“พี่จะบ้าเหรอ จะให้หนูบากหน้าไปหาหมอได้ไง เขาจะเอาอะไรมาแหกหนูมั้ยเนี่ย”
“ไอ้บ้า หนูนี่ผ่านสุขศึกษามาได้ไง หนูก็แค่ไปซื้อที่ตรวจครรภ์ในเซเว่นไง”
“มันแพงมั้ยอ่ะ หนูไม่มีตังค์นะ ดูหน้ากับฐานะหนูด้วย” ฉันบอกอีพี่เซ้นส์ด้วยน้ำเสียงอ้อมแอ้มให้รับรู้ถึงความจนกรอบของฉัน “หนูเหลืออยู่สามสิบบาทอะวันนี้ หมดงบ”
ไม่พูดเปล่า ฉันเอากระเป๋าตังค์ขึ้นมาแหกแหวกให้เห็นเศษเหรียญเป็นประจักษ์แก่สายตาพี่เซ้นส์ด้วย คนตัวสูงถอนหายใจแล้วขยี้หัวฉันอย่างหมั่นไส้ในความกระจอกงอกง่อยของฉันก่อนจะเจียดเงินค่าขนมตัวเองมายื่นให้
“อ่ะ เอาของพี่”
“หูย ป๋าอ่ะ ให้หนูร้อยเดียวเองอ๋อ ขออีกร้อยได้ปะ?” ฉันทำตาปิ๊งๆ ก่อนที่อีพี่เซ้นส์ทำท่าจะฟาดกบาลฉัน ฉันก็เลยรีบดึงเงินหนึ่งร้อยบาทที่แสนมีค่านั่นมาเก็บใส่กระเป๋าแล้วกระโดดกอดคนตัวสูงหนึ่งทีเป็นการให้รางวัล
“กอดแน่นกว่านี้ก็สิงพี่เลยมั้ยอ่ะ” คนตัวสูงแซวในตอนที่ฉันกอดนางแน่นมากจนหน้าแทบจะฝังเข้าไปอยู่ในแผ่นอก ที่จริงฉันก็แค่อยากแสดงความเป็นเจ้าของให้คนรอบตัวรับรู้ว่าพี่เซ้นส์เป็นของฉันอ่ะ ฉันรู้นะว่ามีเหล่านอมินีที่อยากจะสาดอ้อยใส่พี่เซ้นส์อีกเป็นฝูง ณ บริเวณนี้
“พี่เซ้นส์ หนูขออะไรพี่อย่างดิ”
“อะไรเหรอ? ขอตังค์อีกไม่ให้แล้วนะ”
“พี่ไปซื้อเป็นเพื่อนหนูหน่อยดิ ไปคนเดียวหนูเขินอ่ะ” ฉันกะพริบตาวิงวอนพี่เซ้นส์แล้วจับแขนคนตัวสูงด้วยท่าทีออดอ้อนที่สุดเท่าที่จะทำได้ แค่ฉันจินตนาการว่าฉันต้องไปซื้อมันคนเดียว ฉันก็ทำตัวไม่ถูก ฉันจะโดนพนักงานมองด้วยสายตายังไง แล้วมันจะถามอะไรที่ฉันไม่อยากตอบรึเปล่า
“ก็แค่ซื้อของเอง เค้าไม่สนใจหนูหรอก”
“โหย พี่อ่ะ อย่ามาทำตัวไร้ความรับผิดชอบดิ ตอนมีความสุขเราก็ร่วมใจกัน มีปัญหาก็ต้องร่วมใจกันดิ”
“เว่อร์อีกแล้วมิว”
“แค่ไปซื้อเป็นเพื่อน พี่ยังไม่ไปเลยอ่ะ ละถ้าหนูท้องขึ้นมา พี่จะรับผิดชอบหนูมั้ยเนี่ย?” ฉันคว่ำปากงอนพี่เซ้นส์ที่หาว่าฉันเว่อร์ ฉันก็แค่ต้องการกำลังใจในการลุ้นไปพร้อมๆ กัน เขาไม่ควรโยนให้ฉันหลอนประสาทอยู่คนเดียวอ่ะ ต่อให้มันเป็นไปได้น้อยฉันก็กลัวนี่หว่า อีเพื่อนสองตัวนั้นมันไซโคฉันไว้เยอะ
ฉันมองหน้าพี่เซ้นส์นิ่งอย่างต้องการคำตอบ
แต่เขาก็เงียบ
เงียบ และยังยืนยันว่าเงียบมากๆ เงียบจนฉันหวั่นไหว ฉันเลยจ้องอีพี่เซ้นส์ด้วยสายตาเอาเรื่อง ไม่รู้อ่ะ ถ้าฉันซวย นางก็ต้องซวยด้วย ฉันจะไม่ทนซวยคนเดียวเด็ดขาด
“อ้าว พี่ เงียบแบบนี้เดี๋ยวต่อยหน้ายุบเลยนะ” ฉันเต๊ะท่าหน้านักเลง พร้อมเสียงจิ๊จ๊ะ จนพี่เซ้นส์ที่ตีหน้าเครียดๆ หลุดขำนิดๆ
“เออ พี่กำลังคิดชื่อลูกอยู่ไงเลยเงียบ” อีพี่เซ้นส์ตอบฉันด้วยสกิลโคตรแถ แต่ฉันอ่ะมองออก จริงๆ นางกำลังเครียดหรอก
“โห พี่อย่ามาเว่อร์ หนูรู้หรอก ในส่วนเสี้ยวของหัวใจพี่มันร่ำร้องว่าอย่าให้หนูท้องใช่ปะล่ะ”
“โอ๊ย หนูก็ลองไปตรวจดูก่อนดิ จะได้รู้ว่าท้องไม่ท้อง”
“ไม่เอา พี่ก็ไปกับหนูดิ”
“พี่ยังงานไม่เสร็จเลยเนี่ย”
“ก็เสร็จแล้วค่อยไปไง เดี๋ยวหนูรอ” ฉันกะพริบตาปริบๆ วิงวอนให้พี่เซ้นส์ไปด้วย ฉันไม่อาจสตรองที่จะตรวจด้วยตัวคนเดียวได้
“เออ ก็ได้”
พี่เซ้นส์รับปากฉันแล้ว ฉันเลยนั่งแง่วรอเขาอยู่ตรงนั้น ว่างๆ ก็ชวนเพื่อนนางคุย นางกำลังนั่งทำรายงานอะไรสักอย่าง ซึ่งฉันไม่รู้เรื่องและโคตรจะไร้ประโยชน์ ทำได้แค่นั่งให้กำลังใจ เขาทำจริงจังจนถึงค่ำก็พาฉันไปที่เซเว่น
และฉันก็พบความจริงที่ว่าอีพี่เซ้นส์ช่างหน้าบางสุดๆ ฉันกับเขาเราพากันเดินตะคุ่มๆ เป็นเงาดุ่มๆ ปรายสายตาไปมองไอ้ที่ตรวจครรภ์อยู่หลายที แต่พอจะหยิบก็เดินผ่านมันตลอด ทำตัวเหมือนลักลอบซื้อของผิดกฎหมาย ฉันรู้สึกเหมือนสายตาหลายคู่จับจ้องมาที่ฉันทั้งที่ความจริง แม่งก็ไม่ได้มีใครมอง เหงื่อเม็ดเล็กพร่างพราวเต็มหน้าผาก มือของฉันชื้นและเย็น
ก็แค่ซื้อที่ตรวจครรภ์ ทำไมมันยากเย็นจังวะ แค่ฉันเดินเข้าไปหยิบแล้วคิดเงินเนี่ย ไม่รู้ทำไมความกล้าหาญมันหดเท่าขี้ตาหมา พอจะเอื้อมมือไปจับปุ๊ป ก็รู้สึกเหมือนมีคนมายืนด่าอยู่ข้างกกหูของฉันแล้ว
“พี่เซ้นส์ พี่หยิบดิ”
“หนูก็หยิบดิ เดี๋ยวพี่บังให้”
“ไม่เอา พี่อะหยิบ”
ฉันกับนางเริ่มเปิดสงครามเกี่ยงกันก่อนที่พี่เซ้นส์จะรวบคอฉันเข้าไปหาแล้วกระซิบกระซาบเหมือนขบวนการอะไรสักอย่าง นางเดินไปหยิบตะกร้าสีส้มแล้วบอกกับฉันว่า
“งั้นเอางี้มั้ย เราซื้ออย่างอื่นไปเยอะๆ แล้วก็ค่อยมาหยิบที่ตรวจครรภ์ จะได้ไม่มีใครสังเกต”
“ทำไมเราต้องทำตัวเหมือนโจรด้วยวะพี่ ทั้งที่เราก็มาซื้อของนะ”
“หนูกล้าซื้อที่ตรวจครรภ์อย่างเดียวปะล่ะ”
“ไม่อ่ะ”
“นั่นไง เราเลยต้องซื้อขนมบังหน้า หนูเคยได้ยินมั้ย ข้างนอกสุกใส ข้างในเป็นโพรงอ่ะ”
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้วะพี่”
“ไม่เกี่ยว พี่แค่พูดเฉยๆ”
โอ๊ย ฉันจิ๊จ๊ะให้กับมุขประสาทของอีพี่เซ้นส์ นี่ถ้าฉันท้องอย่าว่าแต่นางจะเป็นพ่อคนเลย ให้นางเป็นคนปกติให้ได้ก่อนเถอะ คนอะไรวะบ้าบอฉิบเป๋ง ตอนคลอดนี่หัวพี่แกกระแทกเครื่องมือหมอจนสมองส่วนสติสัมปัชชัญญะมีปัญหารึเปล่าเนี่ย!
“เออ ซื้อๆ มาเหอะ” ฉันว่าแล้วหยิบขนมสารพัดสิ่งมาใส่ในตะกร้าจนเกือบเต็มแล้วแว้บมาหยิบที่ตรวจครรภ์ด้วยความเร็วแสง ฉันกับอีพี่เซ้นส์สบสายตากันแล้วพยักหน้าอย่างรู้ใจเดินไปที่หน้าเคาน์เตอร์ด้วยความรู้สึกเหมือนชาวบ้านบางระจันที่กำลังจะรบกับพม่ารามัญ
ฉันจ้องไอ้ที่ตรวจครรรภ์นั่นนิ่ง หายใจไม่ค่อยถนัดในตอนที่ฝ่ามือของพนักงานเซเว่นหยิบของไปคิดราคาทีละชิ้น และเหมือนดวงฉันถึงคราวอัปยศอดสูเพราะตอนที่ฉันเลื่อนสายตาไปสบกับคนที่คิดเงินอยู่ เขาก็ชะงักไปนิดๆ
“อ้าว มิว”
ฉะ ฉิบหาย ตายโหง!
นี่มันพี่ตี๋ ลูกของอาต้อยหลานป้าต๋อยเหลนยายตุ๊ ยายตุ๊ที่เป็นเพื่อนกับยายเต้ ยายเต้เป็นยายของลุงตู่ ลุงตู่เป็นน้องของลุงติ๊บ ลุงติ๊บเป็นคนรู้จักของพ่อฉัน
สรุปง่ายๆ พ่อฉัน พ่อเขา พ่อเรารู้จักกัน!!!