วันแรกก็เศร้า

1328 คำ
ขวัญข้าวหญิงสาวจากต่างจังหวัด นั่งรอพี่เสือมารับ ตั้งแต่สิบสี่นาฬิกาสี่สิบนาที จนกระทั่งเวลานี้ใกล้สิบเจ็ดนาฬิกาเต็มทีแล้ว ก็ยังไม่มีวี่แววว่าเขานั้นจะมารับเธอ หญิงสาวมองไปรอบๆ ผู้คนมากมาย แต่เธอนั้นกลับไม่รู้จักใครเลย Rrrr!!! เสียงโทรศัพท์ของเธอดังขึ้นถี่ๆ หลายครั้ง จนในที่สุดหญิงสาวก็ตัดสินใจกดปุ่มรับ เพราะกลัวว่ามารดานั้นจะเป็นกังวล "ฮัลโหล...สวัสดีค่ะแม่" ขวัญข้าวพยายามปรับน้ำเสียงให้เป็นปกติที่สุด เพราะเวลานี้ดวงตาทั้งสองข้างของเธอเริ่มมีน้ำใสๆ คลอหน่วย เนื่องจากความคิดถึงมารดา และน้อยใจในโชคชะตาที่กำลังเผชิญ "ไปถึงหรือยังลูกเป็นยังไงบ้าง พออยู่ได้ไหม" คำถามที่เต็มไปด้วยความห่วงใยจากหญิงสูงวัยนั้น กำลังจะทำให้ขวัญข้าวสะอื้นออกมา ซึ่งน้ำตาของเธอเริ่มไหลเป็นทาง แม้หญิงสาวจะพยายามกะพริบตาให้มันหยุดไหล แต่ความอัดอั้นตันใจที่มีอยู่เต็มอกนั้น ไม่สามารถหักห้ามให้มันหยุดไหลลงมาได้ "อยู่ได้ค่ะแม่สบายมาก ไม่ต้องห่วงขวัญนะคะ แบตโทรศัพท์ขวัญจะหมดแล้วค่ะแม่ ต้องไปชาร์ตก่อนแล้วจะวิดีโอคอลหานะคะ" หญิงสาวรีบพูดตัดบทมารดา พร้อมกับเอานิ้วชี้และนิ้วกลางไขว้ไว้ที่ด้านหลัง เมื่อพูดปด และยังไม่อยากสนทนามารดาในเวลานี้ เพราะกลัวว่านางนั้นจะถามถึงพี่เสือ และเธอคงหาคำตอบให้กับมารดาไม่ได้แน่ "เอาไปชาร์ตแบตก่อนเลยจ้า เดี๋ยวค่อยคุยกันใหม่ดูแลตัวเองด้วย แม่รักหนูนะ" "หนูก็รักแม่ค่ะ สวัสดีค่ะแม่ ดูแลตัวเองด้วยนะคะ" พูดจบประโยคขวัญข้าวก็รีบตัดสาย พร้อมกับนั่งร้องไห้จนตัวโยนอย่างไม่อายใคร เมื่อหญิงสาวมีความคิดถึงผู้เป็นมารดายิ่งกว่าสิ่งใดในโลกใบนี้ เสือหรืออัครเดชเดินทางมาถึงสนามบิน ชายหนุ่มกวาดสายตามองไปทั่วทั้งที่เก้าอี้นั่งพักผู้โดยสาร แต่ก็ไม่พบกับขวัญข้าว จนกระทั่งเขารู้สึกคุ้นๆ กับเรือนร่างอรชรที่เอาแต่นั่งก้มลงต่ำ โดยใช้มือทั้งสองข้างกุมไปที่ใบหน้าเอาไว้ เขาจึงเดินเข้าไปใกล้พร้อมกับก้มมองลงแล้วเอ่ยถามออกมา "ขอโทษนะครับ ใช่ขวัญข้าวหรือเปล่า" เสียงทุ้มที่ดังขึ้น กำลังทำให้หัวใจของหญิงสาวเต้นแรงอย่างไม่ทราบสาเหตุ จากนั้นเธอค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองเขา ทั้งสองต่างก็ตกตะลึงในกันและกัน ชายหนุ่มนั้นไม่คิดว่าหญิงสาวจะสวยและดูดีได้ถึงเพียงนี้ เค้าโครงใบหน้าของเธอเปลี่ยนไปจากเดิมมาก เด็กหญิงกะโปโลที่เขาเคยเห็นเมื่อหลายปีก่อน กลายเป็นสาวสวยที่มองยังไงก็ไม่รู้เบื่อ ใบหน้าที่ไร้เมคอัพของเธอยังสวยสะดุดตาเขาได้ถึงเพียง และถ้าเธอทำผมแต่งหน้าทาปากคงจะสวยมากกว่านี้หลายเท่า แต่เขาชอบมองหน้าสดของเธอแบบนี้มากกว่า ขณะที่ขวัญข้าวเองก็ได้ตกอยู่ในภวังค์ เมื่อได้อยู่ใกล้ชายหนุ่มในระยะกระชั้นชิดแบบนี้ ซึ่งหลายปีแล้วที่เธอไม่ได้พบกับเขา และไม่คิดว่าวันนี้พี่เสือของเธอเขาจะเป็นหนุ่มหล่อ เท่สมาร์ตและดูดีกว่าในรูปหลายเท่า "เอ่อ...สวัสดีค่ะพี่เสือ" ขวัญข้าวตั้งสติแล้วรีบทักเขาออกไปในทันที ภายในใจลึกๆ ของเธอนั้นรู้ดีว่าชายหนุ่มไม่ได้ชอบเธอเลยสักนิด "อืม... เอากระเป๋ามาสิ มีแค่นี้เหรอ" อัครเดชถามออกมาด้วยความสงสัยเธอจะมาทำงาน หรือมาพักแรมเข้าค่ายลูกเสือกันแน่ เพราะมีเพียงกระเป๋าเป้ใบเดียวและกล่องกระดาษที่ใส่ของฝากมาด้วย "ใช่ค่ะ แค่นี้เองเดี๋ยวขวัญถือเองก็ได้" ขวัญข้าวพูดออกมาด้วยท่าทางที่เกรงใจ "อืม... ไปสิรถจอดอยู่ทางโน้น" พูดจบอัครเดชก็เดินนำหน้าขวัญข้าวออกไป ส่วนตัวหญิงสาวนั้นพยายามเดินช้าๆ เพราะเธอนั้นไม่กล้าเดินเคียงคู่ออกไปกับเขา เมื่อสายตาของทุกคนบริเวณนั้น ต่างก็จับจ้องมาที่ชายหนุ่มราวกับว่าเขานั้นเป็นซูเปอร์สตาร์ "พี่เสือ พี่เสือใช่ไหมคะ ขอถ่ายรูปด้วยหน่อยค่ะ" มีกลุ่มวัยรุ่นที่เต็มไปด้วยสาวสวย วิ่งเข้าไปหาเขาพร้อมกับขอถ่ายรูปด้วย ขณะที่ขวัญข้าวเองก็ได้ยืนมองเขาอยู่ห่างๆ "ได้สิครับแต่ขอแป๊บเดียวนะ" ชายหนุ่มพูดพร้อมกับฉีกยิ้มกว้างให้กับบรรดาสาวๆ แต่ทว่าสายตาคมของเขากลับจ้องมองไปที่ขวัญข้าว เธอทำราวกับว่าไม่รู้จักกัน แถมยืนอยู่ไกลออกไปจากเขามาก ใบหน้าของเธอช่างดูเรียบเฉย ไม่ทุกข์ร้อนใดๆ กับใครทั้งสิ้น จนเขานั้นไม่สามารถเดาความรู้สึกของเธอได้ ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นคงจะโวยวายไปแล้ว ที่เขานั้นมาเลทตั้งหลายชั่วโมง แถมตอนนี้เธอยังต้องยืนรอเขาถ่ายรูปกับสาวๆ อีก "ขอบคุณนะคะพี่เสือ หล่อและใจดีอีกต่างหาก พวกเราเป็นแฟนคลับของพี่นะคะ" หญิงสาวคนหนึ่งเอ่ยขึ้นพร้อมกับกล่าวขอบคุณเขา ซึ่งเวลานี้อัครเดชก็ไม่ต่างจากซูเปอร์สตาร์คนหนึ่ง เพราะเขานั้นได้เป็นแชมป์เปี้ยน แข่งรถจักรยานยนต์ทางเรียบตั้งหลายสมัย "ด้วยความยินดีครับ ขอบคุณนะที่ติดตามเชียร์พี่ ขอตัวก่อนนะ" เมื่อพูดกับสาวๆ กลุ่มนั้นจบประโยค ชายหนุ่มก็เดินตรงไปยังรถ โดยมีขวัญข้าวเดินตามมาห่างๆ เหมือนเดิมเช่นเคย สักพักรถสปอร์ตคันหรูก็ขับเคลื่อนออกจากสนามบินตรงไปยังบ้านหลังงามของอัครเดช "หิวไหม" นั่นคือประโยคแรกที่ดังขึ้น ในระหว่างที่คนทั้งคู่นั่งรถมาด้วยกัน "นิดหน่อยค่ะ" คำตอบของขวัญข้าวทำให้ชายหนุ่มถึงกับกระตุกยิ้มที่มุมปาก เธอช่างแตกต่างจากผู้หญิงทุกคนที่เขาเคยพบเจอมา "ตอนนี้ที่บ้านของฉัน กลุ่มเพื่อนๆ กำลังจัดปาร์ตี้ คงมีบาร์บีคิวกินได้ใช่ไหม" คำบอกเล่าของชายหนุ่มกำลังทำให้ใบหน้าของขวัญข้าวนั้นมีความกังวล เธอไม่ชอบคนวุ่นวาย และมันคงเสียงดังมาก ถ้าเกิดว่ามีการจัดปาร์ตี้ขึ้น "ที่บ้านของพี่มีไข่ไหมคะ" หญิงสาวถามออกไปแบบนั้น เพราะเธอไม่คิดที่จะเข้าไปวุ่นวาย ในงานปาร์ตี้ของพี่ชายอย่างแน่นอน "น่าจะมี ฉันไม่ค่อยได้ทำอาหารกินเองหรอกส่วนมากจะกินนอกบ้าน" ชายหนุ่มตอบขวัญข้าวออกไป ซึ่งเขาเองก็ไม่แน่ใจว่าในตู้เย็นยังมีอาหารสดอะไรหลงเหลืออยู่บ้างหรือเปล่า "คุณแม่ฝากแคบหมูแล้วก็น้ำพริกหนุ่มมาให้พี่ด้วยนะคะอยู่ในถุงกระดาษ" หญิงสาวพูดออกมาพร้อมกับกะพริบตาถี่ๆ เมื่อนึกถึงมารดา ในเวลาที่ต้องห่างไกลกันไปนานเช่นนี้ แม้หญิงสาวจะพยายามทำให้น้ำเสียงดูเป็นปกติ แต่อัครเดชก็สัมผัสได้ถึงน้ำเสียงที่สั่นเครือเบาๆ ในลำคอของเธอได้ "อืม...แม่บอกแล้ว" ชายหนุ่มพูดออกมาอย่างไม่ใส่ใจ และที่สำคัญมารดาเขาก็ได้บอกด้วยว่าน้ำพริกหนุ่มนั้น เป็นฝีมือของขวัญข้าวไม่ได้หาซื้อมาจากไหน แต่เขานั้นต้องแปลกใจที่เธอไม่ปริปากพูด หรือแสดงตัวว่าเป็นคนลงมือทำน้ำพริกเอง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม