ทุ่มเท 20 สิ่งที่ถูกปิดบังซ่อนเร้น!

4411 คำ
หลังจากวันนั้น หนุ่มมหาลัยอกหักได้เมาหยำเป จนไปพลาดให้กับเพื่อนผู้ชายในกลุ่มของคนตัวเล็ก ซึ่งมันก็ทำให้เฮฟรู้สึกหงุดหงิดตัวเองเป็นอย่างมาก แถมยังรู้สึกผิดจากก้นบึ้งของหัวใจ ทั้ง ๆ ที่เขากับคนน้องก็เลิกกันไปแล้วหรือเปล่า? แต่เขาก็ยังดันรู้สึกแย่อยู่ในใจลึก ๆ อยู่ดี เอาแต่พร่ำคิดว่าถ้าเกิดคนตัวเล็กรู้เข้าจะเสียใจขนาดไหน เพียงแค่คิดแบบนี้ขึ้นมาทีไร ก้อนเนื้อตรงหน้าอกข้างซ้ายของเขาก็เจ็บแปลบขึ้นมาทันที จนกระทั่งเฮฟได้รับรู้จากพี่ชายคนโตและน้องสาวคนเล็ก เรื่องที่คนเป็นแม่นั้นแอบร้องไห้กับเรื่องสำมะเลเทเมาของเขาอยู่บ่อยครั้ง คนอกหักจึงยอมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของตนเองให้เพลา ๆ เรื่องเสเพลที่เอาแต่ออกไปเที่ยวผับบาร์ และเมาหยำเปกลับบ้านเกือบทุกวันลงไป พอเมื่อร่างสูงเริ่มมีสติแล้วจึงกลับไปเรียนได้ตามปกติดังเดิม และเขานั้นก็พยายามเข้าร่วมทำกิจกรรมอย่างบ้าคลั่งกับเพื่อนร่วมคณะ จนคนมีใบหน้าอันหล่อเหลาแฝงเสน่ห์ที่มีอยู่แล้ว ให้กลายเป็นคนที่ป๊อปปูล่าได้อย่างง่ายดาย จนหนุ่มคนดังคนนี้ก็สามารถสนิทกับพี่น้องผองเพื่อน ในมหาลัยได้อย่างล้นหลามจนเกินคาด ช่วงเวลาแบบนี้ มันก็สามารถทุเลาความหนักหน่วงใจของเขาไปได้บ้าง แต่มันก็เพียงแค่ในบางช่วงเวลาเท่านั้น ซึ่งมันก็เป็นแค่ฉากหน้าที่คอยปกปิดความรู้สึกในส่วนลึก ๆ ของภายในใจที่มันยังคงเว้าแหว่งอยู่ดี เฮฟผู้ซึ่งรู้ตัวเองดีว่า..ความเจ็บหน่วงในใจ มันไม่เคยจางหายไปได้เลย.. แต่ทว่าคนอกหักที่สีหน้าเริ่มดีขึ้น แต่ภายในห้วงความคิดก็ยังไม่สามารถทำใจได้อยู่ดี ยามที่คนอมทุกข์ต้องอยู่ตัวคนเดียว เขาจะเกิดความคิดฟุ้งซ่านว้าวุ่นจิตใจอยู่ดี ในเมื่อเจ้าตัวยังเอาแต่คิดถึงหวนคำนึง นึกถึงเรื่องราวของคนตัวเล็กจนแทบเป็นบ้า ซึ่งมันส่งผลให้ชายหนุ่มต้องออกไปนั่งตามผับตามบาร์อีกเช่นเคย แต่คนที่ยังคงต้องใช้เวลาเลียแผลใจ ต้องพยายามบ่ายเบี่ยงปฏิเสธคนที่พยายามเข้ามาหาเขาอยู่หลายครั้งหลายครา เขาแค่อยากมาดื่ม ไม่ได้อยากมาดีลกับใครแบบเมื่อก่อนหน้านี้แล้ว และเพราะเฮฟมักจะเป็นที่รู้จักกับคนทั้งมหาลัย จึงทำให้มีกลุ่มแฟนคลับตั้งเพจขึ้นมาให้ เพื่อจับให้คนป๊อปของมหาลัยได้กลายเป็นคู่จิ้นให้คู่กับคนนั้นทีคนนี้ที ดังนั้นเวลาที่ชายหนุ่มคนป๊อปคนนี้ ต้องไปออกค่ายอาสาหรือร่วมกิจกรรมใด ๆ กับเหล่าบรรดาเพื่อนพ้อง ก็ไม่เคยพลาดที่จะโดนคนรอบข้างแท็กรูปมาให้ในไอจีอยู่เสมอ ขนาดเจ้าตัวบอกปฏิเสธทุกครั้งว่าเขาไม่ได้เล่นโซเชียลนะ ทว่าพวกเพื่อน ๆ รุ่นน้องรุ่นพี่หรือจะฟังกัน ขอแค่ให้ได้แท็กพ่อหนุ่มหน้ามนคนดังของมหาลัย เพื่อเอาไว้เรียกยอดไลก์ไว้ก่อนอยู่ดี เฮฟจึงปล่อยเลยตามเลย อยากจะแท็กก็แท็กไปครับ ผมตามใจเพื่อนอยู่แล้ว ด้วยเพราะเหตุการณ์นี้ มันก็อาจจะกลายเป็นสาเหตุให้คนที่เฮฟเคยได้พลั้งพลาดไปในคืนนั้น คืนที่เขาเมามายจนจำอะไรไม่ได้เลยนั้น คนคนนั้น จึงพยายามที่จะติดต่อกับเฮฟอีกครั้ง เขาจะแอบตามร่างสูงไปยังทุกที่ ยิ่งโดยเฉพาะเวลากลุ่มเพื่อนของชายหนุ่มแบบไอ้ นินจา มันมักจะพากันออกไปปาร์ตี้หรือไปเที่ยวกันบ่อยครั้ง จนเฮฟรู้สึกได้ว่าเขาคนนั้น เริ่มที่จะพยายามเข้ามาวุ่นวาย และก้าวก่ายล้ำเส้นชีวิตของชายหนุ่มมากจนเกินไป ทั้ง ๆ ที่ก็เคยบอกไว้อย่างชัดเจนแต่แรกแล้วนี่นา จนกระทั่งวันนี้.. ซึ่งเป็นวันเกิดของนินจาที่เป็นเพื่อนสนิทในกลุ่มของเฮฟคนเพื่อนมาก ไหนจะบรรดากลุ่มพองเพื่อนทั้งในคณะและกลุ่มเพื่อนต่างคณะอีก วันนี้จึงได้พากันมารวมตัวเลี้ยงฉลองวันเกิดให้กับเจ้าของวันเกิดเพื่อนสนิทคนฮาเฮประจำของกลุ่มเพื่อนซี้ ดังนั้นตอนนี้ พวกเราจึงมีปาร์ตี้เฮฮากันอย่างสนุกสนานเต็มที่ ณ ผับแห่งหนึ่ง จนกระทั่งเวลามันล่วงเลยข้ามเข้าสู่วันใหม่เข้าให้แล้ว และแขกที่มางานในวันนี้แต่คนก็เริ่มเมาอ้อแอ้กันไปไม่น้อย แต่แล้วแขกที่ไม่ได้รับเชิญก็ได้ปรากฏเยื้องย่างกายเข้ามาที่งานด้วยเช่นกัน ซึ่งผมคิดว่า เขาต้องตามพิกัดมาจากการถ่ายรูปหรือคลิปลง IGS ของใครสักคนในกลุ่มผมนี่แหละ เหอะ สตอล์กเกอร์ฉิบหาย ด้วยใบหน้าที่บ่งบอกถึงความไม่พอใจอย่างชัดเจนและแฝงไปด้วยความกรุ่นโกรธจนดวงตาวาวโรจน์พร้อมที่จะปะทุออกมา เมื่อยิ่งได้สบเห็นเข้ากับคนที่ตนเองชอบนั้นกำลังนั่งพิงอิงแอบอยู่กับสาวสวยรูปร่างดี จนแทบจะสิงร่างกันอยู่รอมร่อท่ามกลางวงล้อมของหมู่เพื่อนฝูงที่ดูจะคอยแซวคอยเชียร์มากมายนั่นแล้ว ร่างสูงเพรียวจึงรีบปรี่เดินตรงเข้าไปยังโซฟาที่ทั้งคู่ยังคงนั่งซุกซบกันอยู่ แขนเรียวกระชากทึ้งดึงท่อนแขนของหญิงสาวที่นั่งหลับพลางซุกซบอยู่กับไหล่กว้างของเฮฟให้หลุดห่างออกจากกันอย่างรุนแรงทันที เมื่อความหึงห่วงชนะเหนือทุกสายตา แม้นจะมีลำแขนที่เรียวสวยเหมือนกับผู้หญิง แต่ทว่าด้วยแรงดึงที่มากด้วยความโมโหปรี๊ดแตกจากข้อมือที่เป็นของผู้ชายจึงทำให้ดูเหมือนว่าหญิงสาวถูกดึงและผลักออกไปด้วยแรงมหาศาลอย่างจงใจอยู่ดี ทำเอาเธอถึงกับเซถลาไปตามแรงได้อย่างง่ายดาย หญิงสาวที่กำลังสะลึมสะลือจึงเพิ่งจะรู้สึกตัวว่าถูกกระชากร่างขึ้นมาจากที่นั่งจนตัวลอยแล้วถึงกับต้องหลุดเสียงหวีดร้องออกมาด้วยความตกใจ แต่เมื่อได้รู้สึกตัวอีกทีก็เป็นตอนที่ตนนั้นได้ก้นจ้ำเบ้านั่งพังพาบอยู่บนพื้นคอนกรีตแข็งแบบไม่ทันได้ตั้งตัวซะแล้ว กลุ่มเพื่อนคนตัวสูงที่ยังคงพอมีสติกันบ้างต่างพากันตกใจตะลึงงันกับเหตุการณ์ที่เห็นอยู่เบื้องหน้า แม้นจะพากันงวยงงอยู่บ้าง แต่ก็พากันตกใจจนร้องหลุดร้องเสียงหลงออกมาตามหญิงสาวไปด้วย ขนาดพวกเพื่อนที่ว่าเมากันจนอ้อแอ้ไปแล้ว ยังต้องเบิกตากว้างตามเพราะความตกใจ ซึ่งมันทำให้อารามโทสะของคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เพื่อนสาวของตนบังเกิดอารมณ์กราดเกรี้ยวขึ้นมาทันควัน ร่างสูงที่ใบหน้าถมึงทึงขบกรามแน่น แววตาวาวโรจน์ยันกายลุกจากโซฟาขึ้นทันที พร้อมโน้มตัวลงไปช่วยพยุงประคองร่างเพื่อนผู้หญิงที่ยังคงตกใจ จนแทบจะหายเมาเป็นปลิดทิ้ง ให้ลุกขึ้นกลับขึ้นมานั่งลงยังโซฟาตามเติม คนสีหน้าบอกบุญไม่รับเอ่ยปากบอกขอโทษขอโพย และกล่าวลากับเพื่อนๆ ในงานจบ ก็หันกลับไปกระชากแขนคนที่ทำให้เพื่อนเขาเจ็บตัวไม่พอ ยังทำให้เขารู้สึกถูกหยามหน้ากันจนอับอายแบบนี้ แขนแกร่งฉุดกระชากลากถู บีบท่อนแขนคนที่คิดริอ่านจะแสดงตน เป็นเจ้าข้าวเจ้าของกับตนอย่างไม่ออมแรง พากันลากถูลู่ถูกังออกไปยังลานจอดรถด้านนอกของผับ คนอารมณ์คุกรุ่นขยับแขนขึ้นไป กระชากฉุดรั้งดึงคอเสื้อคนร่างบางให้เข้ามาใกล้ ดวงตาวาวโรจน์จ้องเข้าไปยังแววตาวูบไหวของคนตัวบางด้านหน้า "เหอะ" เสียงค่อนแคะหลุดออกมาจากลำคอหนา ร่างสูงรู้สึกโมโหโทโสจนแทบจะบ้าคลั่ง อยากประหัตประหารคนตรงหน้าให้รู้แล้วรู้รอด แขนแกร่งจึงเงื้อมมือออกไปบีบกำรอบลำคอของคนตรงหน้า ส่วนมืออีกข้างกำหมัดแน่น พร้อมที่จะปล่อยออกหมัดประเคนใส่ที่ใบหน้าของคนเจ้ากี้เจ้าการ ที่มันเข้ามาวุ่นวายกับชีวิตของเขาให้รู้แล้วรู้รอด "มึงมาเสือกทำเหี้-อะไรด้วยวะ!!!" "..." คนที่โดนกำรอบลำคอจนใบหน้าแดงก่ำเริ่มมีลมหายใจเข้าออกติดขัดไม่สม่ำเสมอ "มึงคิดว่ามึงเป็นใคร ห๊ะ? กล้ามากนะที่โผล่เข้ามายุ่งวุ่นวายกับชีวิตกูเนี่ย!!" เสียงตะเบ็งกร้าวของคนที่ยังคงกำรอบลำคอขาว จนบัดนี้มันขึ้นเป็นสีแดงช้ำจนดูน่ากลัว "แค่ก..แค่ก" แต่แล้วมือแกร่งก็เริ่มผ่อนแรงคลายออก คนที่โมโหฉุนกึกเกิดการเปลี่ยนใจ เพราะเขาคิดว่าคนแบบนี้ต่อยไปก็เจ็บมือซะเปล่า ๆ เมื่อร่างสูงยอมคลายมือปล่อยคออีกคนออก มือแกร่งออกแรงผลักไปยังหน้าอกบางที่กระเพื่อมถี่รัวอย่างตื่นกลัว ให้พ้นทางห่างออกไปให้ไกล พร้อมตะเบ็งเปล่งเสียงตวาดลั่นกลางลานจอดรถ “มึงอย่าได้มาแส่กับชีวิตกูอีก!!” ก่อนที่ร่างสูงจะกระแทกไหล่ใส่คนที่เขาแสนจะเกลียดชังขี้หน้าจนสุดขั้วหัวใจ ร่างบางที่ยังคงหอบหายใจอยู่ ถึงกับเซถลาห่างออกไป เมื่อคนที่เกะกะขวางทางกระเด็นหลุดพ้นทางแล้ว ขายาวจึงก้าวขาเดินออกไปดับอารมณ์ทะเลคลั่งของตนเอง คนที่ยังคงมีอารมณ์ปะทุตีรวนอยู่ในอก รีบเร่งขับรถออกมาจากคนที่เขาเกลียดชังน้ำหน้ายิ่งนัก ยิ่งนึกถึงเรื่องที่คนเกลียดขี้หน้าได้เข้าไปทำตัวล้ำเส้นที่งานปาร์ตี้ ทั้งทำร้ายเพื่อนผู้หญิงในกลุ่มเขา จนเขาต้องรู้สึกอับอายขายขี้หน้า เมื่อตอนนี้อารมณ์กรุ่นโกรธฉุนเฉียวยิ่งบรรดานโทสะให้พุ่งจนขีดสุด มันจึงปะทุให้ไปลงกับการลงน้ำหนักเท้าที่แรงเหยียบคันเร่ง โดยที่เจ้าตัวไม่ทันได้รับรู้ถึงความเร็วของรถยนต์คันหรู ที่มันกำลังพุ่งทะยานเกิดขีดจำกัดความสามารถของคนที่ดื่มสุรา จนเข้าข่ายกึ่งมีสติกึ่งไม่มีสติเช่นนี้ โครม!! คนที่เหยียบคันเร่งจนมิดรู้สึกได้ถึงแรงกระแทกจึงทำให้ถุงลมโป่งพองที่ทำหน้าที่ของมันได้เป็นอย่างดี แต่ทว่าเจ้าของรถยนต์คันหรูไม่สามารถขยับเขยื้อนตัวออกไปไหนได้อีกแล้ว ภายในรถมีเพียงกลิ่นเหม็นไหม้และกลิ่นคาวเลือดลอยคลุ้งปะทะเข้ากับจมูกของคนที่สติเริ่มพร่าเลือน เปลือกตาหนักอึ้งแทบจะลืมไม่ขึ้นถูกอาบไล้ฉาบไปด้วยสีแดงฉานของหยาดเลือดข้นก็เริ่มที่จะสะลึมสะลือ จนกระทั่งได้พับปิดมืดมิดดับลงไป ก่อนที่จะได้ยินเสียงคร่ำครวญอยู่ข้างใบหูซะอีก "หื้อ พี่เฮฟ...พี่เฮฟ..ครับ" "ฮรึก พี่เฮฟ...อย่าเพิ่งหลับครับ...” “พี่เฮฟ..พีขอโทษ...ฮื้อออ..." ➷ เฮือกกก..!! ร่างที่หลับใหลนับวันผันผ่านไปอย่างยาวนาน ณ ตอนนี้กลับสะดุ้งผวาตื่นขึ้นมาจากห้วงภวังค์ แห่งวังวนความฝันของวันวานในอดีตที่เคยลืมเลือนไปแล้ว แต่ทว่ามันกลับฝังภายใต้ซอกหลืบของจิตใจของเขาได้เป็นอย่างดี ในขณะที่เขาคิดว่าร่างเขาต้องกระตุกออกมาอย่างรุนแรงเป็นแน่แท้ แต่ทว่าแท้ที่จริงแล้ว คนบนเตียงพักผู้ป่วยทำได้แค่เพียงค่อย ๆ เปิดเปลือกตาอันแสนหนักอึ้งขึ้น ตาคมพยายามเบิกตาปรับโฟกัสม่านตา จึงได้เห็นเป็นเพดานสีขาวสะอาดพร้อมกับกลิ่นยาที่ลอยคลุ้งอยู่รอบ ๆ ตัว ไม่ใช่กลิ่นคาวคลุ้งแบบในความฝัน ที่นี่โรงพยาบาลรึเนี่ย? “ตาเฮฟ ฮึก..ตาเฮฟลูกแม่ ฟื้นแล้วหรือลูก” คนนอนลืมตามองเพดานสีขาวเมื่อโสตประสาทได้ยินเสียงอันคุ้นเคย และรู้สึกถึงมืออุ่นที่กอบกุมมือกันไว้ จึงเลื่อนสายตาไปสบมองยังเสียงที่คุ้นเคย จึงได้เห็นว่าเป็นแม่ของตนเอง ที่ปล่อยให้น้ำตานองไหลอาบแก้ม อย่างที่เขาไม่เคยพบเห็นกับตามาก่อนในชีวิต ร่างไร้เรี่ยวแรงรู้สึกอยากจะเอื้อมมือออกไปเช็ดหยาดน้ำตาใส ที่อยู่บนใบหน้าของผู้หญิงที่เขารักมากที่สุด แต่แท้จริงแล้วคนที่ยากจะขยับออกแรงให้ได้ดังใจนั้น ทำได้แค่เพียงออกแรงบีบมือกลับไปยังที่เกาะกุมกันไว้ “แม่...ครับ” ริมฝีปากแห้งแตกเผยอออก ขับเปล่งเสียงเรียกบุพการีของตัวเองด้วยเสียงที่แหบพร่า เจ้าตัวรู้สึกได้ถึงลำคอที่แห้งผากประดุจผืนทะเลทรายอันแห้งแร้ง จนยากที่จะเอ่ยออกเสียงได้อย่างใจคิด “ตาเฮฟ แม่อยู่นี่ลูก” แววตาสีเข้มหม่นเห็นว่าแม่ของตนเองผุดลุกออกจากเก้าอี้ไป แต่ก็หมุนตัวเดินวนกลับเข้ามาหากันใหม่ ฝ่ามืออันสั่นเทาละล้าละลังราวกับทำอะไรไม่ถูก คนแม่จึงหยุดยืนนิ่งก่อนสักครู่แล้วถึงกดปุ่มฉุกเฉินบนหัวเตียงของคนไข้ ผ่านไปเพียงครู่เดียว ก็มีทีมหมอและพยาบาลพากันกรูเข้ามาในห้อง เริ่มเข้ามารุมล้อมตรวจกับร่างกายของคนที่เพิ่งจะลืมตาตื่นขึ้นมา และสอบถามกับคนไข้อีกเล็กน้อย ซึ่งหมอแจ้งกับเจ้าตัวว่าได้หลับไปนานนับเป็นปีเลย แต่ดีที่ว่าอุบัติเหตุครั้งนี้ ไม่ได้กระทบกระเทือนถึงสมองของเขา ซึ่งไม่เหมือนกับตอนที่เฮฟได้ประสบอุบัติเหตุครั้งแรก จึงพลอยทำให้พากันหายใจได้อย่างโล่งอกขึ้นมาบ้าง ร่างคนป่วยที่เพิ่งจะฟื้นก็ฟังทันบ้างไม่ทันบ้าง คุณหมอจึงหันไปบอกกับญาติของคนไข้แทน ว่าเดี๋ยวจะต้องทำการตรวจเช็กสภาพร่างกายให้คนเพิ่งฟื้นอีกครั้ง เมื่อทีมหมอกับพยาบาลออกจากห้องไป คนเป็นแม่ก็ปรี่เข้าไปประกบคนนอนอยู่บนเตียงทันที มือบางขยับเทน้ำใส่แก้ว ประคองแก้วยกขึ้นมาให้คนเพิ่งตื่นได้ดื่มกินสะดวก คนแม่วางแก้วน้ำลงก็ขยับมือลูบหัวลูบแขนคนลูกด้วยรอยยิ้มดีใจ แต่ทว่าก็ยังคงมีน้ำสีใสไหลออกมาจากปลายหางตาอยู่ดี แม่ต้องกลัวผมจากไปตลอดกาลแน่ ๆ นี่ผมทำให้ผู้หญิงคนนี้ต้องหลั่งน้ำตามาให้ผมกี่ครั้งแล้วนะ? “แม่ครับ เฮฟ..แค่ก..มี..แอ๊ะ..” ร่างสูงซูบเสียวมีเรื่องมากมายที่อยากจะเอ่ยปากถามคนเป็นแม่ และเจ้าตัวก็อยากจะบอกคนเป็นแม่เหลือเกินว่า ขอโทษ ขอโทษที่ทำให้แม่เป็นห่วงมาตลอด แต่เขากลับพูดให้ได้ดั่งใจคิดไม่ได้เลย คอเขาแห้งผากประดุจผุยผง ดังนั้น การที่จะต้องเปล่งออกเสียงให้ออกมาจากกล่องเสียง จึงเป็นเรื่องที่ช่างลำบากและยากเย็นซะเหลือเกิน เฮฟรู้สึกว่าร่างกายตนเองนั้นช่างไร้เรี่ยวแรงและพละกำลังไปจนหมดสิ้น นี่เขาคงต้องฟื้นฟูสภาพร่างกายอีกนานเลยสินะ ถึงจะกลับมาใช้งานได้ตามปกติดังเดิม “อย่าเพิ่งพูดอะไรเลยตาเฮฟ พักผ่อนก่อนนะจ๊ะ เอาไว้เราดีขึ้นแล้วแม่จะฟังเราทุกเรื่องเลยนะลูก” มือของผู้หญิงที่เขารักที่สุดยกขึ้นมาลูบเรือนกลุ่มผมของคนบนเตียงละคนปลอบใจอีกครั้ง คนเป็นแม่เอ่ยบอกให้คนเป็นลูกพักผ่อนก่อน พร้อมดึงห่มผ้าคลุมร่างให้คนที่เพิ่งจะตื่นขึ้นมา ได้พับปิดเปลือกตาลงสู่ห้วงภวังค์ไปอีกหนหนึ่ง คนที่เพิ่งฟื้นจากอาการโคม่าสาหัส ตอนนี้ได้นอนพักฟื้นที่โรงพยาบาลเพื่อสังเกตอาการอีกร่วมอาทิตย์ และตอนนี้เจ้าตัวก็ต้องเข้ากายภาพบำบัด เพื่อฟื้นฟูสภาพร่างกาย และกล้ามเนื้อให้กลับมาใช้งานได้ตามปรกติดังเดิม เนื่องจากเฮฟนั้นได้หลับใหลมานานร่วมปีกว่า จนร่างกายของเขาไม่ได้ใช้งานและไม่ได้ขยับเขยื้อนไปไหนเลย นี่ขนาดวันหยุดแม่บอกว่าฮิมมาช่วยดูแล ขยับพลิกเปลี่ยนอิริยาบถท่านอนให้คนเป็นน้อง เพื่อไม่ให้ร่างกายของคนที่หลบไหลไม่รู้สึกตัวนั้น ต้องเป็นแผลกดทับที่หลังได้ และก็ยังคอยช่วยขยับแขนขาให้คนไม่ยอมตื่นขึ้นมาอีกด้วย แต่ผมร่างกายผมก็ยังอ่อนเปลี้ยเพลียแรงได้ขนาดนี้เลย เฮ้ออ... แต่ทว่าหลังจากประสบอุบัติเหตุครั้งนี้ กลับกลายเป็นว่าความทรงจำทั้งหมดของคนที่เพิ่งฟื้นขึ้นมานั้นได้กลับมาเป็นปกติทุกอย่างแล้ว เฮฟจึงสามารถจดจำเรื่องราวที่ขาดหายไปได้ทุกลำดับเหตุการณ์ได้ด้วยเช่นกัน ซึ่งเหมือนกับว่าทุกชิ้นส่วนของจิ๊กซอว์แห่งความทรงจำนั้นได้ผสานต่อกันจนครบบริบูรณ์แล้วด้วย ซึ่งวันที่ลำคอของเฮฟสามารถเปล่งเสียงได้ตามดังใจคิด เจ้าตัวจึงรีบบอกกล่าวกับพ่อและแม่ไปตามตรงด้วยว่าแท้จริงแล้วตัวเองนั้นมีคนที่รักมากมานานแล้ว และเฮฟก็รักคนคนนั้นมากซะเหลือเกินจนปานจะขาดใจแน่หากไม่ได้แก้ไขปัญหาที่ตัวเองเคยก่อเอาไว้ในอดีต แต่เป็นเพราะเกิดอุบัติเหตุครั้งแรกนั้นจนทำเอาลืมเลือนคนสำคัญในใจไปเสียสนิทเลย และหลังจากที่จำความได้ทั้งหมดแล้ว หลังจากนี้แล้วเฮฟก็ไม่อาจจะฝืนใจของตนเองได้อีกต่อไป ถ้าหากว่าไม่ใช่คนคนนั้น เฮฟก็ไม่สามารถจะแต่งงานกับคนที่พ่อกับแม่เลือกไว้ให้ได้อีกต่อไปแล้วด้วย เพราะผมไม่สามารถยกหัวใจดวงนี้ให้ใครได้อีกแล้ว ต่อจากนี้ผมก็ต้องการตามหาคนของหัวใจอีกครั้ง และคนตัวเล็กไม่ได้ทำผิดอะไรเลยสักนิดเดียว... ➷ 1 ปีผ่านไป... ตอนนี้คนที่เคยโคม่าเข้ากายภาพบำบัดจนสามารถกลับมาเดินได้แล้ว แต่ทว่ายังคงวิ่งเร็ว ๆ ไม่ได้นั่นเอง ทว่าหมอประจำตัวที่ดูแลถึงกับเอ่ยชม ว่าเดินได้คล่องขนาดนี้ก็พยายามได้ดีมากแล้วล่ะ เพราะช่วงแรกๆ ที่คนนอนมานานเกินไปแล้วนั้น เมื่อต้องลุกขึ้นยืนให้ได้และต้องพยายามก้าวขาเดินไปข้างหน้า เพื่อจะได้กลับมายืนได้เดินได้ด้วยขาของตัวเองให้มั่นคงอีกครั้งนั้น มันยากมาก ยากซะจนเฮฟเกิดความรู้สึกท้อแท้หมดกำลังใจไปหลายต่อหลายครั้ง งอแงโอดโอยไม่อยากทำกายภาพแล้ว มันทั้งเจ็บทั้งทรมาน ถึงขนาดว่าเจ้าตัวจะยอมเป็นคนพิการ ยอมนั่งรถเข็นไปตลอดชีวิตเลย แต่เพราะว่าพี่ชายคนโตของตระกูลไม่ยอมให้เป็นเช่นนั้น คงจะทนเห็นน้องชายสุดที่รักเป็นแบบนั้นไปตลอดชีวิตไม่ได้ จึงยอมเอ่ยปากหาเรื่องออกมาต่อรองกับเฮฟดู ด้วยเหตุที่อยู่ ๆ ในวันที่เฮฟเอาแต่นอนไม่ยอมลุกออกไปทำกายภาพบำบัดอย่างคนยอมแพ้และหมดอาลัยตายอยาก คนเป็นพี่จึงต้องโพล่งปากอย่างเพทุบายออกมาทันที รู้แล้วนะว่า ของขวัญชิ้นสำคัญ ที่นายให้กับฟาร์รังไปนั้น มันคืออะไร.. เพียงแค่ถูกคนเป็นพี่ชายกระตุ้นต่อมความอยากรู้และต่อรองมาว่าถ้าหากเขาก้าวเดินได้ตามระยะทางที่กำหนดไว้ ฮิมก็จะยอมบอกความลับที่รู้มาเรื่อยๆ จนคนที่ยอมแพ้กับการกายภาพที่แสนทรมานไปแล้วนั้น ต้องลุกขึ้นและยอมเจ็บปวดร้าวรานทุกการก้าวขาออกเดิน แต่ก็ต้องพยายามอดทนเพื่อได้รับรู้ในสิ่งที่คุ้มค่ากว่า จนตอนนี้ความฝืนอดทนและความเพียรพยายามแม้นมันจะแสนทรมานขนาดไหน แต่เพื่อให้ร่างกายกลับมาใช้งานได้ตามปกติได้แล้ว ก็ทำให้เฮฟได้รู้แล้วว่ามันช่างคุ้มค่าเสียเหลือเกิน เพราะว่าคนตัวเล็กที่ผมรักจนหมดหัวใจคนนั้นเป็น..คนพิเศษ.. และผมนั้นก็ได้เป็น พ่อ คนแล้วด้วยล่ะครับ หนึ่งอาทิตย์ต่อมา คุณปู่กับคุณย่าเพิ่งจะยอมแวะมาเยี่ยมเยือนกันแล้วจึงยอมปริปากบอกกับคนเป็นหลานตามตรงเรื่องที่ไม่ค่อยอยากจะมาเยี่ยมหา เนื่องจากท่านทั้งคู่นั้นไม่พึงใจกับการกระทำอันไร้ความรับผิดชอบของเฮฟ แถมยังมีเรื่องที่หลานคนที่สองของตระกูลขยันทำตัวเหลวแหลกเสเพลจนเกิดเรื่องน่าละอายแก่ใจแบบนี้ขึ้นมาจนได้ “นี่ตาเฮฟ ถ้าย่าไม่ไปเจอเข้ากับสองแม่ลูกที่น่ารักนั้น ป่านนี้ก็คงไม่ได้รับรู้การมีตัวตนเหลนของตระกูลเลยนะยะ” หญิงสูงวัยแต่ยังดูแลตัวเองดีออกปากติเตียนใส่คนหลาน ด้วยน้ำเสียงที่แสดงความไม่พอใจออกมา พร้อมส่งสีหน้าและแววตาออกมาให้กันอย่างกระเง้ากระงอด จนคนเป็นหลานต้องรีบเข้าไปโอบกอด ออดอ้อนอย่างเอาอกเอาใจละขอโทษขออภัยกับคนเป็นย่าในทีด้วยเลย “แต่ว่าในเมื่ออดีตมันแก้ไขไม่ได้ก็จงไปทำอนาคตให้ดี” คนเป็นปู่บอกกล่าวย้ำเตือนสติคนเป็นหลานอีกครั้งอย่างคนเข้าใจ สุดท้ายท่านทั้งสองก็ยอมให้อภัยเฮฟอยู่ดี แถมยังเอ่ยชมเปาะถึงลูกชายที่เป็นนายแบบเด็กคนนั้นให้ฟังอย่างอื้ออึงด้วยว่าหล่อเหลาเอาการตั้งแต่เล็ก ๆ เลย ไหนจะมีใบหน้าอันหล่อเหล่าเหมือนกับคนเป็นพ่อแทบจะร้อยเปอร์เซ็นต์เลยเชียว แถมยังเอารูป น้องฮาร์ฟ ที่พกไว้ในกระเป๋าสตางค์ออกมาอวดให้คนที่บ้านดูด้วยกันยกใหญ่ แถมท่านทั้งสองยังทิ้งท้ายกับเฮฟด้วยเรื่องชื่นชมหลานสะใภ้ที่ชื่อว่า ฟาร์รัง คนตัวเล็กของผมคนนั้น ว่าเป็นคนที่น่ารักมากแล้วยังไม่พอ ยังพร้อมเอ่ยประโยคแกมขู่กันออกมาอีกด้วย ว่าถ้าหากผมไม่ได้ภรรยากับลูกกลับคืนมาคืนสู่อ้อมอกของตระกูลให้ได้ ก็อย่าหวังว่าจะได้รับมรดกจากท่านทั้งสองเลย แม้แต่สลึงเดียว!! อืม..เห็นเหลนกับหลานสะใภ้ดีกว่าหลานแท้ ๆ แบบผมไปแล้วล่ะครับ ว่าแต่..นี่คุณปู่กับคุณย่านี่ แอบไปซัพพอร์ตลูกกับเมียผมตอนไหนละครับเนี่ย?! คงเพราะผมมัวแต่ยุ่งกับงาน และก็ดันต้องมานอนเป็นผักอยู่เป็นแรมปี แถมได้เจอคนตัวเล็กแค่ในความฝัน กับห้วงเวลาในอดีต จนจะโดนลูกเมียจริง ๆ ทิ้งอยู่รอมร่อแล้วสินะ ไม่ได้การละ ผมต้องรีบลงมือทำอะไรสักอย่างได้แล้ว!!! ➷ หลังจากที่เฮฟได้ออกจากโรงพยาบาลแล้ว เจ้าตัวจึงเริ่มดำเนินการเรื่องงานกับพี่เก๋ทันทีเช่นกัน นายแบบหนุ่มคิดว่าเขาจะออกจากวงการมายานี่แล้ว จึงต้องการพอแต่เพียงเท่านี้ เพราะถ้าขืนเฮฟยังรับงานคงไม่ได้มีเวลาไปตามหาลูกกับเมียแน่ๆ และคนที่จะถูกทิ้งก็คือ นายเฮฟ คุณานนท์ คนนี้เองนี่แหละ แต่ทว่าพี่เก๋กลับบอกว่า ให้เขาเบรกการรับงานไปก่อน แล้วจัดการให้ทุกอย่างลงตัว แล้วค่อยกลับมารับงานใหม่อีกครั้งก็ยังไม่สาย เพราะฐานแฟนคลับเข้านายแบบคนดังยังคงแน่นหนาอยู่ดี และเรื่องสำคัญที่สอง คือการที่เฮฟต้องไปเผชิญหน้ากับคนของตระกูลของรพี เพราะก่อนที่เขาจะประสบอุบัติเหตุนั้น แม้นเราทั้งคู่จะยังไม่ได้หมั้นหมายกันจริงจัง แต่ข่าวลือก็ลั่นออกไปก่อนแล้ว เป็นเพราะฝ่ายรพีนั้นขยันอัพรูปและข้อความการเคลื่อนไหวของเราทั้งสองตระกูล และแท็กมายังชื่อนายแบบหนุ่มด้วยเสมอ ขนาดแฟนคลับของนายแบบคนดังเอง ยังถึงกับแตกตื่นฮือฮากับเรื่องนี้และที่สำคัญ เฮฟคิดว่าคนตัวเล็กของเขาต้องรับรู้เรื่องนี้แล้วเป็นแน่แท้ เรื่องที่เขาจะหมั้นกับอดีตเพื่อนของฟาร์รัง เห่อออ..ให้มันได้ยังงี้สิว้า... คนที่เพิ่งออกจากโรงพยาบาลได้ไม่นาน จึงตัดสินใจว่าจะไปกราบขอขมาพ่อกับแม่ของรพี ที่เขานั้นไม่สามารถหมั้นหมาย และตบแต่งกับลูกของพวกเขาด้วยได้ แต่กลับกลายเป็นว่าเมื่อพ่อกับแม่ของเฮฟรับรู้ความในใจของลูกชายตนเอง จึงยืนยันว่าเขาทั้งคู่ต้องการจะไปด้วยกับเฮฟ เพราะว่าเรื่องนี้มันเป็นเพราะพ่อกับแม่ของนายแบบหนุ่มเอง ที่ดึงดันคิดจะจับคู่ให้ลูกชายของตนกับรพี ให้มีงานหมั้นหมายและตบแต่งงานกัน ซึ่งพ่อกับแม่ของเฮฟรู้สึกผิดมากที่บังคับจิตใจคนเป็นลูก โดยที่ไม่เคยรับรู้อะไรมาก่อนเลย แต่ผมก็ไม่โกรธท่านทั้งสองหรอกครับ เพราะตอนนั้นผมก็ทำตัวเองทั้งนั้นนี่นา ตอนแรกนายแบบหนุ่มว่าจะตรงดิ่งไปยังบ้านของรพี แล้วพูดเรื่องขอยกเลิกงานหมั้นตรง ๆ ไปเลย แต่เจ้าตัวก็ยังนึกถึงความสัมพันธ์อันดีของพ่อกับลุงนพ ซึ่งถ้าเขาบุ่มบ่ามเข้าไปนั้น อาจจะทำให้ความรู้สึกที่ดีต่อกันพังทลายเพราะตนเองได้อย่างง่ายดายหรือเปล่า นายแบบหนุ่มจึงเป็นฝ่ายนัดให้รพีออกมาเพื่อคุยกันให้เข้าใจกันก่อน หลังจากนั้นค่อยไปบอกกล่าวกับทางผู้ใหญ่ เพราะเฮฟไม่อยากไปหักหน้ากันกลางวงสนทนา เพราะเจ้าตัวรู้ตัวเองดีที่สุด ว่ายังไงผมก็ยังคงเป็นคนใจร้อน แถมยังมีหมาเต็มปากอยู่วันยังค่ำอยู่ดี #ทุ่มเทเพื่อรัก
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม