แล้วจะแบกไอ้หมอนี่หนีตายมาด้วยทำไม!
หญิงสาวนั่งพิงกำแพงหอบฮัก เหงื่อเปียกท่วมไปทั้งตัว รอบ ๆ ล้อมไปด้วยไทยมุงและเสียงกระซิบกระซาบอื้ออึงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ข้าง ๆ ตัวหล่อนมีร่างใหญ่ในชุดเสื้อชอปของสถาบันแห่งหนึ่งนอนจมกองเลือดรอคอยความช่วยเหลือจากรถพยาบาลที่กำลังมา
บางคนว่าเขาตายแล้ว บางคนทับถมว่าสมควรแล้วเพราะชอบสร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้านต่าง ๆ นานา แต่หล่อนรู้ว่าเขายังมีลมหายใจอยู่ เพราะเขายังกำมือหล่อนไว้แน่นไม่ยอมปล่อย
“คุณ...เป็นยังไงบ้าง” เขาถามทั้งที่ยังหลับตาอยู่ คงรู้สึกเจ็บปวดกับแผลที่โดนยิงไม่น้อย เพราะเลือดไหลเยอะพอสมควร เปื้อนเลอะแดงฉานด้วยกันทั้งคู่
ชายหนุ่มยกมืออีกข้างวางบนหน้าผาก และบีบกำมืออีกข้างแรงขึ้นเมื่อหล่อนไม่ตอบ
“ยังไม่ตาย...” หล่อนกระแทกเสียงใส่ อยากจะชักมือกลับแต่เหนื่อยจนแม้แต่กระดิกนิ้วยังยาก ตอนนี้อยากให้รถพยาบาลมาถึงให้เร็วที่สุดหลังจากนั่งรอเกือบสิบนาทีเห็นจะได้
ตั้งแต่รู้ตัวว่าไม่มีใครตามทันแล้วหล่อนก็หมดแรงปักหลักลงตรงนี้เลย ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าได้จับชายหนุ่มร่างใหญ่กว่าหล่อนสามเท่าเหวี่ยงขึ้นหลังพามาด้วยได้อย่างไร
“ผู้หญิงอะไรแรงดีเป็นบ้า แต่ก็ขอบใจที่ช่วย...” เขาหัวเราะ ดูไม่ยี่หระกับสภาพปางตายของตัวเอง แต่หญิงสาวก็ไม่ได้ตอบโต้ หล่อนอ่อนล้าเกินกว่าจะสนใจสิ่งรอบข้างมากไปกว่าอยากให้มันผ่านพ้นไปเร็ว ๆ
เวลาโพล้เพล้ใกล้ค่ำ แสงไฟก็เริ่มส่องสว่างมาแทนที่ดวงอาทิตย์ เสียงหวอรถพยาบาลดังใกล้เข้ามาเหมือนเสียงสวรรค์ ราวกับทุกความเลวร้ายกำลังจบลงด้วยความสงบสุข หล่อนถอนหายใจโล่งอก
เสียงโหวกเหวกโวยวายจากเจ้าหน้าที่ซึ่งเข้ามาช่วยเหลือ เสียงผู้คน เสียงไซเรน สับสนปนเปกันไปหมดในวินาทีนั้น มือที่กุมไว้แน่นจู่ ๆ ก็หลุดออกจากกัน โสรยารู้สึกโหวงเหวงแปลก ๆ หล่อนถูกนำตัวขึ้นนอนบนเปลสนาม และนำส่งโรงพยาบาลด้วย แต่ไม่ได้ไปรถคันเดียวกับชายหนุ่มบาดเจ็บผู้นั้น
ทุกอย่างรวดเร็วไปหมด แต่ก็รู้สึกปลอดโปร่งโล่งอกอย่างที่สุด หล่อนหลับไปอย่างง่ายดาย เพราะร่างกายทั้งเหนื่อยทั้งระบม อ่อนเปลี้ยเพลียแรงไปหมด
“นังโสมันจะตายไหมวะ”
“ปากนะแกอีพรชัย! หมอก็บอกอยู่ว่าแค่ร่างกายอ่อนเพลีย นอนพักให้น้ำเกลือสักวันสองวันเดี๋ยวมันก็หาย”
“ฉันชื่อแพทชี่ แล้วอีกอย่างนะ พวกแกกับฉันมากันแต่หมูหมากาไก่ยังไม่ทันโห่ทันหอน นี่จะบ่ายสี่แล้ว จะเพลียอะไรปานนั้นฮึ!”
“มันวิ่งหนีตาย”
“พราด้า...แกกดออดเรียกหมอมาสิ มันเป็นอะไรกันแน่ดูไม่น่าไว้ใจ” พรชัยว่า จิกตามองไปยังเพื่อนสาวสองอีกคนที่ยืนกอดอก ขมวดคิ้วจ้องคนเจ็บอย่างพิจารณา
“เออว่ะ...” ประภาดาพยักหน้า กำลังจะหยิบออดที่วางอยู่ใกล้หัวเตียงมากด แต่แล้วมือหนึ่งก็คว้าหมับเข้าที่แขนจนกะเทยสะดุ้ง “ว้าย!”
“กรี๊ด! ผีหลอก!” กะเทยทุกนางเอามือทาบอก อ้าปากค้างด้วยความตกใจ ขณะมองไปยังเตียงที่มีร่างหนึ่งลุกนั่งพรึบ! แบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ผมเผ้ายาวพะรุงพะรังปรกปิดตา
“ผีเผอที่ไหนเล่าพี่ ดูทำหน้าตกใจเข้านี่ฉันเอง โส ระ ยา” โสรยาปล่อยมือจากประภาดามาเสยผมจัดทรงให้ดูเป็นผู้เป็นคนเมื่อเห็นบรรดาเพื่อนสาวสองต่างตาเหลือกถลนด้วยความตกใจ
“โถ...อีโส จะตื่นจะลุกแกส่งสัญญาณกันบ้างได้ไหม ขวัญหนีดีฝ่อหมดกันพอดี” พรชัยว่า
“นี่ฉันเพิ่งฟื้น ก็ดีใจที่เห็นทุกคนมาอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา เลยรีบลุกมาดู”
“เอาละ ๆ เลิกเถียงกัน...แล้วแกเป็นยังไงบ้างนังโส เรื่องมันเป็นมายังไง ออกข่าวใหญ่โตเลย” การะเกดถามแล้วถอนหายใจยาวพลางยกมือกุมขมับ จากที่เป็นข่าวฉาวอยู่แล้ว ตอนนี้ยิ่งเป็นข่าวในแง่ลบเข้าไปใหญ่
“ข่าวอะไรอีกล่ะพี่...ฉันซวยขนาดนี้ ยังเป็นข่าวอีกเหรอ”
“ก็พวกนักข่าวตามเพจมันเขียนข่าวตามกระแส พอเห็นแกอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้มันก็ว่าแกเป็นต้นเหตุ โยงไปถึงว่าตีกันเพราะขัดแย้งผลประโยชน์เรื่องยาเสพติด”
“ไปกันใหญ่...ฉันไม่เกี่ยวอะไรด้วยสักหน่อย”
“ไม่เกี่ยว แล้วแกไปนอนแอ้งแม้งอยู่ข้างไอ้เด็กช่างคนนั้นได้ยังไง”
“คนไหน...ใคร?” ออกปากถามไปพลางก็คิดทบทวนเหตุการณ์ไปพลาง แล้วคำเฉลยก็ผุดขึ้นมาในหัวของหล่อนเอง
“อย่าบอกนะว่ามีคนถ่ายรูปฉันตอนนั้น...” ตอนที่หมดสภาพอยู่ข้างถนนท่ามกลางไทยมุง!
“ก็เออสิ ใครจะพลาดให้เรื่องเด็ด ๆ มันหลุดมือไปง่าย ๆ ยิ่งสมัยนี้มือถือถ่ายรูปได้กันทุกคน นักข่าวหรือก็เป็นร้อย ๆ คนทำเพจอยู่ทุกมุมตึก พอมีเรื่องมันมากันยิ่งกว่าความเร็วแสง ตามกลิ่นกันเก่งจะตาย” พรชัยกล่าวเสริม
“แล้ว...แล้วนอกจากนั้นยังมีข่าวอย่างอื่นอีกไหมพี่” จะมีแผ่นดินให้เอาหน้าไปซุกไปซ่อนได้บ้างไหมล่ะทีนี้
“โอ๊ย! ข่าวว่าเละแล้ว แกเอ๊ย! คอมเมนต์นี่เละกว่า แต่ละเพจที่ลงข่าวแก แค่ไม่กี่นาทีคนก็แห่มาคอมเมนต์เป็นหมื่น ทั้งยอดไลก์ ยอดแชร์ พุ่งยิ่งกว่าพลุ”
โสรยาพูดไม่ออก จะมีอะไรยับแย่กว่านี้อีกไหมชีวิต ดิ่งแล้วดิ่งอีก ดับอนาถขาดอากาศในสังคมให้หายใจไปชั่วชีวิตแน่ ๆ “ฉันไม่น่าไปช่วยเด็กบ้านั่นเลย โธ่เอ๊ย” สองมือปิดหน้าด้วยความเคร่งเครียดแล้วก็ล้มตึงลงไปนอนอย่างเดิม
“ใจเย็น ๆ มันเกิดอะไรขึ้นอีคุณโส ค่อย ๆ เล่า เผื่อนักข่าวเพจไหนติดต่อมาถามพวกเรา จะได้วางแผนถูกว่าต้องพูดกันยังไง” พรชัยโบกมือให้หล่อนสงบลง และบอกให้ทุกคนไม่ต้องตื่นตระหนก เพราะเหตุมันเกิดขึ้นแล้ว สิ่งเดียวที่ทำได้คือหาทางรับมือในสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
“รถเสียสิ...โบกแท็กซี่ก็ไม่จอดสักคัน ก็เลยนั่งรถเมล์กลับคอนโด ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมากเลยพี่ พวกเด็กช่างวิ่งไล่ตีไล่ฟันกันเต็มไปหมด ฉันกลัวมากก็เลยวิ่งหนีไปพร้อม ๆ กับคนอื่นนั่นแหละ”
“แค่นั้น...” การะเกดท้วงเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายหยุดเล่าแล้วก้มหน้าหงิกงอ “กำลังลำดับเหตุการณ์อยู่ พี่ก็...ฉันเพิ่งฟื้นเนี่ย คืองี้ พอวิ่งไปใช่ไหม ฉันก็คิดว่ารอดแล้ว แต่จู่ ๆ ก็มีเด็กช่างคนหนึ่งโผล่มา แล้วถูกยิง ฉันตกใจก็เลยพาหนี แล้วก็เป็นอย่างที่เห็นนั่นแหละ”
“เดี๋ยวนะ...พาคนถูกยิงหนี แกทำยังไงวะอีโส” พรชัยทำหน้าสงสัย จ้องคนถูกถามที่หันมามองเช่นกันเขม็ง
“แบกขึ้นหลัง...”
“ฮะ! แบกผู้ชายเนี่ยนะ” การะเกดอุทาน เอามือทาบอก
“ก็คนมันตกใจ...คิดอะไรไม่ออก ไม่งั้นจะหาเรื่องใส่ตัวทำไมเล่าพี่” หล่อนโวย ผละมือจากใบหน้าแล้วทิ้งแขนลงบนเตียงอย่างคนหมดเรี่ยวแรง ความวัวไม่ทันหาย ความควายก็เข้ามาแทรก แถมเป็นควายตัวใหญ่เสียด้วย!
“ไม่ตายก็บุญแล้วนะแก”
“ใช่...ไม่โดนยิงตายก็ดีถมเถแล้วพี่” เรื่องอื่นเอาไว้ค่อยคิดก็แล้วกัน
“เปล่า...ฉันหมายถึงแบกผู้ชายพาวิ่งไกลขนาดนั้นไม่หมดแรงตายก็บุญแล้ว” พรชัยรีบขยายประโยค แก้ไขความเข้าใจผิด ๆ ของอีกฝ่าย ฝ่ามือตบผางเข้าที่หัวเข่าตัวเองอย่างจริงจังทั้งสีหน้าและท่าทาง
“คุณหมอมา...” ประภาดาเอามือป้องปากกระซิบให้ได้ยินกันทั้งห้อง ทุกคนจึงอยู่ในความสงบ หยุดการต่อล้อต่อเถียงกันไว้แค่นั้น
นายแพทย์วัยกลางคนเดินเข้ามาพร้อมพยาบาล และผู้ช่วยที่เข็นรถเข็นอุปกรณ์การแพทย์ ทีมกะเทยรีบลุกไปยืนรวมตัวกันฝั่งตรงข้ามอย่างเป็นระเบียบ รอคอยฟังผลการตรวจอย่างใจจดใจจ่อ
“จากผลการตรวจอย่างละเอียด นอกจากอาการอ่อนแรง กล้ามเนื้ออักเสบตามส่วนต่าง ๆ รวมถึงรอยฟกช้ำดำเขียวภายนอก ที่เหลือก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้ว พรุ่งนี้สามารถกลับไปพักผ่อนต่อที่บ้านได้เลยครับ เดี๋ยวหมอจะเขียนใบสั่งยาให้”
“โล่งอก...” เพื่อนสาวสองต่างพากันเป่าลมออกปากตาม ๆ กัน
“อ้อ แต่มีข้อห้ามอีกอย่างต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัดนะครับ ไม่อย่างนั้นอาจต้องกลับมานอนโรงพยาบาลอีกแน่ ๆ”
“คะ...อะไรคะคุณหมอ” โสรยารีบเอ่ยถามขณะที่แพทย์คุยไปเขียนรายงานอาการคนป่วยไปพลาง
“ห้ามกลับไปยกของหนักอีกนะครับ สำคัญมาก ต้องระวังให้มาก...” คุณหมอย้ำ
ทีนี้ทุกคนต่างมองหน้ากันเลิ่กลั่กกลั้นขำอย่างเสียไม่ได้