ไทเฮาผู้มีเมตตา

1675 คำ
ทางด้านปู้เชาหลงนั้นก็มีความรู้สึกร้อนใจเป็นอย่างมาก เมื่อรักษากับหมอหลวงย่างเข้าสู่วันที่ห้าแล้วอาการป่วยของบุตรชายยังไม่ดีขึ้น ทำให้เขานอนไม่หลับจนต้องผุดลุกผุดนั่งในกลางดึก  ภรรยาที่นอนอยู่ข้าง ๆ ต่างก็วิตกกังวลไม่แพ้กัน “เราจะทำอย่างไรกันดีเจ้าคะท่านพี่ ลูกอี้ของเรา ฮึก!!” นางกล่าวได้เพียงเท่านั้น น้ำตาก็พลันไหลลงอาบหน้า “ไม่ว่าจักมีวิธีใดที่พอจะรักษาลูกอี้ของเราได้ ข้ายอมทั้งนั้นท่านพี่ หากตายแทนลูกได้ข้าก็ยอม” เสียงภรรยาร้องไห้คร่ำครวญไม่หยุด “เจ้าใจเย็น ๆ ก่อนเถอะ ข้ายังพอมีอีกวิธีหนึ่งที่น่าจะพอช่วยลูกของเราได้” ปู้เชาหลงปลอบโยนภรรยา “วิธีใดหรือท่านพี่?” ภรรยาถามขึ้นอย่างมีความหวัง “ข้าเพิ่งได้สมุนไพรมาจากพระสนมไป๋ตาอิ้งเมื่อสองวันก่อน เห็นพระสนมบอกว่ามันมีสรรพคุณลดไข้ได้ชะงัด แต่ข้ายังไม่ปักใจเชื่อนัก”   “พระสนมไป๋ตาอิ้ง!! ใช่พระสนมที่ถูกคุมขังอยู่ในตำหนักเย็นหรือไม่เจ้าคะท่านพี่” ภรรยาถามด้วยความฉงน “ใช่แล้ว” ปู้เชาหลงตอบ “พระสนมทรงถูกคุมขังตั้งสามเดือน เหตุใดถึงได้เพิ่งมาพูดคุยกับท่านพี่ได้ในยามนี้เล่าเจ้าคะ?” ภรรยาถามขึ้นด้วยความประหลาดใจ “พระสนมทรงถูกลอบวางยาพิษในตำหนักเย็น เห็นว่าเกือบเอาชีวิตไม่รอด แต่พอฟื้นขึ้นมากลับเหมือนเป็นคนละคน” ปู้เชาหลงพูดเสียงเรียบ “เหตุใดพระสนมถึงได้ให้สมุนไพรกับเราเล่าเจ้าคะท่านพี่ แล้วพระสนมได้ให้สิ่งใดกับท่านพี่อีกหรือไม่เจ้าคะ?” “ข้าเพียงรับไข่มุกจากพระสนมมาหนึ่งลูก เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการให้หมอหลวงมารักษาลูกของเรา แต่ข้ายังไม่กล้านำสมุนไพรที่พระสนมให้นั้นมาต้มให้ลูกอี้กิน” ปู้เชาหลงพูดอย่างหนักใจ “หมอหลวงบอกว่าถ้าเจ็ดวันแล้วอาการไข้ของลูกอี้ยังไม่ดีขึ้น ลูกอี้โตขึ้นมาแล้วอาจจะเป็นคนสติปัญญาไม่สมประกอบนักนะเจ้าคะ และวันนี้ตัวลูกอี้สั่นหนักมากตอนไข้ขึ้นอีก ข้ากลัวเจ้าค่ะท่านพี่ ฮือออ!!” ภรรยาพูดไปร้องไห้ไปอย่างน่าสงสาร “เอาอย่างนี้ เราไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว ข้าจะลองไปต้มสมุนไพรมาให้ลูกอี้ เจ้าเฝ้าลูกรอข้าอยู่ในห้องนี้ก็แล้วกันนะ” ปู้เชาหลงสั่งความภรรยาพร้อมกับเดินไปหยิบสมุนไพรออกไปต้มยาให้ลูกชายของตนทันที   ผ่านไปสองชั่วยาม ยาก็ต้มเสร็จเรียบร้อย “แต่เดี๋ยวนะ!! พระสนมสั่งไว้ว่าให้นำสมุนไพรที่ต้มแล้วมาทำเป็นลูกกลอนนี่นา” ปู้เชาหลงทบทวนคำพูดของไป๋หนิงอ้ายที่ได้พูดคุยกับตนเมื่อสองวันก่อน จึงนำกากยาที่ต้มมาทำลูกกลอนด้วยความตั้งใจ “ซูเจียว ข้าต้มยาเสร็จเรียบร้อยแล้ว นี่คือยาลูกกลอนที่......” ปู้เชาหลงพูดได้เพียงเท่านั้นก็ชะงักไป “ซูเจียว!! เจ้าเป็นอันใดไป? เหตุใดจึงร้องไห้หนักมากขนาดนี้?” ปู้เชาหลงถามด้วยความตกใจเมื่อเดินเข้าห้องมาแล้วเห็นว่าภรรยากำลังฟุบหน้าร้องไห้อยู่ตรงเปลนอนของลูกไม่หยุด “ลูกอี้ ๆ” เสียงภรรยาพูดขาด ๆ หาย ๆ “ลูกอี้เป็นอันใดไปรึซูเจียว?”ปู้เชาหลงถามด้วยความตกใจ “ลูกอี้ร้องไห้จนหน้าเขียว ไข้ขึ้นสูงแน่นิ่งไปแล้วเจ้าค่ะ”  “ลูกอี้ ๆ เจ้าลืมตาตื่นขึ้นมาหน่อยเถอะนะ พ่อมียามารักษาเจ้าแล้ว”  ปู้เชาหลงพูดเสียงสั่นพร้อมกับอุ้มลูกชายขึ้นมาแนบอกและป้อนยาลูกกลอนเม็ดเล็ก ๆ ใส่ปากของลูกชายด้วยความหวังว่าปาฏิหาริย์อาจมีจริง     ผ่านไปราวหนึ่งเค่อ “แอะ แอ้” เสียงเล็ก ๆ ในอ้อมแขนร้องดังขึ้น พร้อมกับรอยยิ้มน้อย ๆ ที่ประดับบนใบหน้า ทำให้ปู้เชาหลงยิ้มกว้างอย่างมีความสุขไปด้วย “ซูเจียว ลูกอี้ฟื้นแล้ว” ปู้เชาหลงเรียกภรรยาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น “ลูกอี้ ลูกอี้ของแม่”  ซูเจียวรีบรุดมาดูลูก พร้อมกับใช้หลังมือสัมผัสหน้าผากของลูกอย่างเบามือ “ท่านพี่ ลูกตัวเย็นขึ้นแล้วเจ้าค่ะ ลูกอี้หายป่วยแล้ว ข้าจะไปบอกท่านแม่ให้มาช่วยดูลูกอี้นะเจ้าคะ” ซูเจียวพูดพลางจะเดินออกไปนอกห้อง “เดี๋ยวก่อนซูเจียว!!!” ปู้เชาหลงร้องขึ้นเสียงดัง “เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าผู้ใดที่ช่วยชีวิตลูกอี้ของเราเอาไว้ พระสนมไป๋ตาอิ้งที่ถูกขังในตำหนักเย็นเป็นคนช่วย ถ้าความลับนี้แพร่งพรายออกไปเจ้ารับผิดชอบไหวหรือ?” ปู้เชาหลงเอ่ยเตือนสติ “เรื่องนี้ต้องเก็บไว้เป็นความลับ ห้ามไม่ให้ผู้ใดล่วงรู้เป็นอันขาด เจ้าเข้าใจหรือไม่?”  ปู้เชาหลงกล่าวกำชับ “ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะท่านพี่ ข้าขอตัวไปเรียกท่านแม่มาดูลูกอี้ของเราต่อก่อนนะเจ้าคะ ท่านพี่ก็รีบอาบน้ำแต่งตัวไปผลัดเปลี่ยนเวรยามที่ตำหนักเย็นเถิดเจ้าค่ะ” ซูเจียวพูดพร้อมกับเดินไปหามารดาที่ห้องข้าง ๆ ให้มาดูแลลูกต่อ ณ  ตำหนักเยว่เทียนกง “ไทเฮาเสด็จ” เสียงแหลมเล็กของขันทีดังขึ้น “ถวายพระพรไทเฮา ขอพระองค์ทรงพระเจริญพันปี พันพันปี"  เสียงข้าราชบริพารที่ถวายการรับใช้ในตำหนักเอ่ยดังขึ้นอย่างพร้อมเพรียงกัน “ลุกขึ้น ลุกขึ้นได้” สุรเสียงอ่อนโยนตรัสดังขึ้นพร้อมกับแย้มสรวลน้อยๆ  “อากาศเช้านี้เย็นสบายนัก อายเจียจะไปชมดอกไม้ที่อุทยานตะวันออกก็แล้วกัน” “ไทเฮาเสด็จชมสวนดอกไม้ เตรียมเกี้ยว” เสียงแหลมเล็กของขันทีดังขึ้นอีกรอบ เมื่อเดินทางมาถึงอุทยานตะวันออกแล้ว ไทเฮาจึงทรงลงจากเกี้ยวด้วยท่าทีที่สง่าผ่าเผย โดยมีซูเจียวคอยประคองแขนด้านขวาไว้ “อุทยานตะวันออกแห่งนี้งดงามนัก ต้นไม้ก็สูงใหญ่ ดอกไม้ก็สวยงามนัก ส่งกลิ่นหอมให้อายเจียได้ผ่อนคลายอยู่เสมอ” สุรเสียงอ่อนโยนตรัสขึ้นอย่างสบายอารมณ์ “ตรงโน้นมีต้นเสี่ยวขุย (ต้นทานตะวัน) บานรับแสงพระอาทิตย์ยามเช้าอยู่ด้วย ดูสบายตานัก แต่ก็คงบานไม่เท่าหน้าตาของกงนู่ (ข้าหลวง) ของอายเจียในเช้าวันนี้เลย” ไทเฮาทรงกล่าวเย้าข้าหลวงของตนเมื่อเห็นว่าซูเจียวมีสีหน้าที่ดีขึ้นกว่าแต่ก่อนมากนัก “อาการป่วยของบุตรชายหม่อมฉันดีขึ้นมากแล้วเพคะไทเฮา” ซูเจียวรายงาน “หมอหลวงคนใดเป็นคนรักษาอาการไข้ของลูกเจ้าได้อย่างนั้นหรือ?”  ไทเฮาตรัสถามขึ้นด้วยความประหลาดใจ “เอ่อ” ซูเจียวอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ   “เจ้าไม่สะดวกใจที่จะตอบคำถามของอายเจียเช่นนั้นหรือ? มีเรื่องใดที่อายเจียอยากรู้แต่ไม่ได้รับคำตอบบ้าง เจ้าติดตามรับใช้อายเจียมานานย่อมต้องรู้ใจอายเจียดี” ไทเฮาตรัสเสียงเนิบ    “หม่อมฉันผิดไปแล้วเพคะ ขอไทเฮาทรงเมตตาด้วยเพคะ” ซูเจียวคุกเข่าลงไปกับพื้นพร้อมทั้งโขกศีรษะร้องขอความเมตตาจากองค์ไทเฮา “ลุกขึ้นก่อนซูเจียว เจ้าเห็นอายเจียเป็นคนใจร้ายน่ากลัวถึงเพียงนั้นเชียวหรือ?”   “หม่อมฉันไม่กล้าปิดบังไทเฮาเพคะ สามีของหม่อมฉันได้สมุนไพรดีมารักษาลูกของหม่อมฉันเพคะ” ซูเจียวพูดเสียงสั่นด้วยเพราะกลัวในพระบารมีขององค์ไทเฮา “สมุนไพรดีเช่นนั้นรึ!? ใครเป็นคนมอบสมุนไพรนั่นให้สามีของเจ้ากันหรือซูเจียว?”  ไทเฮาตรัสถามด้วยความประหลาดใจ “พระ พระสนมไป๋ตาอิ้งเพคะ” ซูเจียวตอบเสียงสั่น “ไป๋ตาอิ้งชื่อคุ้นๆ นะ ใช่บุตรีของแม่ทัพใหญ่ไป๋หนิงหลงหรือไม่?” ไทเฮาถามต่อ “ใช่แล้วเพคะไทเฮา” “แต่นางถูกขังในตำหนักเย็นมิใช่หรือ เหตุใดนางถึงมีสมุนไพรมาช่วยลูกของเจ้าได้เล่า?” “เรื่องนี้หม่อมฉันก็ไม่ทราบเพคะ หม่อมฉันรู้เพียงแต่ว่าสามีของหม่อมฉันได้รับสมุนไพรนี้มาจากพระสนมไป๋ตาอิ้งเพคะ”   “นางต้องโทษสถานใดถึงได้เข้าไปอยู่ในตำหนักเย็นเจ้ารู้หรือไม่ซูเจียว?” “หม่อมฉันได้ยินมาว่าพระสนมไป๋ตาอิ้งทรงลอบวางยาพิษพระสนมไฉ่กุ้ยเหรินเพคะ” ซูเจียวรายงานข้อมูลเท่าที่ตนรู้มา “เรื่องนี้ได้มีการสอบสวนที่แน่นอนรอบคอบดีแล้วหรือ? พระสนมไฉ่กุ้ย เหรินก็มิได้เป็นอันตรายอันใดมาก หวางตี้ตั้งใจจะขังนางไว้ที่ตำหนักเย็นอีกนานเพียงใดกัน?” ไทเฮารำพึงขึ้นมากับนางข้าหลวงคนสนิทของตน “ฝ่าบาททรงยุ่งกับราชกิจใหญ่น้อยอาจจะทรงลืมนึกถึงเรื่องนี้ไปแล้วก็เป็นได้เพคะ” ซูเจียวตอบ   “ไปสืบเรื่องพระสนมไป๋ตาอิ้งลอบวางยาพิษพระสนมไฉ่กุ้ยเหรินให้อายเจียทีซูเจียว อายเจียสงสัยนักว่าบุตรีแม่ทัพใหญ่จะมาวางยาบุตรีเจ้ากรมพิธีการด้วยเหตุใดกัน?”  ไทเฮาออกคำสั่งด้วยความแคลงใจในเบื้องหลังของการคุมขังในตำหนักเย็นครั้งนี้  “เพคะ หม่อมฉันจะสืบเรื่องนี้ให้ละเอียดและจะรีบนำมากราบทูลไทเฮาให้ทรงทราบโดยเร็วเพคะ” ซูเจียวรับคำสั่งจากไทเฮาด้วยเสียงหนักแน่น  “จับตาดูพระสนมไป๋ตาอิ้งด้วยว่าแต่ละวันในตำหนักเย็นนางทำอะไรบ้าง” ไทเฮาสั่งเสียงเรียบ “ซูเจียวน้อมรับพระราชเสาวนีย์เพคะ” “กลับกันเถิด อายเจียไม่มีอารมณ์จะชมสวนดอกไม้แล้ว อายเจียจะไปสวดมนต์ที่หอพระไตรปิฎกต่อ” ไทเฮาสั่งเสียงเรียบ “ไทเฮาเสด็จกลับวัง เตรียมเกี้ยว” เสียงแหลมเล็กของขันทีดังขึ้นอีกรอบ      
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม