เออว่าแต่ฉันเป็นคนไทยไม่ใช่หรอ? ทำไมฉันคุยกับเขารู้เรื่อง? หรือเพราะว่านิยายมันเป็นภาษาไทยอยู่แล้วงี้หรอ? เอ้อ งง -.-?
“คุณหนูเจ้าคะ...ท่านจำนางมิได้ด้วยหรือเจ้าคะ” ชิงชิงพุ่งมาถามฉันทันทีที่ประตูห้องปิดลง ฉันส่ายหน้าตอบทำให้ชิงชิงขมวดคิ้วเป็นปม
“แม้ภายนอกนางจักดูใจดีแต่ความจริงแล้วนางมิยินดีเลยสักนิดที่ท่านแต่งเข้าจวนมาเจ้าค่ะ” ชิงชิงป้องปากเล่าเสียงเบา
“หืม? ทำไมล่ะ” ฉันถามพร้อมกับเอียงหูไปทางชิงชิง
“เพราะนางกับท่านอ๋องเป็นญาติกันเจ้าค่ะ นางหลงรักท่านอ๋องมาตั้งแต่ยังเยาว์ท่านปู่ของนางที่เป็นอัครเสนาบดีฝ่ายขวาจึงทูลขอพระราชทานสมรสกับฮ่องเต้ ฮ่องเต้เอ็นดูนางเลยพระราชทานสมรสให้ แต่พอแต่งเข้ามาท่านอ๋องกลับมิค่อยเอาใจใส่นางแถมยังทูลขอแต่งท่านเข้าจวนอีกนางเลยมิพอใจมากเจ้าค่ะ ตอนที่ท่านจมน้ำบ่าวช่วยขึ้นมานางยังบอกว่าท่านมิหายใจแล้วให้ไปเอาโลงมาใส่ร่างท่านได้เลย แต่ท่านอ๋องมาพอดีจึงให้หมอหลวงมารักษาแล้วช่วยชีวิตของท่านไว้ได้ทันเจ้าค่ะ” ชิงชิงเล่าถึงเหตุการณ์ที่จมน้ำให้ฉันฟัง ทำไมยัยนี่ใจเสาะจังแค่คนรักแต่งงานเอง ก็หาใหม่สิคะ!!
“ว่าแต่คุณหนูท่านหิวหรือไม่เจ้าคะท่านหลับไปตั้ง 3 วันเต็มๆ มิได้กินดื่มอันใดเลยก่อนหน้านั้นก็ตรอมใจจนซูบผอมไปหมด” ชิงชิงมองหน้าฉันอย่างเป็นห่วง
“ก็ดีนะ พอธะ...เจ้าพูดขึ้นฉะ...ข้าก็เริ่มหิวแล้ว” ฉันต้องพูดแบบเขาสินะ ไม่งั้นเดี๋ยวหาว่าฉันแปลกอีก
“งั้นข้าจักไปบอกโรงครัวให้เตรียมอาหารให้คุณหนูนะเจ้าคะ” ชิงชิงบอกกับฉันก่อนจะรีบออกจากห้องไปทันที
ไม่นานนักหลังจากนั้นอาหารมากมายก็มาวางเต็มโต๊ะตรงหน้าฉัน ฉันมองอาหารเหล่านั้นพลางกลืนน้ำลายเอื้อกใหญ่ ท่าทางร่างนี้จะหิวจริงๆ เพราะถ้าเป็นตัวฉันที่เป็นต้นข้าวล่ะก็เพิ่งกินอิ่มมาหยกๆ
“เชิญเลยเจ้าค่ะคุณหนู” ชิงชิงยื่นตะเกียบมาให้ฉัน ฉันรับตะเกียบมาพลางคีบอาหารต่างๆ เข้าปาก
“ทำไมมันจืดขนาดนี้เนี่ย ขอผัดผักบุ้งไฟแดงกับกะเพราแซ่บๆ ได้มั้ยอ่ะ” ฉันบ่นอุบเมื่ออาหารสัมผัสลิ้น รสชาติที่มีแต่ความมันและเลี่ยนน้ำมันทำให้ฉันแทบคายทิ้ง
“ปกติอาหารเหล่านี้ท่านโปรดปรานยิ่งนักนะเจ้าคะใยตอนนี้จึงมิชอบแล้ว” ชิงชิงที่ยืนอยู่ข้างฉันทำหน้างงทันที
“มันจืดสนิทขนาดนี้จะกินลงได้ไงเล่าหญ้ายังมีรสชาติมากกว่าอีกมั้ง”
“ใยท่านถึงจักกินหญ้าล่ะเจ้าคะ ท่านไม่ใช่ม้าสักหน่อยคุณหนู” ชิงชิงถามขึ้นอีกรอบ โอ๊ยยยย ถามมากจริงไม่รู้จักคำว่าประชดหรือไงยะ -*-
“อันนี้ไม่อร่อยเลย...” ฉันผลักจานผักให้ออกห่างจากตัวกับยกถ้วยน้ำที่วางข้างๆ ขึ้นมาดื่ม
“แค่กๆๆๆๆ อี๋ขมปี๋เลย นี่มันอะไรเนี่ย” ฉันสำลักทันที
“นี่ยาเจ้าค่ะ ท่านหมอกำชับว่าถ้าท่านตื่นแล้วให้นำยานี้ให้ท่านดื่มติดต่อกัน 3 วัน”
“ห๊ะ! 3 วัน! โอ๊ยยยยฆ่าฉันให้ตายเถอะถ้าจะขมแบบร้องขอชีวิตขนาดนี้”
“แค่ดื่มยาเองเจ้าค่ะ มิตายๆ งั้นท่านลองชิมนี่ดูนะเจ้าคะคุณหนูอันนี้เป็นเนื้อแพะย่างเจ้าค่ะ ท่านโปรดปรานเมนูนี้มากที่สุดในบรรดาอาหารที่อยู่บนโต๊ะนี้ทั้งหมด” ชิงชิงยกจานเนื้อย่างมาวางตรงหน้าฉัน ห๊ะ! เนื้อแพะ? นี่ไม่มีอะไรจะกินกันแล้วหรอหมูเห็ดเป็ดไก่ทำไมไม่กิน?
“พอกินได้ แต่กลิ่นแรงไปหน่อย” ฉันคีบเนื้อแพะย่างที่ชิงชิงยื่นมาให้เข้าปากอย่างเสียไม่ได้ อื้ม รสชาติไม่แย่มีความเค็มนิดๆ เผ็ดหน่อยๆ แต่กลิ่นค่อนข้างแรงแล้วก็ค่อนข้างแห้ง คล้ายเนื้อทอดแดดเดียวหน้าปากซอยที่ฉันชอบกินเลยแต่อันนี้เทียบไม่ติด
หลังจากกลั้นใจฝืนกินข้าวจนอิ่มท้องและฝืนใจกลืนยาที่เหลือในถ้วยจนหมด ชิงชิงก็ยกถ้วยชามต่างๆ ไปเก็บ ยังดีนะที่ถึงจะทะลุมิติมาแต่ฉันก็ยังมีคนรับใช้สะดวกสบายไม่ต้องทำอะไรเอง ไม่อยากคิดเลยว่าถ้ามาแล้วเป็นสาวใช้หรือนักโทษในคุกจะเป็นยังไงแค่คิดก็สยองแล้ว อึ๋ยยยยย~
“ท่านนอนพักเถิดเจ้าค่ะคุณหนู ข้าจักเฝ้าท่านเองเจ้าค่ะ” ชิงชิงเดินเข้ามาปิดประตูห้องพลางพาฉันกลับไปนั่งที่เตียง ฉันไม่ได้ป่วยขนาดที่ต้องพยุงขนาดนั้นป่ะ =_=
“ฉะ...ข้าอยากออกไปเดินเล่นข้างนอก” ฉันบอกกับชิงชิง
“ไว้ท่านหายดีก่อนเถิดเจ้าค่ะ ท่านเพิ่งจักฟื้นมาขืนออกไปตากลมเย็นข้างนอกท่านจักมิสบายอีก ข้าจะโดนโบยเอาได้” ชิงชิงพูดขึ้น
“ทำไมต้องโดนโบย?” ฉันทำหน้าสงสัย
“ข้าเป็นสาวใช้ของท่าน หากมิดูแลปรนนิบัติท่านให้ดีข้าก็จักโดนลงโทษด้วยการโบยเจ้าค่ะ ครั้งเมื่อท่านตกน้ำข้าก็เกือบจักโดนโบยเพียงแต่ตอนนั้นท่านใช้ให้ข้าไปเอาขนมมาให้จากโรงครัว ท่านอ๋องจึงมิสั่งโบยข้า” ชิงชิงทำหน้าเศร้าเมื่อนึกถึงเหตุการณ์นั้น
“ธะ...เจ้าดูรักจางจินเยว่มากเลยนะ” ฉันสัมผัสได้ถึงความหวังดีที่ชิงชิงมีต่อจางจินเยว่จริงๆ
“ไฉนท่านจึงเอ่ยถึงตนเองห่างเหินเช่นนั้นเล่าเจ้าคะ อีกอย่างข้ากับท่านโตมาด้วยกันแน่นอนว่าความภักดีนี้ข้าย่อมสามารถตายแทนท่านได้” ชิงชิงหันมาพูดกับฉันอย่างแน่วแน่
“ขอบใจนะชิงชิง” ฉันยิ้มให้ชิงชิงพลางยกมือขึ้นลูบหัวเธอเบาๆ ชิงชิงทำหน้าตกใจเล็กน้องก่อนจะคุกเข่าลงที่พื้น
“ข...ขออภัยที่บังอาจทำตัวเทียบท่านนะเจ้าคะ ชิงชิงมิเคยคิดเป็นอื่นนอกจากความภักดีที่มีให้เจ้าค่ะ” ชิงชิงหมอบลงกับพื้นตัวสั่นทำให้ฉันต้องรีบลงไปพยุงเธอให้ลุกขึ้นมา
“เป็นอะไรไป? เมื่อกี้ยังดีดีอยู่เลย” ฉันถามออกไป ชิงชิงมองหน้าฉันเล็กน้อยก่อนจะหลุบตาลงต่ำ
“ท...ที่ผ่านมาเวลาคุณหนูลูบหัวข้านั่นหมายถึงท่านมิพอใจเจ้าค่ะ ท่านจักสั่งลงโทษข้าเมื่อท่านรู้สึกว่าข้าทำตัวเทียบท่านที่เป็นนาย ข้ามิเคยคิดทำตัวเทียบท่านเลยนะเจ้าคะข้ารู้ดีว่าข้าเป็นเพียงบ่าวรับใช้” ชิงชิงพูดขึ้นมาพลางจ้องมาที่ฉันน้ำตาคลอก่อนจะหมอบลงพื้นเหมือนเดิม
ยัยจางจินเยว่นี่ทำร้ายบ่าวรับใช้ด้วยหรอ? แบบนี้ยัยนี่ก็ไม่ใช่คนดีที่น่าสงสารอย่างที่เขียนไว้ตอนแนะนำตัวละครสิ
“ฉะ...ข้าจะไม่ทำเช่นนั้นกับเจ้าอีกแล้วชิงชิง ข้าสัญญา” ฉันพูดปลอบพลางจับไหล่ชิงชิงให้ลุกขึ้นนั่ง
“จ...จริงหรือเจ้าคะ...” ชิงชิงเงยหน้ามามองฉันแววตาสั่นระริกด้วยความรู้สึกที่ไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง
“อื้ม...จริงสิ ต่อไปนี้ข้าสัญญาว่าจะปฏิบัติกับเจ้าเช่นสหาย เช่นคนในครอบครัวของข้า” ฉันยิ้มให้และเอื้อมมือเช็ดน้ำตาบนแก้มของชิงชิง
“ขอบคุณเจ้าค่ะคุณหนู ชิงชิงขอสาบานว่าจักจงรักภักดีต่อท่านไปชั่วชีวิต” ชิงชิงจะก้มลงคำนับฉันอีกรอบแต่ฉันไม่ให้เธอทำ
“เอาล่ะๆ ตอนนี้ในจวนมีแค่เจ้ากับข้าที่สามารถพึ่งพากันได้ด้วยใจจริง เรามาหาทางออกของปัญหานี้กันดีกว่า” ฉันเริ่มพูด
“ท่านหมายความว่าอย่างไรเจ้าคะคุณหนู” ชิงชิงเอียงคอถามอย่างสงสัย
“ข้าอยากหย่าและออกจากจวน” ฉันกระซิบบอก
“อะไรนะเจ้าคะ!!” ชิงชิงตาโตทันทีที่ได้ยิน
“ชายารองเจ้าเป็นอย่างไรบ้างหลี่อันบอกข้าว่าเจ้าฟื้นแล้ว” เสียงดังมาจากข้างนอกทำให้เราสองคนหันไปมองทันที