เหมือนอย่างที่คาดเอาไว้...เหตุการณ์ในค่ำคืนที่หล่อนมีเรื่องกับกลุ่มลูกค้าในร้านถูกโพสต์และแชร์ต่อ ๆ กันไปเป็นไวรัลที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์กระหึ่มโซเชียลเน็ตเวิร์ก จากที่ถูกบุลลี่ไม่เหลือชิ้นดีอยู่แล้ว คราวนี้เป็นกระแสว่าหล่อนตกอับถึงขั้นต้องไปเป็นพนักงานเสิร์ฟในร้านปิ้งย่าง...
กระแสต่างโจมตีและสมน้ำหน้าด่าทอต่าง ๆ นานา เหมือนจะไม่มีวันจบสิ้น พอเรื่องนี้ผ่านไป เรื่องใหม่ก็ถูกขุดขึ้นมา หล่อนกำลังถูกบีบบังคับให้ไร้ที่ยืนในสังคม ไม่มีทางไป ไม่มีโอกาสหลงเหลือแม้แต่น้อยนิด
“ขยับตัวก็เป็นข่าว...คนพวกนี้ทำไมชอบซ้ำเติมคนลำบากกันจังเลยวะ” การะเกดเดินกอดอกไปมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“ทำไมพวกเพจต่าง ๆ มันขยันคุ้ยข่าวฉันจังเลยพี่...ไม่มีข่าวอื่นให้เล่นกันแล้วหรือไง” โสรยานั่งกอดเข่าเหงาหงอยอยู่บนเตียงโดยมีดาหวันคอยปลอบใจอยู่ข้าง ๆ ส่วนประภาดานั่งกุมขมับอยู่ตรงโซฟามุมห้อง
วันนี้พรชัยติดงานอื่น ทำให้ไม่ได้มารวมตัวกันเหมือนดังเช่นทุกครั้ง
“เดี๋ยวมันก็ผ่านไปน่าพี่...ก็มีตั้งหลายคนที่เคยเจอแบบพี่แล้วพอมีข่าวดราม่าใหม่ ๆ เขาก็ลืมกันไปเองนั่นแหละ ช่วงนี้คงต้องอดทนกันหน่อย”
“แล้วมันจะอีกนานแค่ไหนล่ะหวัน...นี่ก็เป็นเดือน ๆ แล้วยังไม่จบไม่สิ้นอีก คนพวกนั้นคงอยากให้ฉันตาย ๆ ไปเลยมั้งถึงจะพอใจ”
“แกก็อย่าไปอ่าน ไม่ต้องไปสนใจ อยู่เงียบ ๆ เหมือนอย่างที่เป็นอยู่กันนี่แหละ เชื่อเถอะว่าเดี๋ยวคนมันก็เบื่อ พวกสื่อต่าง ๆ มันก็ต้องหาเรื่องใหม่ ๆ มาอัปเดตให้ทันสถานการณ์” การะเกดคลายมือออกแล้วเดินมายืนตรงหน้าโสรยา จับไหล่สองข้างของหล่อนเอาไว้ แววตาจริงจังบ่งบอกว่าอยากให้อีกฝ่ายอดทนกับสิ่งที่เกิดขึ้นต่อไป
“ฉัน...จะไม่ไหวแล้วนะพี่” บางครั้ง...จิตใจคนเราก็บอบบางกว่าที่ใครจะคิดถึงได้ เมื่อถูกมรสุมถาโถมเข้ามาทำร้ายไม่ว่างเว้น
“อย่าคิดอะไรบ้า ๆ เชียวนะอีคุณโส...พวกเรารักแกนะโว้ย” ประภาดาเอ่ยขึ้นบ้างเมื่อเห็นว่าสถานการณ์ไม่ค่อยสู้ดีนัก
“ถ้าเป็นแบบนี้ที่ร้านเขาจะจ้างเราต่อหรือเปล่าคะ”
“เราไม่ได้ทำผิดอะไรนี่หวัน...อีกอย่างถ้าเขาหยุดจ้างก็คงโทร. มาบอกแต่เช้าแล้วละ” การะเกดกระแทกเสียง มองจิกมาเชิงตำหนิดาหวัน
“ถ้าเขาไม่ว่าอะไรต่อไปนี้แกก็ไปทำงานแค่วันที่เขากำหนดมาก็พอนะ...ส่วนวันอื่นก็ถือเสียว่าได้พัก”
“สองสามชั่วโมง...ได้ตั้งสองหมื่นเชียวนะพี่ ถ้าทำทุกวันมันก็พอส่งทางบ้านจ่ายค่าคอนโดค่ารถได้เลย ไหนจะต้องมาแบ่งเปอร์เซ็นต์กับพวกเราอีก ทุกคนก็มีภาระทั้งนั้น”
“เรื่องนั้นก็เข้าใจอยู่หรอก แต่ถ้ามันยิ่งทำให้มีปัญหา ตัวแกเองนั่นแหละที่จะแย่”
“ถูกอย่างที่พราด้ามันว่านะคุณโส”
“เอางี้...ฉันจะกินยาแล้วขอนอนสักหน่อย สัญญาจะไม่เปิดอ่านพวกโพสต์บ้า ๆ นั้นอีก แล้วถ้าไหวคืนนี้ฉันจะลองเข้าไปที่ร้าน อยากรู้ด้วยว่าคุณเพนนีจะว่าอย่างไร เกิดเรื่องเมื่อคืนวันนี้ก็หายตัวไปเลยมันจะดูน่าเกลียดไปหน่อย”
“ถ้าพี่คุณโสตัดสินในอย่างไร...หวันก็ว่าอย่างนั้นแหละค่ะ”
“เออ...ถ้าแกจะไปทำงานคืนนี้เราก็ไปกันหมดนี่แหละ” การะเกดและประภาดาพยักหน้าให้กัน เพื่อจะเป็นแรงใจให้กับโสรยา
วันนี้หล่อนคงดูอ่อนแอมากแล้วจริง ๆ...ถึงได้รู้สึกดิ่ง รู้สึกเหนื่อย ท้อแท้แบบนี้...
ทุกคนต่างแยกย้ายกันไปพักผ่อน ปล่อยให้โสรยาที่รับประทานยาคลายเครียดแล้วนอนอยู่คนเดียว การหลับเป็นทางออกที่ดีที่สุด แม้เมื่อตื่นขึ้นมาจะต้องพบเจอกับความจริงอันแสนเจ็บปวดซ้ำ ๆ สักกี่หน แต่หากสมองและจิตใจได้รับการพักผ่อนบ้าง ความรู้สึกมันก็ผ่อนคลายลง ไม่ได้ยับแย่เหมือนตอนที่ต้องเผชิญหน้ากับความเลวร้ายแบบสด ๆ ร้อน ๆ
เมื่อถึงเวลางานทุกคนก็พากันไปที่ร้านนัวในหม้อ โสรยาให้เพื่อน ๆ รอหล่อนอยู่ในห้องรับแขก ซึ่งบัดนี้ใช้เป็นห้องแต่งตัวชั่วคราวของหล่อนด้วย ก่อนจะออกไปเดินตามหาใครบางคน หล่อนถามพวกพนักงานก็ได้ทราบว่าคนที่ต้องการพบนั้นอยู่ในออฟฟิศ...
หญิงสาวมายืนชั่งใจอยู่ตรงหน้าประตูครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจเคาะส่งสัญญาณสามครั้งตามมารยาท แล้วประตูก็ถูกเปิดออกโดยคนข้างใน ที่ยืนจ้องหล่อนด้วยความสงสัย
“ผมคิดว่าวันนี้คุณจะไม่มาเสียอีก”
“ฉันก็จะมาคุยเรื่องนี้เหมือนกัน เมื่อวาน เอ่อ... คุณเพนนีว่าอย่างไรบ้าง” หล่อนยืนกำมือแน่น ก้มหน้ามองต่ำ หลบลี้หนีสายตาคมเข้มที่มองไม่ยอมละเลยไปทางอื่น
“เปล่านี่...คุณไม่ใช่คนผิดเสียหน่อย อ้อ...เข้ามาคุยข้างในดีกว่าไหม ขอโทษที ลืมไปเลย” พูดพลางเขาก็หันหลังเดินนำเข้าไปด้านในห้องทำงาน
“ขอโทษด้วยนะ คือไม่อยากให้ร้านต้องมาเสียชื่อเพราะฉันเป็นต้นเหตุเลย ถ้าคุณเพนนีจะเลิกจ้าง ฉันก็...เข้าใจนะ” หล่อนพูดอ้อมแอ้มอย่างปลงตก จะทำอย่างไรได้ในเมื่อถูกกระแสโจมตีขนาดนี้ร้านก็คงตกอยู่ในสถานการณ์ไม่สู้ดีนัก
“บ้าไปแล้ว...ทำไมต้องเลิกจ้างด้วยล่ะ แค่ลูกค้าที่ชอบป่วน เราก็เจอปัญหาแบบนี้บ่อยอยู่แล้ว”
“คุณเพนนีไม่ได้ว่าอะไรจริง ๆ เหรอคะ” หล่อนถามย้ำ คราวนี้มองเขาอย่างรอคอยคำตอบ
“แม่ผมไม่สนใจเรื่องไร้สาระพวกนั้นหรอก ทำงานของคุณให้เต็มที่ ทุกอย่างไม่มีปัญหา” เขาหันมายิ้มให้
ซึ่งทำให้โสรยารู้สึกใจชื้นขึ้นมาทันที อย่างน้อย ๆ ก็มั่นใจว่าได้ทำงานต่อ
“ขอบคุณมากนะคุณแม็กซ์ ฝากขอบคุณคุณเพนนีด้วยที่ให้โอกาส”
“นี่...เรียกผมแม็กซ์เฉย ๆ เถอะ ไม่ต้องมาพิธีรีตอง ที่นี่เราอยู่กันแบบครอบครัว มีปัญหาอะไรก็บอกกัน จะได้ช่วยกันแก้ไข คุณก็ยังต้องอยู่ที่นี่อีกพักใหญ่ ๆ ไม่ต้องเกรงใจหรอก” เขาพูดพลางหันกลับไปเก็บเอกสารที่กองอยู่บนโต๊ะใส่แฟ้ม
“ขอบใจอีกรอบ...ฉันไปก่อนนะ” หล่อนกล่าวพลางยิ้มแล้วก้าวถอยหลังออกไปจากออฟฟิศเพื่อจะได้แต่งตัวและเริ่มงานในค่ำคืนนี้
คิดไม่ถึงว่าเด็กผู้ชายที่เคยมองเป็นเพียงพนักงานเสิร์ฟธรรมดาคนหนึ่ง จะดูมีความเป็นผู้นำและเป็นผู้ใหญ่กว่าที่ตาเห็น ต่อไปนี้คงต้องปรับทัศนคติในการมองคนใหม่เสียแล้ว