บทที่ 4 หนี้ของเถ้าแก่เหอ

1679 คำ
มู่หลี่เฉียงชี้ให้หมิงจิ้นเหอดูร้านค้าเล็กๆ ที่เพิ่งเปิดใหม่หน้าค่าย                 “ได้ยินนายกองเกา กับนายกองซ่งชมว่า อาหารอร่อยราวกับภัตตาคาร ท่านแม่ทัพจะลองไหม?” จวิ้นอ๋องในยามอยู่ในหมู่ทหารไม่ชอบให้ใครเรียกเขาว่า ท่านอ๋อง ทุกคนขานนามเขาเพียง ท่านแม่ทัพ และไม่ต้องใช้ราชาศัพท์ใด เพื่อความสะดวกในยามสู้รบ เหล่าทหารที่เคียงบ่าเคียงไหล่มาทุกสมรภูมิต่างให้ความเคารพและจงรักภักดีกับแม่ทัพหมิงอย่างสุดหัวใจ                 “เอาสิ” เขามาอยู่ภาคเหนือที่เป็นแถบภูเขา มีช่วงอากาศหนาวเย็นแทบครึ่งปี ช่วงหนาวจัดมีหิมะปกคลุมขาวโพลนทั่วเทือกเขา ในฤดูร้อนและใบไม้ผลิในทะเลสาบและแม่น้ำก็มีปลานานาชนิดให้เอามาทำอาหาร เขาจึงชอบการอยู่ที่นี่ เรื่องอาหารการกินเขาล้วนไม่เรื่องมาก แม้บางครั้งจะคิดถึงอาหารเลิศรสในวัง แต่เมื่อเทียบกับบรรยากาศอันงดงามและไร้ความกดดันก็ต้องยอมแลก                 จะว่าเป็นร้านก็ไม่กระไรนัก เรียกว่าเป็นเพิงจะดีกว่า แต่กลิ่นอาหารที่อบอวลอยู่ทั่วบริเวณกลับส่งกลิ่นหอมชวนให้น้ำลายหก เถ้าแก่ที่เดินออกมาต้อนรับดูสุภาพอ่อนน้อม  “ผู้น้อยคารวะท่านแม่ทัพ ไม่ทราบว่าท่านอยากจะรับประทานอาหารประเภทใด ที่นี่เรามีแม่ครัวฝีมือดี ข้าน้อยรับประกันว่า ท่านจะพอใจในรสชาติ”                 แม่ทัพหมิงนั่งโต๊ะริมสุดไม่ไกลจากม้าที่ผูกไว้ เพราะโต๊ะที่เหลือทั้งในและนอกชายคา ล้วนมีผู้จับจองไว้หมดแล้ว คนทั้งหมดในร้านหันมามองเขาแล้วค้อมศีรษะก่อนจะหันไปรับประทานอาหารต่อ                 “เอาอาหารที่เจ้าคิดว่า ดีที่สุดในร้านมาสักสามอย่าง กับชาหนึ่งกา” เขามองสำรวจรอบเพิงนี้                 “ดีนะ ที่เรายังมีที่นั่ง” มู่หลี่เฉียงที่นำม้าไปผูกแล้ว เดินมานั่งด้านข้าง                 “เพิ่งเปิดก็ขายดีเพียงนี้ เห็นทีคำอวดอ้างของเถ้าแก่ไม่น่าจะเกินเลย”                 เมื่ออาหารถูกลำเลียงมาขึ้นโต๊ะ กลิ่นหอมที่โชยมาเข้าจมูกนั้นทำบุรุษทั้งสองต้องกลืนน้ำลาย “ลงมือกันเถอะ ท่านแม่ทัพ” มู่หลี่เฉียงจับตะเกียงจ่อที่จานรอ “ดี” จวิ้นอ๋อง คีบผัดผักเข้าปากเพียงคำแรกก็ทำให้หวนคิดถึงรสชาติอาหารในวัง ความกลมกล่อมและกรอบนุ่มของผักช่างคล้ายกับที่นั่น ‘นี่คงไม่ใช่แม่ครัวจากวังออกมาทำเองหรอกนะ’ เขาทั้งคิดทั้งกินจนกระทั่งข้าวหมดถ้วย “เถ้าแก่เอาข้าวเพิ่มอีกชาม” เถ้าแก่หวังรีบกระวีกระวาดถือชามข้าวมาส่ง “นี่ขอรับ ข้าน้อยบอกแล้วว่า ท่านจะต้องติดใจ”  ส                 ท่านแม่ทัพเพียงพยักหน้าน้อยๆ รับข้าวไปพุ้ยใส่ปากโดยไม่กล่าวสิ่งใด รองแม่ทัพมู่ก็หันไปขอข้าวเพิ่มเช่นกัน เขามีสีหน้าพออกพอใจกับรสชาติอาหารอย่างชัดเจน                 หลังออกจากร้าน มู่หลี่เฉียงยังคงชมรสชาติอาหารไม่ขาดปาก “สมแล้วกับที่นายกองทั้งสองบอกข้าว่า ตั้งแต่มาครั้งแรก ต่อไปก็ต้องมาอีก”                 หมิงจิ้นเหอยิ้มรับ “ข้านึกว่าเป็นฝีมือแม่ครัวในวังซะอีก เห็นทีวันหลังอาจจะต้องขอพบ” หากนางทำอาหารได้อร่อยทุกอย่าง เขาอาจจะรับนางไปเป็นแม่ครัวที่จวน                 “ร้านนี้เปิดเฉพาะตอนเช้ากับตอนเที่ยง ตกบ่ายอาหารก็หมดแล้ว หากท่านทัพมาไม่ทันก็คงจะอดเช่นกัน” รองแม่ทัพมู่รีบกล่าวเตือน “โชคดีวันนี้เราออกมาก่อนเที่ยง”                 แม่ทัพหมิงกลับค่ายไปดูการฝึกซ้อมทหารตลอดบ่าย หลังจากการศึกที่เพิ่งผ่านพ้น เขาให้เหล่าทหารฝึกน้อยลงเพื่อเป็นการพักผ่อนร่างกายจากการกรำศึก ด้านหลังจวนแม่ทัพเป็นเนินเขาขนาดย่อมที่ต่อเนื่องถึงเชิงเขา มีบ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติที่เขาให้ทหารไปทำรั้วไม้ไผ่ล้อมไว้เป็นบ่อน้ำพุร้อนส่วนตัวเพื่อใช้แช่ผ่อนคลายความเมื่อยล้า ส่วนบ่อที่ไกลออกไปทางทิศตะวันออก อนุญาตให้เหล่าทหารและชาวบ้านเข้ามาใช้ได้                 หลังจากแช่บ่อน้ำพุร้อน พ่อบ้านเกามาเชิญเขาไปรับประทานอาหาร ชายหนุ่มมองเห็นอาหารบนโต๊ะ เขากลับนึกถึงอาหารที่เพิงเล็กตอนเที่ยงวัน รสชาติที่ยังคงติดที่ปลายลิ้นทำให้เขารับประทานอาหารที่จวนได้น้อยกว่าปกติ                 “ท่านอ๋อง รสชาติไม่ถูกใจหรือพะยะค่ะ?” พ่อบ้านเกาที่ติดตามรับใช้มาตั้งแต่จวนจวิ้นอ๋องในเมืองหลวงจนถึงจวนแม่ทัพ กังวลจนต้องถามออกมา                 “วันนี้ข้าได้ลิ้มอาหารรสเลิศจึงยังนึกถึงอยู่กระมัง”                 “เป็นร้านใดหรือท่าน” เมืองนี้มีภัตตาคารเพียงสองแห่ง ซึ่งเขาก็ไม่เคยเห็นท่านอ๋องจะกล่าวชมรสชาติอาหารเลยสักครั้ง                 “เพิงที่เปิดใหม่หน้าค่าย ข้าไปกับมู่หลี่เฉียงเมื่อตอนเที่ยง รสชาติเหมือนในวังเลยทีเดียว”                 “ข้าน้อยต้องลองไปดู จะได้ให้แม่ครัวปรับปรุงรสชาติเช่นเดียวกับที่ท่านอ๋องทรงโปรดพะยะค่ะ”                 “ดีสิ พรุ่งนี้ข้าเองก็จะลองไปอีกครั้ง อยากรู้ว่า แม่ครัวร้านนี้จะทำอร่อยทุกอย่างหรือไม่?”                 เมื่อเห็นแม่ทัพหมิงควบม้าไปที่ร้านอาหารหน้าค่ายในตอนเที่ยงพร้อมรองแม่ทัพมู่ได้สองสามวัน บรรดานายทหารต่างติดตามออกมาเพื่อชิมอาหารร้านนี้ด้วย  ทำให้โต๊ะเก้าอี้ไม่พอต้อนรับ เถ้าแก่เหอเจ้าของร้านอาหารจึงบากหน้าไปขอกู้เงินท่านแม่ทัพเพื่อขยายร้าน แม่ทัพหมิงหรือจวิ้นอ๋อง หมิงจิ้นเหอ เห็นว่าตนไม่มีข้อเสียเปรียบเพราะรู้มาว่า      แม่ครัวคือบุตรสาวของเถ้าแก่เหอผู้นี้ หากอีกฝ่ายไม่มีอัฐจะมาใช้หนี้เขาก็คิดจะยึดเอานางมาเป็นแม่ครัวที่จวนแม่ทัพ ตกลงกันเสร็จสรรพก็ให้เถ้าแก่เหอลงลายมือชื่อไว้ในสัญญา เถ้าแก่เหอมีสีหน้ายินดีอย่างยิ่งเขากลับบ้านไปพร้อมกับเงินและสัญญาฉบับนั้น “ดีมากท่านพ่อ” เหอเจียอีพยักหน้าชมเชย “คุณหนูขอรับ ท่านจะทำให้ข้าน้อยหัวใจวาย โทษฐานหลอกลวงท่านแม่ทัพ ประหารเลยทีเดียวนะขอรับ” พ่อบ้านเหอที่โดนบังคับให้สวมบทบาทเถ้าแก่เพิงขายอาหารถึงกับเหงื่อตก แม้ช่วงวัยรุ่นเขาจะเคยเลือดร้อนชิงไถ่ตัวแม่นางหงผู้โด่งดังจากหอคณิกาตัดหน้าคุณชายตระกูลพานจนถูกอีกฝ่ายตามราวี แต่ยังไม่น่ากลัวเท่าครั้งนี้ “เอาเถอะน่าพ่อบ้านเหอ ข้าจะรับผิดชอบชีวิตน้อยๆ ของท่านเอง” คุณหนูฟ่านที่ปลอมแปลงชื่อเป็นเหอเจียอี ยิ้มขำๆ “ท่านแม่ล่ะ ท่านคิดว่ายังไง?” ภรรยาของเถ้าแก่เหอ อดีตหญิงแม่นางหงจางลี่แห่งหอเทียบจันทราหันไปปลอบสามี “ท่านพี่ ท่านต้องเชื่อใจคุณหนู ข้าว่า ครั้งนี้ คุณหนูต้องทำสำเร็จ” “มาถึงขั้นนี้เราต้องขยายร้านให้ใหญ่โตอีกหน่อย พอจะต้อนรับบรรดาคุณชายจากเมืองพยัคฆ์เหินให้มาแสดงงิ้วช่วยข้า” “พี่เจียอี ท่านช่างยอดเยี่ยม” จินหงเซ่อบ่าวรับใช้ประจำตัวฟ่านซิ่วอิงค้อมคำนับล้อเลียน “เจ้ากล่าวเกินไปแล้ว น้องหงเซ่อ” เหอเจียอีหัวเราะร่วน “หากไม่ได้เจ้าคอยเป็นลูกมือทำอาหารช่วยข้า เห็นทีข้าคงลุกไม่ขึ้นไปหลายวัน เราขายดีขนาดนี้ คงต้องเพิ่มคนงานในครัว” ทุกวันนาง ภรรยาพ่อบ้าน และจินหงเซ่อ ต้องช่วยกันทำอาหาร หลังเที่ยงจึงปิดร้านค้า ที่ไม่เปิดขายเยอะเพราะเป้าหมายมีเพียงท่านแม่ทัพเท่านั้น เมื่อเปิดได้สิบกว่าวันชื่อเสียงของร้านก็ทำให้เขาต้องเข้ามา นับได้ว่าเป้าหมายบรรลุแล้ว แต่เมื่อคำนวณรายได้กลับเห็นโอกาสในการทำเงิน นางจึงตั้งใจจะดำเนินการตามแผนเดิม และเพิ่มแผนใหม่คือ การหาเงินจากร้านอาหาร ที่ดินหน้าค่ายบริเวณนี้ ฟ่านซิ่วอิงให้พ่อบ้านเหอซื้อไว้ นางสร้างเพียงเพิงพักเล็กๆ เพื่อให้ดูเป็นครอบครัวที่เพิ่งมาตั้งรกราก เมื่อได้กู้เงินจากหมิงจิ้นเหอนางจึงลงมือก่อสร้างร้านที่ใหญ่และโอ่อ่ากว่าเดิม ‘ข้าคงต้องเสาะหาคนมากระตุ้นท่านสักหน่อยแล้ว จวิ้นอ๋อง’      ************************ นิยายชุดนี้เขียนขึ้นทั้งหมด 7 ภาคด้วยกัน (ข้อมูลถึงตุลาคม 2564) ภาค 1 “ท่านอ๋องอย่าคิดหนี”  ภาค 2 “ท่านอ๋องเป็นของข้า” ภาค 3 “ท่านอ๋องกับชายาหมี” ภาค 4 “ท่านหญิงจีจอมพลัง” ภาค 5 “ซือซือฮองเฮาพันโฉม” ภาค 6 “สายลับจับอ๋องใหญ่” ภาค 7 “เกิดอีกคราเป็นชายาตัวร้าย” ส่วนที่หนึ่ง---พระเอกจากภาค 1 คือ ชินอ๋อง มีน้องชายคือ จวิ้นอ๋อง (พระเอกภาค2 ท่านอ๋องเป็นของข้า) ได้เดินไปแต่งงานกับองค์หญิงจินเฟิ่งที่แคว้นจิน องค์หญิงผู้นี้มีพี่ชายคือ ท่านอ๋องใหญ่ (พระเอกภาค 6 สายลับจับอ๋องใหญ่) ส่วนที่สอง—ชินอ๋องมีน้องชายอีกคนคือท่านอ๋องเก้า (พระเอกภาค 3 ท่านอ๋องกับชายาหมี) และมีพี่ชายเป็นฮ่องเต้ (พระเอกภาค 5 ซือซือฮองเฮาพันโฉม) ตระกูลของฮ่องเต้จะมีองค์ชายสิบห้า (พระเอกภาค 7 เกิดอีกคราเป็นชายา   ตัวร้าย) เป็นเรื่องเกิดต่อจากภาค 5 นะคะ ส่วนที่สาม---นางเอกจากภาค 1 คือ พระชายาฟ่านซิ่วอิง มีพี่ชายเป็นขุนนางชื่อ ฟ่านหลี่เจี๋ย (พระเอกภาค 4 ท่านหญิงจีจอมพลัง)   สำหรับซีรี่ย์แนวเกิดใหม่คือ “เกิดอีกคราเป็นชายาตัวร้าย” เกิดในยุคต่อจากภาค 5 ซือซือฮองเฮาพันโฉม นับเป็นภาค 7 นะคะ+++
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม