ภายในป่า สิตาลหันไปมองรอบกายที่มีแต่ความมืด แหงนหน้าขึ้นไปก็เห็นแต่ต้นไม้สูงใหญ่กับเสียงสัตว์ร้องดังแว่วๆ มาชวนให้ขนลุกจนต้องยกมือขึ้นมากอดอก แล้วสะดุ้งขึ้นเมื่อได้ยินน้ำเสียงวางอำนาจ
“ผมกางเต็นท์เสร็จแล้ว จะเข้ามานอนด้วยกัน หรือว่าจะไปหัดผูกเปลก่อน”
แสงสว่างจากกองไฟทำให้เห็นว่าสิตาลแอบแลบลิ้นใส่ราเมศที่หันหลังให้เธอ มืออีกข้างก็จัดการกับฟลายชีตเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำซึมเข้าไปในเต็นท์หากเกิดฝนตกหรือน้ำค้างแรงจัด
“ฉันอยากอยู่ในเต็นท์มากกว่า นอนเปลยุงกัดตายแน่ หรือไม่ก็ตากน้ำค้างจนปอดบวมพอดี” สิตาลบอก เพราะรู้สึกว่า คืนนี้น้ำค้างแรงมาก แล้วรีบลุกขึ้นเดินไปที่เต็นท์เล็กๆ ขนาดสำหรับสองคน
สาวสวยกำลังจะหันไปรูดซิปปิดเต็นท์ แต่แล้วคนตัวสูงก็เดินตามเข้ามาด้วย ทำให้สิตาลเบิกตากว้าง
“คุณเข้ามาทำไมคะ ฉันเป็นผู้หญิง แล้วเราก็ไม่รู้จักกันมาก่อน นอนเต็นท์เดียวกันไม่ได้”
“ก็รู้จักกันแล้วนี่ ผมชื่อราเมศ ส่วนคุณชื่อสิตาล หรืออยากรู้จักกันให้ลึกกว่านี้”
เขามองเธออย่างมีความหมาย ทำให้สิตาลยกมือขึ้นกอดอกแล้วถอยกรูด
“คนบ้า ฉันไม่อยากรู้จักคุณลึกไปกว่านี้หรอก แต่ฉันยืนยันว่าฉันเป็นสุภาพสตรี และเป็นลูกค้า คุณควรดูแลฉันอย่างดี ไม่ใช่ฉวยโอกาสกับฉัน”
นายหัวราเมศจ้องเขม็งมองหญิงสาวด้วยสายตาดุดัน “ถามจริง คุณเป็นคนประเภทไหน โตมายังไง ผมต้องเสียเวลาเข้ามาในป่าตามหาคุณ เต็นท์นี้ ผมก็เอามา คุณต้องขอบคุณผมมากกว่าที่อนุญาตให้คุณนอนร่วมเต็นท์ด้วยได้ ผมจะนอนในเต็นท์นี้ด้วย หลบไป”
คนถือสิทธิ์เป็นเจ้าของเต็นท์อยากแกล้งแม่ตัวยุ่งจึงเดินเข้าไปในเต็นท์โดยไม่สนใจเสียงร้องห้าม สีหน้าของสิตาลเวลานี้ฉายแววตื่นตระหนกอย่างเห็นได้ชัด
ดวงตาคู่คมจดจ้องคนหน้าตื่นๆ ยืนตัวเกร็งนั้น
“นอกจากไม่ขอบคุณแล้ว ยังคิดจะให้ผมนอนตากน้ำค้างอีก ดีไม่ดี เกิดมีงูเงี้ยวเขี้ยวขอมาฉกผมกลางดึกจะทำไง ผมก็ไม่ใช่คนใจหล่อเหมือนหน้าตาซะด้วย” ราเมศบอกแล้วถือสิทธิ์ความเป็นเจ้าของ แสร้งล้มตัวลงนอนอย่างไม่สนใจสายตาใครทั้งสิ้น สิตาลเห็นท่าไม่ดีเลยเลือกที่จะเป็นคนออกไปนอนนอกเต็นท์เอง
“ผู้ชายบ้าอะไร ไม่เป็นสุภาพบุรุษเลย งั้นฉันไปนอนข้างนอกเองก็ได้” หญิงสาวว่าเขาแล้วก็รีบออกจากเต็นท์
ราเมศไม่ได้ห้ามปราม เขาก็อยากดูว่าเธอจะทนยุงป่ากับสภาพอากาศคืนนี้ที่มั่นใจว่าฝนตกแน่ไปได้นานสักแค่ไหน
เพียะ เพียะ เพียะ
สิตาลตบยุงป่าที่ชุมจนคันไปหมด แล้วก็ได้ยินเสียงคนในเต็นท์พูดลอยๆ ออกมา
“จะบอกอะไรให้นะว่ายุงป่าน่ากลัวกว่าไอ้เจ้าเพื่อนสี่ขาที่คุณวิ่งหนีมันอีก ยุงป่าพวกนี้มันทำให้เกิดโรคไข้มาลาเรีย นิสัยอย่างคุณ เรื่องเยอะแบบนี้ท่าจะยังหาผัวไม่ได้ คงไม่อยากเอาชีวิตมาทิ้งกลางป่าหรอกมั้ง”
สิตาลเบ้ปาก “ปากเสีย แต่ถ้าฉันดวงซวยโดนยุงป่ากัดตาย ฉันจะมาหลอกผู้ชายไร้ความเป็นสุภาพบุรุษอย่างคุณเป็นคนแรกเลย คอยดูสิ”
เสียงจากในเต็นท์ดังออกมา “ผมไม่กลัวผีหรอกคุณ เจอจนชินแล้ว ในป่านี้มีผีเพียบ ถ้าจะเพิ่มคุณอีกหนึ่งคงไม่น่ากลัวไปกว่านี้แล้ว คุณมองไปที่ด้านซ้ายของเต็นท์สิ เห็นต้นไม้ใหญ่ๆ ขนาดสี่คนโอบนั่นไหม”
สิตาลหันไปมองตามที่คนในเต็นท์บอก “เห็นค่ะ มีอะไรเหรอ”
“มีเจ้าแม่ตะเคียนอยู่ไง ไปทำความรู้จักกันไว้สิ เผื่อคุณตายในป่านี้จะได้มีเพื่อน”
“กรี๊ดดด”
คนในเต็นท์ตกใจ ตั้งรับไม่ทันเมื่อจู่ๆ สาวเจ้าก็กระโจนเข้ามาข้างใน แล้วยังสะดุดขาตัวเองล้มคะมำหน้าฟาดเข้ากับของแข็งอย่างจัง ทำเอาคนที่กำลังนอนหงายสองมือสอดประสานอยู่ที่ท้ายทอยเป็นฝ่ายหน้าแดงเสียเอง เขาเคยเจอมาบ้าง พวกแม่สาวใจร้อนที่เห็นของอร่อยก็ตั้งหน้าตั้งตาเข้ามาขอชิม แต่ไม่คิดว่าแม่ตัวยุ่งนี่ก็เป็นแบบนั้นด้วยอีกคน
คนนอนหงายอยู่ก้มหน้ามองต่ำไปที่ช่วงล่างของตนเอง รู้สึกจุกท้องน้อยไปหมด เห็นศีรษะของหญิงสาวที่เงยขึ้นมาจากเป้ากางเกงยีนของเขา สีหน้าเหมือนจะร้องไห้ออกมา
“เรารู้จักกันแล้ว แต่ไม่คิดว่าคุณจะคิดไกล ใจร้อนอยากรู้จักผมลึกขนาดนี้”
คลื่นโทสะที่อยากต่อว่าตัวเองที่ซุ่มซ่ามจนหลงป่า แล้วยังมาเจอผู้ชายหน้าหล่อแต่ปากร้าย ชีกอ ผลักดันคำพูดให้โพล่งออกมาอย่างเหลืออด
“คนบ้า ฉันไม่ได้ตั้งใจ ก็คุณหลอกเรื่องผีฉัน ฉันก็เลยรีบวิ่งเข้าเต็นท์มาแล้วสะดุดล้ม”
แววตาของนายหัวราเมศแน่วนิ่ง แสงจากกองไฟข้างนอกทำให้เขาเห็นว่าดวงหน้าหวานบิดเบ้เหมือนจะร้องไห้
“น้ำตาคลอเบ้าเลย สงสัยจมูกฟาดน้องชายผมแรงไป คุณคงกลัวจมูกเสียทรงสินะ ไม่เป็นไรหรอก ออกจากป่าไปแล้ว ให้หมอศัลยกรรมแก้ให้ก็ได้ ไม่เห็นต้องร้องห่มร้องไห้”
“คนหน้าด้าน ยังกล้ามาพูดอีก ยี้ ฉันร้องไห้ก็เพราะคุณนั่นแหละ” สิตาลอับอายจนวางตัวไม่ถูก กระถดหนีเขาไปสุดเต็นท์ ยกแขนเสื้อเช็ดหน้าตาตัวเองราวกับว่ารังเกียจ
ร่างใหญ่ดีดผึงขึ้นมานั่งจ้องหน้าเธอในความมืด “นี่ถ้าคุณโกรธที่น้องชายของผมแข็งจนทำจมูกคุณเจ็บ ผมจะไม่ว่าอะไรเลย จะอภัยให้ความซุ่มซ่ามของคุณ แต่ถ้าคุณร้องห่มร้องไห้เพราะหาว่าน้องชายผมตัวไม่หอม ผมไม่ยอมนะ ไม่เชื่อ คุณลองล้มอีกทีสิ พิสูจน์ดูใหม่ก็ได้ ผมดูแลราเมศน้อยอย่างดี ล้างถู บำรุงด้วยโลชัน รับประกันว่าน่ากินดีทีเดียว”
สิตาลเบ้หน้า น่ากลัวกว่าผีนางตะเคียนข้างนอก ก็ไอ้ผู้ชายโรคจิตในเต็นท์นี่แหละ
“ไอ้คนบ้า! โรคจิต!”
ราเมศรำคาญสายตาเจ้าหล่อนที่ดูแล้วทั้งรังเกียจและขยะแขยง แถมยังมีทีท่าจะร้องไห้อยู่รอมร่อ พานให้รู้สึกอึดอัดชะมัดยาด เขาจึงลุกพรวดขึ้นทำให้ร่างเล็กผงะ
“จะทำอะไร”
เขาไม่ตอบแต่ย่างสามขุมผ่านหน้าเธอไป ก่อนจะรูดซิปเต็นท์ลง ไม่วายเหลียวหลังหันกลับมามองคนที่นั่งตัวงอหลบอยู่ที่มุมหนึ่ง
“ออกไปคุยกับนางตะเคียนแก้เซ็ง”
พูดจบแล้วก็ก้าวพรวดออกไป ก่อนจะกวาดดวงตามองไปรอบๆ กองไฟที่เริ่มจะมอดไปแล้ว ราเมศกระชับอาวุธปืนที่เหน็บอยู่ด้านหลังกางเกงยีนตัวเก่ง หากมีอันตรายอะไรก็คงจำเป็นต้องใช้มัน