ตอนเช้าวันใหม่
เก็ตส์เนอร์เดินลงมาด้านล่าง เขางัวเงียเพราะพึ่งหลับไปเมื่อเช้ามืด แต่ที่ต้องตื่นเพราะอยากเห็นหน้าหนูน้อยทั้งสองคนอีกครั้งชัดๆ
" คริๆๆๆๆๆ มัมเก่งที่สุด" เสียงสดใสของเด็กผู้หญิงดังอยู่ด้านหลังของวิจัย ด้านหน้าคือเด็กผู้ชาย วิจัยกำลังยืนทำอาหารเช้า ใบหน้ายิ้มแย้มตลอดเวลา เก็ตส์เนอร์มองภาพสามแม่ลูกแล้วรู้สึกเจ็บจี๊ด เพราะเขารู้พลาดไปหลายอย่าง
" วิๆทำไมไม่วางเด็กๆลงไว้ที่เก้าอี้ล่ะ" เก็ตส์เนอร์ถามด้วยความเป็นห่วงและสงสัยในเวลาเดียวกัน วิจัยปลายตามองเล็กน้อยแต่ไม่พูดอะไรออกมา หนูน้อยวาร์เลย์ที่บนด้านหลังมัมวิมองหน้าเก็ตส์เนอร์พลางแลบลิ้นส่งให้เขาและทำแก้มป่องส่งให้ เก็ตส์เนอร์มอวแล้วหมั่นเขี้ยวอยากเอานิ้วจิ้มพุงและเอวขอหนูน้อย
" ยุ่ง !" เสียงสดใสของอีกคนที่อยู่ด้านหน้าของวิจัยดังขึ้นมา เก็ตส์เนอร์อ้าปากค้าง พลางทำหน้าไม่ถูก เพราะเขากำลังโดนเด็กรุม วิจัยทำอาหารต่อไม่สนใจสงครามเล็กๆน้อยๆ
" เสร็จแล้ว" วิจัยพูดออกมาพร้อมกับเดินไปที่โต๊ะ เธอแกะปมผ้าที่มัดออกและอุ้มลูกชายลงนั่งบนเก้าอี้ประจำของหนูน้อย เสร็จแล้วก็เป็นลูกสาว
" เนอร์ช่วย" เก็ตส์เนอร์พูดพร้อมกับเดินเข้ามาเพื่อจะอุ้มหนููน้อยวาร์เลย์ลงจากหลังวิจัย แต่หนูน้อยวาร์เลย์กอดมัมวิแน่นๆส่วนหนูน้อยวาร์เนอร์ลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้กางแขนป้อนเอาไว้ เพื่อขวางทางเก็ตส์เนอร์
" หยุด!" คำพูดสั้นๆจากใบหน้าจิ้มลิ้ม แววตาดุดันน่ากลัว เก็ตส์เนอร์ถึงกับหยุดชะงักและมองหน้าหนูน้อยวาร์เนอร์ เขารู้สึกว่าเขากำลังส่องกระจกเลย เพราะยิ่งมองยิ่งเหมือนเขาในตอนเด็กๆ
" เนอร์นั่งเถอะ " วิจัยบอกเก็ตส์เนอร์พลางช่วยลูกสาวไปนั่งลงบนเก้าอี้ของตัวเอง หนูน้อยวาร์เนอร์นั่งลงเก้าอี้ของตัวเองทันที เก็ตส์เนอร์เดินมานั่งข้างๆวิจัยในหัวของเขากำลังคิดว่าจะเอาชนะใจหนูน้อยทั้งสองคนได้อย่างไง ทั้งสี่คนนั่งทานข้าวกัน เก็ตส์เนอร์ตักอาหารให้หนูน้อยวาร์เนอร์ แต่หนูน้อยวาร์เนอร์ใช้ช้อนเขี่ยออกไปกองที่มุมจาน เก็ตส์เนอร์ถึงกับจุก วิจัยปลายตามองพลางแสยะยิ้มที่มุมปาก
" หึ ! " วิจัยทำเสียงออกจมูกเบาๆ เก็ตส์เนอร์ลองตักให้หนูน้อยวาร์เลย์เช่นกัน แต่อาหารของเขาก็ต้องเป็นหม้ายเพราะมันโดนเขี่ยไปไว้ที่ข้างๆจาน เขามองหน้าของหนูน้อยทั้งสองคนเป็นระยะๆ วิจัยตักอาหารให้หนูน้อยทั้งสองคน หนูน้อยยิ้มกว้างๆพร้อมตักเข้าปากของตัวเองทันที บนโต๊ะอาหารมีการพูดคุยระหว่างสามแม่ลูกแต่เก็ตส์เนอร์เหมือนอากาศธาตุบนโต๊ะอาหาร จนทั้งสี่คนทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว วิจัยยืนล้างจานอยู่ในครัว หนูน้อยทั้งสองคนนอนดูดนมอยู่โซฟาดูการ์ตูนที่ทีวี เก็ตส์เนอร์มองการกระทำของทั้งสามคนนิ่งๆ ก่อนเขาจะเดินเข้ามาในครัว
" เรามีเรื่องต้องคุยกัน เนอร์ไม่ได้โง่" เก็ตส์เนอร์เดินมากระซิบบอกวิจัยที่กำลังล้างจานอยู่ วิจัยปลายตามองเล็กน้อย ก่อนจะหันไปสนใจจานตรงหน้าต่อ เพราะเธอไม่ได้แคร์อะไรกับใครอยู่แล้ว รู้ก็รู้เรื่องของเขา ' เพื่อนคือเพื่น ' จบ
" หือ" วิจัยตอบสั้นๆในลำคอ พร้อมเช็ดมือให้แห้งเพราะล้างเสร็จแล้ว เก็ตส์เนอร์มองการกระทำของวิจัยด้วยความหงุดหงิดในใจ เพราะเธอเปลี่ยนไปมากจริงๆ
หมับ! เขาคว้าข้อของเธอเอาไว้ วิจัยหันหน้ามามองสบตาพร้อมกับรอยยิ้มร้ายที่มุมปาก
" วิกำลังทำให้เนอร์เป็นเหมือนคนโง่" เก็ตส์เนอร์เค้นเสียงรอดไรฟันออกมาเหี้ยมๆ วิจัยบิดข้อมือของเธอออกจากมือของเขา
" เนอร์อย่าลืมสิ เราเป็น ' เพื่อน' กันนะ ' เพื่อน' เนอร์อย่าล้ำเส้นคำว่า' เพื่อน' จนเกินไปสิ" วิจัยพูดออกมาเสียงเรียบ และเน้นย้ำคำว่าเพื่อนที่เก็ตส์เนอร์ใช้กับเธอบ่อยๆให้เขาได้เข้าใจ เก็ตส์เนอร์ขบกรามแน่นๆ สูดหายใจเข้าปอดลึกๆ
" วิจัย!" เก็ตส์เนอร์เรียกชื่อวิจัยเยือกเย็น แต่วิจัยกับยักไหล่ให้และใช่ลิ้นดันสนูสออกมาและคายทิ้งพร้อมกับเปลี่ยนเอาใหม่กลับเข้าไป โดยไม่แคร์ ไม่สนใจสายตาของเก็ตส์เนอร์เลย
" เนอร์อย่ามาสนใจ เพื่อนอย่างวิเลย เพื่อนก็แค่แม่สื่อที่สื่อรักให้เนอร์ได้สมหวัง หรือเนอร์อยากให้วิเป็นแม่สื่อให้อีกแล้วละสิ" วิจัยถามเก็ตส์เนอร์เหมือนประชด พร้อมกับรอยยิ้มเหยียด กับเรื่องราวที่ผ่านมา เก็ตส์เนอร์ถึงกับจุก แน่นหน้าอกหายใจไม่ออก เขามองหน้าของวิจัยด้วยความรู้สำนึกผิดมากๆ
" นั้นมันเมื่อก่อนนะวิ " เก็ตส์เนอร์กลั้นใจพูดออกมาเสียงเรียบ ถึงแม้ด้านในจะรู้สึกเจ็บจี๊ดอย่างบอกไม่ถูก วิจัยแสยะยิ้มร้าย
" อย่ามาสงสารวิ เพราะวิเต็มใจเลี้ยงลูกของวิ พ่อเด็กที่จากไปแล้วกำลังมองดูความเข้มแข็งของวิ เนอร์ควรไปหาครอบครัวที่เนอร์รักและพร้อมจะสร้างครอบครัวด้วยความรักแบบสามีภรรยาโน้น " วิจัยบอกเขาเสียงเรียบ มือกำเข้าหากันแน่นๆ แววตาว่างเปล่า เก็ตส์เนอร์ขบกรามแน่นๆ เขาปลายตามองเด็กๆที่กำลังนอนดูดนอนรอมัมวิอยู่
" ลูกเป็นลูกของเนอร์ด้วย วิอย่ามาโกหกเนอร์แบบนี้" เก็ตส์เนอร์พูดออกมาแบบส่งๆ เพราะเขานอนคิดทั้งคืนว่าต้องใช่แน่นๆ เมื่อสามปีก่อนมันต้องใช่เรื่องจริงแน่ๆ เพราะเขาโล่ง สบายตัว ผู้ชายอย่างเขาได้ปลดปล่อยขนาดนี้มานานจะไม่รู้สึกอะไรเลยคงไม่ใช่ และเขาคิดว่าผู้หญิงที่เขามองเห็นนั้นเป็น ' วิจัย ' แน่ๆ เพราะเธอกับเขาเดินทางกลับมาคอนโดพร้อมๆกัน วิจัยสูดหายใจเข้าปอดลึกๆ
" วิกำลังโกหก เรื่องคืนนั้นเมื่อสามปีก่อนเรามีอะไรกัน วิกำลังสร้างเรื่องให้เนอร์เป็นคนโง่" เก็ตส์เนอร์พูดอย่างมั่นใจ เพราะท่าทางของวิจัยเริ่มเปลี่ยน วิจัยพยายามกำมือที่สั่นเทาเข้าหากันแน่นๆ เธอหันไปมองลูกๆที่นอนดูดนมบนโซฟา
" ใช่แล้วไง เด็กๆเป็นลูกของวิกับเนอร์เเล้วไง" วิจัยถามน้ำเสียงเรียบไร้อารมณ์ พลางเหยียดยิ้มที่มุมปาก
" แต่ลูกๆของวิไม่ได้เกิดจากความรัก" วิจัยพูดเสียงเหี้ยมๆ เธออยากจะบอกว่าลูกๆของเธอเกิดจากความรักของเธอฝ่ายเดียว เพราะแบบนี้เธอถึงเลี้ยงเด็กๆมาตามลำพัง เพราะเธออยากให้ลูกๆของเธอได้ความรักของเธอคนเดียว เก็ตส์เนอร์ถึงกับอึ้งตัวแข็งทื่อ วิจัยปลายตามองเก็ตส์เนอร์ด้วยสายตาว่างเปล่า
" แต่เนอร์ไม่ต้องห่วง กังวลอะไรเรื่องนี้ วิให้ความรักกับลูกๆของวิเอง ความรักของวิมีให้ลูกๆเต็มแน่นอน " วิจัยบอกเก็ตส์เนอร์พร้อมกับเดินจากไป
หมับ! เก็ตส์เนอร์คว้ามือของวิจัยเอาไว้ก่อน
" ทำไมวิไม่อยู่เคลียร์ให้รู้เรื่องล่ะวันนั้น" เก็ตส์เนอร์เสียงอ่อนลง วิจัยแสยะยิ้มที่มุมปาก
" เนอร์ไม่ได้ตั้งใจนะวิ เนอร์พลาด เนอร์คิดว่าเวลล์" วิจัยพูดออกมาเหมือนในละครทีวี เก็ตส์เนอร์อ้าปากค้าง มองหน้าวิจัยด้วยความอึ้งๆ
" เพื่อนกันละดีแล้วเก็ตส์เนอร์ ลูกของวิๆเลี้ยงได้ " วิจัยบอกกับเก็ตส์เนอร์พลางบิดข้อมือของตัวเองออกให้พ้น เก็ตส์เนอร์มองตามหลังของวิจัย
" มัมครับเราไปทำงานกันได้หรือยังครับ" เสียงหนูน้อยวาร์เนอร์ถามมัมวิ วิจัยยิ้มกว้างๆ
" ครับผม " วิจัยตอบเสียงอ่อนโยน พร้อมกับอุ้มลูกๆทั้งสองคนขึ้นและเดินเข้าไปในห้องนอนโดยไม่สนใจจะหันมามองหน้าเก็ตส์เนอร์
' เราเป็นเพื่อนกันไงวิ ' คำพูดสมัยก่อนผุดขึ้นมาในหัวของเก็ตส์เนอร์
' กูกับวิเป็นเพื่อนรัก เพื่อนยอมไม่ทิ้งเพื่อน' คำพูดของเขาผุดขึ้นมามากมาย และมันเป็นเหมือนคำพูดของวิจัยที่ตอนนี้เธอเน้นย้ำให้เขาได้เข้าใจ
' เนอร์อย่าลืมสิ เราเป็น ' เพื่อน' กันนะ ' เพื่อน' เนอร์อย่าล้ำเส้นคำว่า ' เพื่อน' จนเกินไปสิ' คำพูดของวิจัยที่มันทำให้เขาเริ่มย้อนกลับไปคิดมากมาย เพราะเขาทำทุกอย่างที่ผ่านมาเขาเหมือนเพื่อน แต่เขามีแค่เธออยู่ข้างๆ และเขาใช้คำว่า ' เพื่อน' กับเธอตลอดมา แต่เขาขาดเธอไม่ได้เลย เขาอยากมีเธออยู่ข้างๆตลอดไปแบบนี้
' เนอร์อย่าล้ำเส้นคำว่า ' เพื่อน' จนเกินไป' คำพูดของวิจัย เก็ตส์เนอร์คิดขึ้นมาแล้วก็แน่นหน้าอก เขายืนนิ่งๆอยู่ในห้องครัวนาน จนวิจัยเดินออกมาพร้อมกับกับลูกๆ เธอสวมชุดที่ทะมัดทะแมงเพื่อสะดวกในการอุ้มเด็กๆ
" เนอร์จะอยู่ต่อที่นี่ก็เชิญตามสบายนะ วิจะไปทำงานแล้ว" วิจัยบอกเก็ตส์เนอร์ พร้อมกับเดินไปหยิบกระเป๋าเป้อันใหญ่ขึ้นสะพายด้านหลัง เก็ตส์เนอร์มองการกระทำของเธอนิ่งๆ เด็กๆแลบลิ้นปลิ้นตาใส่เขา แต่พอวิจัยหันหน้ากลับไปเด็กๆทำตัวน่ารักมาก เขาถึงกับหมั่นเขี้ยวความดื้อของลูก
" เนอร์จะย้ายมาอยู่ที่นี่กับวิ" เก็ตส์เนอร์บอกกับวิจัยเสียงเรียบ
" อืม ก็แล้วแต่เนอร์เลย เพื่อนอยากอยู่นานเท่าไรก็ได้" วิจัยตอบแบบซิลๆ เพราะถึงเธอจะห้ามเขาๆก็คงดันทุรังอยู่แล้ว เก็ตส์เนอร์ได้ยินคำพูดของเธอแล้วใจเขาเกิดความคิดบางอย่างขึ้นมา
' เพื่อนเลื่อนเป็นผัวได้ไม่เห็นแปลก' เขาคิดในใจ
ครืดๆๆๆ เสียงโทรศัพท์ของวิจัยดังขึ้น เธอล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าพร้อมกับกดรับ
" สวัสดีค่ะคุณโรส" วิจัยกรอกเสียงกลับไปหารีโรสเจ้าสปาที่ใหญ่ที่สุดและดังที่สุดในเมืองไทย
' เวลาเดิมหรือเปล่าคะคุณวิ' เสียงของรีโรสถามวิจัยอย่างรู้ใจ วิจัยยิ้มกว้างๆพลางมองหน้าลูกๆ
" ค่ะ " วิจัยตอบเสียงหวาน
' ค่ะ หนุ่มหล่อพร้อมสำหรับคุณวิค่ะ' เสียงรีโรสเหมือนเอ่ยแซววิจัยๆยิ้มที่มุมปาก พลางคิดถึงไบรอันหมอนวดที่ฝีมือดี
" คริๆๆๆ ค่ะ " วิจัยหัวเราะคิดคัก เด็กมองหน้ามัมวิแล้วยิ้ม
ฟอด! หนูน้อยทั้งสองคนหอมแก้มมัมวิทันที
" เจอกันค่ะคุณโรสเวลาเดิมนะคะ" วิจัยตอบพร้อมกับกดสายวาง หนูน้อยทั้งสองยิ้มกว้างๆ วิจัยอุ้มลูกๆทั้งสองคนขึ้นพร้อมกับจะก้าวเดินจากไป
หมับ! เก็ตส์เนอร์ยื่นมือไปดึงกระเป๋าเป้ของวิจัยเอาไว้ก่อน
" เดี๋ยวเนอร์เอากระเป๋าตามไปมหาลัยเอง" เก็ตส์เนอร์บอกกับวิจัยเสียงอ่อนโยน แววตามีที่มีอะไรซ่อนอยู่ วิจัยและเด็กๆหันมามองหน้าของเก็ตส์เนอร์
" ซิ!" เสียงของหนูน้อยทั้งสองคนหลุดออกมา พร้อมกับใบหน้างอง้ำและทำปากจู๋ใส่เก็ตส์เนอร์ วิจัยถอนหายใจเเรงๆ เธออยากถามเขาว่าเขาต้องการอะไร แต่ไม่ใช่ตอนนี้ เพราะตอนนี้เธอรีบเข้ามาหาลัยไปบรรยาย
" อืม" วิจัยตอบในลำคอ พร้อมปลดกระเป๋าเป้ออก เก็ตส์เนอร์สัมผัสถึงน้ำหนักของกระเป๋าเป้ทันที เขามองหน้าวิจัยทันที พร้อมกับรู้สึกจุกที่ลำคอเพราะมันหนัก วิจัยเดินอุ้มลูกๆออกไปจากห้องทันที โดยไม่หันมามองหน้าของเขาเลยด้วยซ้ำ
" เนอร์จะข้ามคำว่าเพื่อนเอง เนอร์จะไม่ยอมให้ลูกๆของเนอร์และเมียขอเนอร์ต้องลำบาก" เขาพูดพึมพำคนเดียว พร้อมวางกระเป๋าเป้ไว้และเดินขึ้นไปชั้นบน เพื่ออาบน้ำและแต่งตัวตาม วิจัยไปที่มหาลัยของเธอ
มหาลัย
เก็ตส์เนอร์เดินสะพายกระเป๋าเป้ใบใหญ่ของวิจัยเข้ามาในมหาลัย สาวๆที่เป็นนักศึกษาต่างมองเขาและซุบซิบกัน บางคนยิ้มหวานให้เขาอย่างเชิญชวน เก็ตส์เนอร์มองแล้วก็ถอนหายใจแรง เขาแกล้งทำเป็นมองไม่เห็นการกระทำของพวกเธอ เขามองข้ามพวกเธอไปเลย
ตุบ! เก็ตส์เนอร์เดินชนโดยที่เขาไไม่ได้ตั้งตัว เขาประคองร่างที่าชนเขาเอาไว้ เธอซบอกแกร่งของเขาและกอดร่างของเขาแน่นๆ
" อุ๊ย! ขอโทษค่ะ" เสียงหวานของคนในอ้อมกอดเก็ตส์เนอร์ดังขึ้นมา เก็ตส์เนอร์รีบดันร่างของเธอออกไปจากตัวของเขาทันที เขาไม่ได้มองผู้หญิงตรงหน้าแต่เขากวาดสายตามองคนรอบๆ นักศึกษาต่างมองมาที่เขายิ่งสาวๆยิ่มมองกันมากๆ
" พี่มีแฟนหรือยังคะ" สาวนักศึกษาคนหนึ่งเอ่ยถาม พลางยิ้มอย่างเป็นมิตร เก็ตส์เนอร์มองนักศึกษาสาวๆอีกครั้ง พวกเธอกำลังยืนรอฟังคำตอบจากปากของเขาอย่างลุ้นๆ
" ครับ" เก็ตส์เนอร์ตอบอย่างสุภาพ พลางจะเดินจากไป
" คำตอบสั้นจัง" นักศึกษาสาวพูดออกมาเสียงเศร้า เพราะมันมีความหมายสองแง่ ครับแรกคือมีแล้ว ครับที่สองคือไม่มีแต่ตอบพูดไปเพื่อไม่ให้พวกเธอเลิกยุ่งเท่านั้นเอง
" ขอตัวนะครับ" เก็ตส์เนอร์บอกกับสาวๆนักศึกษาที่รุมล้อมเขาอยู่ เขาเดินฝ่าวงล้อมออกไปทันที สาวๆนักศึกษามองตาหลังอย่าเสียดาย เพราะเมื่อวานพวกเธอก็เห็นเขามาที่นี่ วันนี้ก็มาแล้วมาหาใครล่ะ ทุกคนเกิดคำถามในใจ เก็ตส์เนอร์รีบเดินตรงไปที่ลิฟต์ก่อนประตูลิฟต์จะปิด
" รอด้วยครับ" เขาร้องเรียกเพื่อให้คนในลิฟต์กดลิฟต์รอเขา เก็ตส์เนอร์ยิ้มพลางก้าวเดินมาเร็วๆเขาก้าวเข้ามาในลิฟต์ทันที
" ขอบคุณครับ" เก็ตส์เนอร์กล่าวคำขอบคุณโดยไม่ได้มองคนมนลิฟต์ เพราะเขาคิดว่าเป็นนักศึกษาแน่ๆ
ติ่งๆ เสียงสัญญาณประตูลิฟต์ดังพร้อมกับเปิดออก เขาก้าวเดินออกจากลิฟต์พร้อมๆกันกับคนในลิฟต์ เก็ตส์เนอร์เดินตรงไปที่ห้องทำงานของวิจัย เขากำลังจะยกมือขึ้นเคาะประตูของเธอแต่มีคนเคาะแทนแล้วเรียบร้อย
ก๊อกๆๆๆ เก็ตส์เนอร์หันหน้าไปมองคนที่เดินตามเขาออกมาจากลิฟต์ ผู้ชายคนนั้นยิ้มให้เขา
" มาหาวิเหรอครับ" เสียงผู้ชายที่เคาะประตูถามเก็ตส์เนอร์ๆถึงกับอึ้งแต่เขาพยักหน้าให้เล็กน้อย มนัสยิ้มและดันประตูเปิดเข้าไปในห้อง
" คุณลุงนัส" เสียงสดใสเรียกมนัสอย่างคุ้นเคยกันมากๆพร้อมกับใบหน้าจิ้มลิ้มเต็มไปด้วยรอยยิ้มสดใส เก็ตส์เนอร์เห็นแล้วเกิดความอิจฉาขึ้นมา เขาอยากได้รอยยิ้มนี้จากลูกๆเช่นกัน
" พี่นัส" เสียงวิจัยเอ่ยทักทายมนัสอย่างคุ้นเคยอีกคน เก็ตส์เนอร์ยิ่งอึ้ง เขามองหน้าของเธอสลับกับมนัสที่ยิ้มให้กัน เก็ตส์เนอร์ขบกรามแน่นๆ มือกำเข้าหากัน
" พี่นัสมีงานเเถวนี้หรือคะ" วิจัยถามพร้อมกับรอยยิ้มหวานที่แม้แต่ก่อนเก็ตส์เนอร์ไม่เคยได้รับ แต่ตอนนี้ไม่มีแม้แต่รอยยิ้มหรือคำพูดหวานๆเลย เพราะตั้งแต่เขาเจอวิจัย เขาได้รับคำพูดแข็งกระด้าง ประชดประชัน
" ครับ พี่เลยแวะมาหาเด็กๆซื้อขนมมาฝากด้วย" มนัสตอบวิจัย พลางยื่นถุงขนมให้วิจัย เพราะเขารู้ดีว่าเด็กๆไม่มีทางรับของๆเขาแน่นๆ นอกจากให้วิจัยแล้วเด็กๆถึงจะทาน วิจัยยิ้มพลางยื่นมือไปรับถุงขนมมา เก็ตส์เนอร์ก้มลงมองที่มือของทั้งสองคน เขายิ่งหงุดหงิดไม่พอใจ
" คุณลุงนัสน่ารักที่สุดเลยค่ะ" เสียงสดใสของหนูน้อยวาร์เลย์พูดขึ้น วิจัยและมนัสหันไปมองด้วยความแปลกใจ เพราะไม่คิดว่าจะได้ยินคำนี้มาก่อน เก็ตส์เนอร์ถึงกับใจหายเพราะลูกชมคนอื่นต่อหน้าของเขา
" งั้นลุงไปก่อนนะครับเด็กๆ" มนัสบอกพร้อมกับหันมามองหน้าวิจัย เขายิ้มด้วยควาดีใจที่เด็กๆเริ่มเปิดใจให้เขาแล้ว วิจัยยิ้มหวานให้มนัส
" สวัสดีครับ/ค่ะลุงนัสสุดหล่อ" หนูน้อยทั้งสองคนพูดออกมาพร้อมๆกัน มนัสยิ่งยิ้มกว้างๆมากกว่าเดิม
" วันนี้ลุงต้องโชคดีแน่ๆเลย" มนัสเอ่ยแซวเด็กๆวิจัยกลั้นขำ มนัสเดินผ่านเก็ตส์เนอร์ออกไปจากห้องทันที เด็กๆหันมามองหน้าเก็ตส์เนอร์ พลางทำหน้างอใส่ไม่ชอบหน้าของเขา
' นี้แด๊ดนะลูก แด๊ด' เขาพลางคิดในใจ วิจัยส่ายหน้าพลางเดินไปหยิบกระเป๋าเป้มาจากเก็ตส์เนอร์เพื่อเอานมให้ลูกๆเพราะเด็กบ่นว่าหิวนานแล้ว
???? สู้ๆๆพี่เนอร์ ???