หลังจากได้พักฟื้นที่โรงพยาบาล 2 วัน คุณแม่มือใหม่ก็ได้กลับบ้าน เป็นไปตามแบบที่พี่เลออนได้บอกกันเอาไว้เลยล่ะ
เมื่อกลับมาถึงบ้าน คนเป็นน้องถึงกับเซอร์ไพรส์ ไม่รู้ว่าคนเป็นพี่เนรมิตทุกอย่างไว้ให้เรียบร้อย ขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่เพราะทั้งที่ก่อนไปพักที่โรงพยาบาลเพื่อเตรียมตัวผ่าคลอด คุณแม่เห็นเพียงแค่จัดเตรียมห้องเด็กไว้ให้แค่ที่ชั้นบนเท่านั้น ไม่คิดว่าพี่ชายของตน จะเนรมิตชั้นล่างเตรียมไว้ให้เจ้าตัวเล็กอย่างดีขนาดนี้ด้วย
“แปลกใจเหรอ พี่กลัวเราเจ็บแผลจะเดินลำบากน่ะ เลยทำชั้นล่างไว้ด้วย ทีนี้จะได้อยู่ได้ทั้งข้างบนและก็ข้างล่างเลยนะ”
“ขอบคุณครับพี่เลออน ผมรักพี่เลออนจังเลย” คนน้องส่งยิ้มตาหยีให้คนพี่ตามสไตล์ที่ถนัดเหมือนกับเวลาที่เอาไว้ใช้อ้อนเพื่อนซี้ตัวโต
คนพี่อดเอ็นดูน้องชายไม่ได้ จึงเดินเข้าไปลูบหัวกลม พร้อมกับจิ้มแก้มเจ้าตัวน้อยที่ยังคงหลับใหลอยู่ในอ้อมแขนของฟาร์รัง ด้วยแววตาเอ็นดูเป็นอย่างมาก “เราก็น้องพี่ นี่ก็หลานพี่ ใครจะปล่อยให้ลำบากละครับ บอกแล้วไงว่าจะดูแลอย่างดีเลย”
“ครับเชื่อแล้วครับว่าพี่เลออนน่ะเป็น พ่อทูนหัว ของน้องฮาร์ฟอย่างแท้จริงเลย” คุณแม่ป้ายแดง จับจ้องมองเข้าไปในแววตาดุสีอำพันของคนเป็นพี่ชาย ก่อนจะเอ่ยปากถามออกมา “พี่เลออนจะว่าอะไรไหมครับ ถ้า..ถ้าฟาร์จะให้น้องฮาร์ฟเรียกพี่ว่าพ่อ”
“พี่ไม่มีปัญหาอะไรหรอกครับ ว่าแต่เราเถอะ จะไม่บอกพ่อเจ้าตัวเล็กนี่อีกแล้วหรือครับ” คนเป็นพี่เห็นแววตาคนน้องวูบไหวไปชั่วขณะก่อนจะเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มจางๆ ผุดขึ้นมาแทนทีใบหน้าที่ดูเศร้าหมอง
“คงพอแล้วแหละครับ นี่ก็ผ่านมาจะเป็นสิบเดือนแล้ว เขาคงไม่ได้สนใจเรื่องของผมกับเจ้าตัวเล็กนี่หรอกครับ"
และก็คงไม่มีวันที่จะจำผมได้อีกต่อไปแล้วแหละครับ
คนพี่เห็นน้องน้อยน้ำตาคลออยู่ที่หน่วยตา จึงรีบเอ่ยแทรกแกล้งทำเป็นเข้าไปอุ้มเจ้าตัวเล็กในอ้อมแขนเล็ก และออกเดินนำเข้าไปห้องเด็กชั้นล่าง
คนตัวเล็กจึงรีบเงยหน้าขึ้นแล้วรีบกะพริบตาปริบๆ ให้น้ำตามันไหลย้อนกลับเข้าไปยังที่เดิม และก้าวขาออกเดินตามแผ่นหลังกว้างของพี่เลออนที่ได้เดินอุ้มน้องฮาร์ฟนำหน้าไปก่อนแล้ว
โอ้โห่! ว้าว!!
นี่พี่ชายผมนอกจากเนรมิตห้องนั่งเล่นด้านนอกไม่พอ
ยังจะแบ่งห้องรับแขกชั้นล่างให้เป็นห้องนอนของน้องฮาร์ฟอีกห้องเลยหรอเนี่ย
ฟาร์รังอดที่จะเผลอคิดไม่ได้เลยว่าขนาดน้องฮาร์ฟเป็นแค่หลาน พี่เลออนยังทุ่มทุนสร้างให้ขนาดนี้ แล้วถ้าเป็นลูกของพี่เลออนเองคงจะเล่นใหญ่กว่านี้แน่นอน แต่พอตากลมหันหน้าไปมองคนเป็นพี่ จึงเปลี่ยนใจไม่เอ่ยแซวดีกว่า เพราะพี่เลออนของผมคนนี้ก็เคยมีความหลังเกี่ยวกับความรักที่ไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่เช่นกัน
“ฟาร์มาดูสิ ชอบไหมครับ ถ้าไม่ชอบ เดี๋ยวพี่สั่งเปลี่ยนให้ได้นะ” เสียงของประมุขบ้านเอ่ยถามดังขึ้น จึงทำให้คนน้องที่เหม่อลอยคิดถึงเรื่องของพี่ชายอยู่ได้ดึงสติกลับมาจดจ่ออยู่กับใบหน้าคมพร้อมยกยิ้มกว้างตอบรับให้
“ไม่ต้องแล้วครับพี่เลออน แค่นี้ผมก็เกรงใจจะแย่”
“ไม่ต้องเกรงใจเลยครับ ฟาร์ก็รู้ว่าพี่รักเรามากขนาดไหน”
“ขอบคุณจากใจจริงเลยนะครับพี่เลออน” คนน้องไม่รู้ว่าจะตอบแทนความรักของพี่ชายที่แสนดีตรงหน้าอย่างไรดี จึงแสดงออกโดยการเดินเข้าไปสวมกอดคนพี่แน่นๆ แทนคำขอบคุณอีกครั้ง
หลังจากที่พี่เลออนได้ว่างเจ้าตัวน้อยลงบนเบาะที่นอนเด็กนุ่มนิ่มอันใหม่เอี่ยมจนหลับปุ๋ยนอนสบายไปแล้ว
⍣
ช่วงนี้ในแต่ละวันฟาร์รังวุ่นวายกับการเป็นคุณแม่มือใหม่ ไหนจะต้องตื่นก่อนนอนทีหลัง ชงนมผงให้ลูกน้อย เพราะหลังจากผ่านไป 3 เดือน น้ำนมจากเต้าก็ไม่มีเหลืออยู่อีกเลย อาจจะเพราะยังไงสรีระร่างกายของฟาร์รังก็ยังคงสภาพเป็นผู้ชายอยู่ดี
ด้วยความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันของคุณแม่มือใหม่ที่ต้องคอยรับมือกับเด็กน้อยแรกเกิดจึงทำให้คนตัวเล็กได้แอบลืมเลือนการติดต่อหาเพื่อนสนิทสุดแสบแบบหมอกไปเสียสนิทเลย
แถมไม่ได้ส่งรูปหลานให้คนเป็นอาเลยด้วยซ้ำ จนหมอกต้องเป็นฝ่ายคอลมาหาฟาร์รังเอง จึงโดนเพื่อนซี้ตัวโตโวยวายใส่ยกใหญ่ เมื่อน้องน้อยโดนพี่ใหญ่เทศนาไปราวครึ่งชั่วโมงแล้วถึงได้ระงับอารมณ์โกรธเคืองแกมน้อยใจลงไปได้บ้าง
สรุปว่า..หมอกนี่มันเป็นเพื่อนผมหรือพ่อผมกันแน่ เริ่มจะไม่แน่ใจแล้วครับ?
แต่พอหมอกเจอเจ้าตัวเล็กอ้อร้อเผยรอยยิ้มสดใสให้ผ่านหน้าจอสามร์ตโฟน คนกรุ่นโกรธจึงลืมเรื่องแค้นเคืองใขจกับคนตัวเล็กไปจนหมดสิ้นได้อย่างง่ายดายเลย ฟาร์รังคิดว่าน่าเจอกับคนคลั่งรักน้องฮาร์ฟอีกหนึ่งอัตราแล้วล่ะ เห็นอาหลานได้คุยกันทีไร แทบจะตะกุยจอโทรศัพท์ออกมาหาหลานอยู่รอมร่อ เรียกแทนตัวเองอาหมอกอย่างนั้น อาหมอกอย่างนี้ ส่วนน้องฮาร์ฟก็หัวเราะคิกคักกลับคืนไป
คนเป็นอาเห็นหลานหัวเราะคิกคักมีความสุข แถมชอบทำหน้าแป้นแล้นใส่ก็ลงไปนอนดิ้นๆ พลางเอาหน้าตัวเองถูไถกับหน้าจอโทรศัพท์ราวกับเป็นเด็กน้อยได้ของเล่นที่ชอบใจไปอีกคน
จนคนเป็นเพื่อนแบบฟาร์รังถึงกับต้องส่ายหัวอย่างระอาใจ แต่ก็อดขำไม่ได้กับอาการเห่อหลานจนอาการหนักของหมอกอยู่ดี
⍣
ตอนนี้น้องฮาร์ฟเข้าสู่เดือนที่ 5 แล้ว..
คุณแม่มือใหม่ พาน้องฮาร์ฟไปโรงพยาบาลตามหมอนัดทุกครั้ง คุณหมอบอกว่าน้องฮาร์ฟเป็นเด็กที่สดใสอะเลิทมาก ๆ แถมยังมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงดีอีกด้วย สงสัยเพราะพ่อทูลของน้องฮาร์ฟเลยขยันขนซื้อของเล่นทุกอย่าง ที่ช่วยเสริมพัฒนาการเด็กมาให้ ไม่ว่าลูกน้องคนไหน หรือใครว่าอะไรดี ท่านประธานใหญ่คนนี้เป็นต้องหอบหิ้วมาให้เจ้าฮาร์ฟตัวน้อยนี่ทุกครั้ง
ไหนจะหมอกพ่อแฟนคลับนัมเบอร์วันนี่ก็อีกคนที่เอาแต่หมั่นคอลหาคุยเล่นกันทุกวัน จนบางครั้งคุยกันเล่นกันจนหลับคาจอโทรศัพท์กันไปข้างหนึ่งเป็นแบบนี้ประจำเลย
ฟาร์รังรู้สึกอยากจะเอ่ยแซวพี่เลออนซะมากมาย เพราะตอนนี้พี่เลออนกลายเป็นท่านประธานขี้เห่อหลานสุด ๆ ไปแล้ว จนคนเป็นน้องต้องบ่นใส่ไปว่า ไม่ต้องซื้อของมาให้น้องฮาร์ฟทุกอย่างก็ได้นะครับ ซื้อแค่สิ่งที่จำเป็นก็พอ เพราะพี่เลออนชอบเล่นเหมาซื้อมาหมด จนบางอย่างมันก็สิ้นเปลืองเสียเปล่า ๆ และกลายเป็นว่าของเล่นของน้องฮาร์ฟ มันรกเต็มบ้านไปเลย
ไม่ว่าคุณเลขาจอมชงที่ชื่อเอริคคนนั้น บอกว่าอะไรดีกับเด็กวัยนี้ พอคนขี้ชงบอกคนเป็นเจ้านายปุ๊บพ่อทูนหัวสายเปย์ก็กดสั่งปั๊บ เอามากองรกไว้เต็มบ้านไปหมด ฟาร์รังก็ทำได้แค่พรูลมหายใจออกมา
เตือนไปแล้วแต่ก็ไร้ประโยชน์ เมื่อคนคลั่งรักหลานไม่คิดจะหยุดยั้งคำสั่งจากฟาร์รังได้แล้ว
งั้นก็เอาตามที่ท่านประธานสบายใจเลยคร๊าบบบ
เมื่อวันเวลาผันผ่านแปรเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ตอนนี้เจ้าตัวเล็กก็อายุได้ราว 1 ขวบแล้ว น้องฮาร์ฟก็ยังคงเป็นเด็กสดใส หัวเราะเก่ง ยิ้มเก่ง เริ่มพูดเป็นคำๆ ได้แล้วด้วย
“มะ...ม่ะ ขอนมมมมมหนอ”
เวลาหิวนมจะอ้อนเก่งเป็นพิเศษ เลยครับต้าวเด็กน้อยขี้อ้อนคนนี้
และเวลาโดนเจ้าตัวเล็กอ้อนเรียกทีไร คนเป็นแม่แบบผมก็ย่อมใจอ่อนยวบทุกทีเลยสินั่น
แต่จะว่าไปไม่ใช่แค่คนเป็นแม่แบบผมคนเดียวนะ ยิ่งกับพ่อทูนหัวนี่ยิ่งอาการหนักกว่าอีกหลายเท่าเลย
“แดะ...ดี่”
เป็นครั้งแรกที่พี่เลออนได้ยินน้องฮาร์ฟออกเสียงเรียก “แด๊ดดี๊” เพียงแค่สองพยางค์ที่หลุดออกมาจากริมฝีปากน้อยๆ เท่านั้น
ขนาดน้องฮาร์ฟยังพูดออกเสียงแบบไม่ชัด พี่เลออนแกยังดีใจจนร้องไห้จ้า เผลอคว้าตัวน้องฮาร์ฟเข้าไปกอดรัดพันตูจนแน่นพลอยทำเอาน้องฮาร์ฟตกใจไปด้วย จนพากันร้องไห้จ้าแข่งกันไปทั้งลุงทั้งหลานเลย คนเป็นน้องก็ไม่รู้จะปลอบใจใครก่อนดี เลยได้แต่ปล่อยให้กอดกันกลมร้องไห้เดี๋ยวก็หยุดกันไปเอง
พ่อทูนหัวของน้องฮาร์ฟมีอาการติดน้องฮาร์ฟแจเลย วันหยุดก็เอาแต่ขลุกตัวอยู่บ้านมัวแต่ห่วงแต่เล่นอยู่กับหลานได้ทั้งวี่ทั้งวัน ขนาดวันไปทำงานยังมิวายย้ำฟาร์รังนักหนาว่าห้ามลืมพาหลานไปหากันที่บริษัทด้วย
และถ้าวันไหนที่คนเป็นน้องไม่ยอมพาน้องฮาร์ฟไปหาที่บริษัท พี่แกก็จะโดดงานกลับมาบ้านทันที จนบางทีฟาร์รังก็รู้สึกงงๆ ว่า ท่านประธานบริษัทนี้ว่างดีจังเลยนะครับ งานการไม่ทำแล้วรึ?
เมื่อคนตัวเล็กเพียงแค่เคยเกริ่นบอกกับคนเป็นพี่ไว้ว่า ถ้าช่วงที่น้องฮาร์ฟขวบกว่า ๆ เขาอาจจะต้องขอตัวกลับไปเรียน และก็จะต้องเริ่มเรียนรู้งานที่บริษัทพี่เลออนได้แล้ว เพราะว่าน้องฮาร์ฟเริ่มโตแล้ว
ฟาร์รังเลยคิดว่าจะจ้างพี่เลี้ยงเด็ก ให้มาดูแลน้องฮาร์ฟตอนช่วงเวลากลางวัน หรือวันที่ฟาร์รังไม่ว่าง แต่ปรากฏว่าพี่เลออนโอนเงินเข้าบัญชีคนน้องแทน พร้อมบอกว่านี่เป็นค่าจ้างเลี้ยงลูกแถมจ่ายให้กันแบบล่วงหน้ามาพร้อมด้วยเลยอีกต่างหาก
เนื่องจากพี่เลออนไม่ต้องการจ้างให้คนอื่นมาเลี้ยงน้องฮาร์ฟ พอได้ยินฟาร์รังบอกว่าต้องหาจ้างคนมาดูแลน้องฮาร์ฟ เลออนคนห่วงหลานจึงเกิดความวิตกกังวลกลัวว่าจะดูแลหลานคนโปรดสุดหัวแก้วหัวแหวนไม่ดีอย่างนั้นอย่างนี้สารพัด
ส่วนคนน้องนั้นก็ทำได้แค่ตาปริบ ๆ ฟังคำบ่นอุบของพี่ชายที่มีใบหน้าเคร่งขึงตรงหน้า กับคอยสบถคำถามอยู่ภายในใจของตัวเองว่า
ว๊อท??!! สรุปว่าน้องฮาร์ฟนี่ ลูกของผมหรือลูกของพี่เลออนนะครับ?Σ (゚ ロ ゚)
#ทุ่มเทเพื่อรัก