนพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้กันอย่างเปิดเผย ราวกับว่าเรื่องที่พวกเขาทำเป็นเรื่องธรรมดาทั่วไปเท่านั้น
ก่อนจากกันม่อเฉิงยังยื่นกล่องไม้เล็กๆ ให้นาง "นี่คือบัวน้ำค้าง มันช่วยให้เจ้าฟื้นพลังได้ เมื่อวานศิษย์น้องสูญเสียพลังงานไปมาก เพียงแค่กินสิ่งนี้ทุกวันพลังวิญญาณของเจ้าก็จะเพิ่มพูนร่างกายจะแข็งแรงมากขึ้น"
ลู่เจินรับมาและกล่าวขอบคุณ
เป็นเพราะว่าพวกเขาสองคนทำสิ่งที่ใกล้ชิดสนิทสนมกันมาก เวลานี้จึงรู้สึกขัดเขินที่ต้องพูดคุยกันต่อไป ม่อเฉิงจึงขอตัวกลับไปก่อน
ลู่เจินมองตามแผ่นหลังของชายหนุ่มที่กลายเป็นจุดเล็กๆ บนท้องฟ้า
หลังจากนั้นหญิงสาวก็อยู่ที่บ้านทุกวัน เพื่อรอคอยให้ศิษย์พี่มารับ แต่ผ่านไปมากกว่าหนึ่งเดือนเขาก็ยังไม่มา หญิงสาวคิดกับตัวเองว่าครั้งที่แล้วเป็นเพราะนางอดทนไม่พอ เขาคงไปหาสตรีนางอื่นมาช่วยแทนแล้วกระมัง ด้วยการคาดเดานี้ทำให้นางรู้สึกเศร้าโศกเล็กน้อย
ลู่เจินไม่อยากนั่งอยู่เฉยๆ นางจึงขึ้นเขาไปขุดหาหญ้าวิญญาณ พยายามหาเงินเพื่อไม่ให้ตัวเองคิดฟุ้งซ่าน
……
ฝ่ายม่อเฉิงเมื่อเขาไม่ทนทรมานจากพิษแห่งไฟ ระดับบำเพ็ญของเขาก็ก้าวเข้าสู่ขั้นหลอมรวม เขาใช้เวลามากกว่าหนึ่งเดือนในการนั่งสมาธิปรับระดับพลังของตนให้เสถียร
ดังนั้นช่วงที่ผ่านมานี้เขาจึงไม่ได้ไปหาศิษย์น้อง แต่วันนี้อาการพิษไฟของเขากำเริบขึ้นมาอีกครั้ง ชายหนุ่มจึงรีบมาหานาง แต่พบว่าศิษย์น้องไม่ได้อยู่ที่กระท่อมเขารอจนถึงช่วงเย็น ก็พบว่านางกำลังลงมาจากบนเขา
ตอนนี้พลังวิญญาณของลู่เจินเพิ่มขึ้นมาเป็นผู้ฝึกตนระดับเจ็ดแล้ว นางสามารถขุดหญ้าวิญญาณได้เร็วกว่าเมื่อก่อนมาก ศิษย์พี่ไม่ได้โกหก การฝึกบำเพ็ญแบบคู่สามารถเพิ่มระดับบำเพ็ญให้นางได้
“ศิษย์น้อง ไปกันเถอะ" ก่อนที่นางจะเดินไปถึงประตูบ้านก็ถูกม่อเฉิงเข้ามาขวาง และอุ้มทั้งนางและเจ้าแมวน้อยขึ้นไปกระบี่
ลู่เจินรีบใช้มือคล้องคอของอีกฝ่ายแน่น เพราะกลัวว่าจะตกลงไป "ศิษย์พี่… ท่านจะฝึกบำเพ็ญคู่หรือ"
ม่อเฉิงพยักหน้า “ต้องขออภัย เวลานี้พิษไฟของข้ากำเริบอย่างกะทันหัน" ระดับบำเพ็ญของเขาสูงขึ้นอีกขั้น ดังนั้นพิษไฟครั้งนี้น่าจะรุนแรงกว่าเดิม ดังนั้นการกระทำของเขาจึงดูค่อนข้างหยาบคายไปบ้าง
ลู่เจินคิดในใจว่าเหตุใดมันเกิดขึ้นกะทันหันเช่นนี้ นางไม่ได้เตรียมพร้อมอะไรเลยสักอย่าง!
หญิงสาวลังเลที่จะพูด ออกไปว่าตนเองต้องการขอเวลาเตรียมตัว แต่เมื่อนางเห็นเส้นเลือดที่ปูดขึ้นตรงลำคอของเขา นางก็ไม่กล้าพูดออกไป…