บทนำ

2593 คำ
“ไอ้ข้าว ไอ้ข้าวว้อย ลงมากินข้าวได้แล้วจะนอนกินบ้านกินเมืองไปถึงไหน” เสียงแม่ตะโกนดังมาจากข้างล่าง “อือ...ไม่อาววววว” ฉันงัวเงียตอบพลางหันไปนอนต่อพร้อมกับยกหมอนขึ้นปิดหู “ถ้าเอ็งไม่ตื่นแม่เทข้าวให้หมาหมดนะ” แม่ตะโกนขึ้นมาอีกรอบ “เดี๋ยวลงปายยยยย งืมๆๆๆๆ” ฉันจำใจต้องลุกขึ้นมาอย่างไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่เพราะไม่งั้นฉันไม่มีข้าวกินแน่ๆ “ลงมาได้สักทีนะไอ้ลูกหมา” แม่ทักทันทีที่ฉันลงมานั่งที่โต๊ะหลังจากที่อาบน้ำแต่งตัวเสร็จ “อ้าวใครเป็นหมาอ่ะ พ่อหรือแม่ คิกๆๆๆ” ฉันตอบกวนประสาทแม่ไป “เดี๋ยวเหอะๆ เดี๋ยวได้หัวแบะก่อนไปสัมภาษณ์งาน” แม่หันมามองฉันพร้อมกับยกตะหลิวในมือชี้หน้าฉัน “โหยแม่เอาน่า เดี๋ยวลูกสาวแม่ก็ได้งานเองแหละ เรื่องแบบนี้มันต้องใจเย็นๆ สิ” ฉันบอกกับแม่พลางตักข้าวเข้าปาก “ใจเย็นกับผีอะไรล่ะ เอ็งเรียนจบมา 2 ปีแล้วยังหางานการที่เป็นหลักแหล่งไม่ได้เลย แล้วไอ้ที่ไปทำพาร์ทไทม์อะไรนั่นก็ใช่ว่าจะได้เงินเยอะ จะมั่นคง” แม่พูดขึ้นพร้อมกับยกจานผัดผักมาวางไว้ที่โต๊ะ “เอาน่าแม่ ถึงมันจะไม่ได้เงินเยอะ ไม่ใช่งานประจำแต่มันก็ทำแก้ขัดไปก่อนได้แต่งานที่ข้าวทำก็ถือว่าพออยู่ได้ระดับนึงนะแม่” ฉันบอกกับแม่พร้อมกับยกแก้วน้ำขึ้นมาดื่ม “เอกสารอะไรเตรียมไปครบแล้วใช่มั้ย?” แม่ถามฉัน ฉันพยักหน้าพร้อมกับชูแฟ้มเอกสารในมือให้แม่ดู “งั้นข้าวไปก่อนนะแม่” ฉันลุกขึ้นพร้อมกับโบกมือให้ผู้เป็นแม่ที่กำลังล้างกระทะอยู่ “เออๆๆ ขอให้ได้งานเว้ย” แม่ตะโกนไล่หลังฉันมา สวัสดีค่ะทุกคน ฉันชื่อต้นข้าว สาวน้อยวัยใสอายุเพียง 23 ปี เรียนจบมาแล้วแต่ยังหางานประจำทำไม่ได้ช่วงเวลาที่ยังไม่ได้งานเลยต้องหางานพาร์ทไทม์ทำไปเป็นเด็กเสิร์ฟในร้านคาเฟ่ธีมจีนโบราณแถวบ้าน ซึ่งฉันชอบนะได้แต่งชุดสวยๆ แต่ความรู้ทางด้านจีนของฉันนี่ติดลบเลยเพราะฉันไม่รู้อะไรเกี่ยวกับจีนเลนสักนิดเพราะส่วนมากฉันชอบนอนมากกว่าวันหยุดนี่คือนอนทั้งวันยังได้ นั่นแหละทำให้แม่ชอบบ่นว่าฉันนอนกินบ้านกินเมือง -0- จนเมื่อวานเพื่อนที่คาเฟ่แนะนำฉันว่าฉันควรหานิยายแนวจีนโบราณมาอ่านบ้างเผื่อจะได้เอามาปรับใช้ตอนทำงานซึ่งมันก็เป็นความคิดที่เข้าท่าดีแต่ด้วยความขี้เกียจของฉันคงต้องหาวันหยุดและวันที่อยากอ่านจริงๆ โน่นแหละถึงจะอ่าน -.- “ถ้ายังไงแล้วเราจะแจ้งผลให้ทราบผ่านทางอีเมล์นะคะ” ฝ่านบุคคลที่ทำหน้าที่สัมภาษณ์งานฉันแจ้งเมื่อการสัมภาษณ์สิ้นสุดลง ฉันมาสมัครงานในตำแหน่งพนักงานบัญชีเพราะเรียนจบบัญชีมาแต่ความจริงฉันก็ไม่ได้มีความชอบด้านนี้หรอกแค่ดันสอบติดแล้วไม่อยากเสียเวลาสอบใหม่ฉันเลยเข้าเรียนทั้งที่ไม่รู้เลยว่าบัญชีมันคืออะไร ขอสารภาพตามตรงเลยว่าเมื่อก่อนฉันเข้าใจมาตลอดว่าบัญชีจะต้องทำงานธนาคารเท่านั้น -0- พอเข้ามาเรียนจริงถึงได้รู้ว่าบัญชีคือทำงานได้ทุกสายตั้งแต่ข้าราชการยันเอกชนหรือแม้แต่เปิดบริษัทเพื่อรับทำบัญชีโดยเฉพาะ “ขอบคุณค่ะ” ฉันยกมือไหว้หัวหน้าฝ่ายบุคคลและหัวหน้าฝ่ายบัญชีที่มาสัมภาษณ์ฉันก่อนที่พวกเขาจะลุกออกไปและฉันเดินตามออกมา “หู่วววว จะได้งานมั้ยเนี่ย” ฉันบ่นกับตัวเองเมื่อเดินออกมาถึงหน้าบริษัท ฉันเดินมาตามทางเดินเท้าเพื่อไปยืนรอรถเมล์สายที่จะกลับบ้าน ด้วยความที่เมืองไทยนั้นอากาศร้อนทำให้ตอนนี้เหงื่อของฉันผุดขึ้นมาเต็มหน้าและชุ่มหน้ากากอนามัยที่สวมไปหมดแล้ว “แดดประเทศไทยเนี่ยนะอย่างกับซ้อมตกนรก” ฉันบ่นอุบพลางมองจ้องขึ้นไปบนท้องฟ้าที่มีดวงอาทิตย์กลมโตส่องแสงลงมา วันนี้ท้องฟ้าเปิดมากไม่มีเมฆ ไม่มีลม มีแต่ฉันนี่แหละที่จะเป็นลมแทน เห้อออ “เป็นไงบ้างข้าว เขาว่ายังไงบ้าง” แม่ฉันที่นั่งดูทีวีอยู่หันมาถามฉันทันทีที่ฉันเดินเข้ามาในบ้าน “ไม่รู้อ่ะแม่ เขาบอกว่าจะติดต่อมาทีหลัง” ฉันตอบแม่พร้อมกับเดินไปเปิดตู้เย็นเพื่อดื่มน้ำดับความร้อนในร่างกาย “คงได้ยากแล้ว หาสมัครที่อื่นเถอะข้าว” แม่พูดขึ้นเพราะที่ผ่านมาฉันก็เจอคำตอบแบบนี้หมดคือจะติดต่อกลับมาทีหลังแต่ก็ไม่เคยได้รับอีเมล์ตอบกลับจากที่ที่ไปสัมภาษณ์งานเลยสักครั้ง “รู้แล้วน่าเดี๋ยวข้าวจะลองหาดู ข้าวจะออกไปร้านแล้วนะแม่” ฉันบอกกับแม่พลางยกจานแอปเปิ้ลที่แม่ปอกแช่เย็นไว้ให้มานั่งกิน "เออๆ ไปเถอะเลิกงานแล้วก็รีบกลับอย่าไหลไปไหนต่อ” แม่หันมาจ้องฉัน “โห่ แม่นี่ลูกนะไม่ใช่ปลาดุก พูดซะ” “เออๆ ไปได้แล้วไปเสียเวลาดูทีวีหมด” แม่พูดไล่ฉัน “ไปแล้วน่า” ฉันพูดพร้อมกับเดินออกจากบ้านไปเพื่อไปร้านที่ฉันทำพาร์ทไทม์อยู่ “ไงต้นข้าว สัมภาษณ์งานเป็นยังไงบ้าง” ทอฝันเพื่อนสนิทในที่ทำงานเอ่ยทักฉันทันทีที่ฉันเดินเข้ามาในห้องแต่งตัว ยัยนี่แหละที่แนะนำให้ฉันหานิยายจีนมาอ่านเพื่อเอาคาเรคเตอร์ของตัวละครมาปรับใช้ในการทำงาน แถมยัยนี่ยังคลั่งรักนิยายแนวจีนโบราณหรือจอมยุทธ์เทพเซียนอะไรเป็นที่สุดจนลุกลามไปถึงซีรีย์ที่เรียกได้ว่ายัยนี่เป็นติ่งที่พอคุยเรื่องพวกนี้ทีไรจะพูดยืดยาวเป็นหางว่าวกันเลยทีเดียว “ไม่รู้อ่ะ เขาบอกจะติดต่อมาทีหลังแต่ก็อาจจะเหมือนที่ก่อนๆ ที่หายเงียบไปเลยก็ได้” ฉันตอบทอฝันพลางหยิบชุดที่จะต้องใส่ในวันนี้ไปเปลี่ยน ชุดของร้านจะเป็นการเปลี่ยนกันใส่จะมีตารางว่าอาทิตย์นี้ใครใส่สีไหนชุดแบบไหน นั่นเป็นสาเหตุให้ที่ร้านคัดพนักงานที่หุ่นใกล้เคียงกันมาเป็นพนักงานที่ทำหน้าที่ดูแลลูกค้าหน้าร้าน ซึ่งวันนี้ชุดของฉันจะเป็นฮั่นฝูสีเขียวอ่อนแบบมัดเกาะอกพร้อมกับมีเสื้อคลุมสีเดียวกันบางๆ คลุมทับ ส่วนชุดของทอฝันวันนี้จะเป็นชุดแนวจอมยุทธ์หญิงสีดำแดงที่ฉันใส่ไปเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว “มาๆ แต่งหน้าได้แล้ว” ทอฝันเรียกฉันให้มานั่งแต่งหน้าเมื่อฉันเปลี่ยนชุดออกมาเสร็จ “วันนี้แกลุคเหมือนคุณหนูผู้อ่อนหวานในจวนเพราะงั้นฉันจะแต่งหน้าให้แกแบบหวานๆ ให้ดูน่ารักน่าถนุถนอม” ทอฝันจับไหล่ฉันแล้วพูดขึ้นตาวาว ยัยนี่เก่งทุกอย่างทั้งการทำผมแต่งหน้า จัดระเบียบชุดซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ฉันไม่ถนัดสักอย่าง ขนาดอยู่นี่มา 2 ปีแล้วฉันยังแต่งชุดไม่เรียบร้อยเลยต้องให้ทอฝันแต่งหน้าทำผมจัดชุดให้ตลอด “ตามใจแกเลยจ้า ยังไงฉันก็แต่งหน้าสไตล์นี้ไม่เป็นอยู่แล้ววันนี้รบกวนท่านจอมยุทธ์ด้วยนะเจ้าคะ คิกๆๆ” ฉันบอกกับเพื่อนตรงหน้าพลางขำเบาๆ ทอฝันเองก็แอบขำกับคำพูดของฉัน “ใกล้เสร็จแล้ว เดี๋ยวขอวาดจินเตี่ยนให้แกนิดนึงก่อนนะ” ทอฝันบอกฉันที่กำลังหลับตาให้เพื่อนละเลงหน้าได้เต็มที่ “เสร็จแล้วแก ลืมตาได้” ทอฝันพูดจบฉันก็ลืมตามองตัวเองในกระจก ว้าวววว ยัยนี่แต่งหน้าให้ฉันสวยทุกครั้งเลยจากปกติหน้าจะออกไปทางห้าวแต่พออยู่ในชุดนี้บวกกับการแต่งหน้าของทอฝันแล้วฉันกลายเป็นสาวน้อยผู้บอบบางไปเลยอ่ะ เริ่ดเว่อร์ ทางด้านทอฝันเองก็รวบผมมัดสูงและแต่งหน้าจัดกว่าฉันเล็กน้อยเพื่อให้เข้ากับชุดที่เธอใส่ในวันนี้ที่ต้องให้ดูดุและน่าเกรงขามไปในตัวหลังจากนั้นก็ช่วยกันเปิดร้านรอคนอื่นๆ ที่กำลังแต่งตัวอยู่ในห้องก่อนที่เราจะเริ่มงานกัน “ฮ๊าาาาา เหนื่อยชะมัดวันนี้ฉันรับลูกค้าเยอะมากอ่ะ” ฉันบ่นอุบทันทีที่เราปิดร้านเสร็จในขณะที่คนอื่นๆ เริ่มทยอยกลับกันแล้วมีแค่ทอฝันและฉันที่เป็นเวรเก็บร้านเลยเพิ่งได้เข้ามาเตรียมเปลี่ยนชุดกลับ “ก็วันนี้แกน่ารักเป็นพิเศษไง ลูกค้าเลยเรียกแต่แกไม่ดีหรอวันนี้แกได้ทิปมือเยอะเลยนะ” ทอฝันหันมาบอกฉันพลางเช็ดเครื่องสำอางออกจากหน้า ร้านคาเฟ่ที่ฉันทำงานอยู่ลูกค้าค่อนข้างเข้าเยอะด้วยความแปลกใหม่ของร้าน พนักงานอย่างพวกฉันเองก็ต้องดูแลให้ลูกค้าประทับใจหากลูกค้าพึงพอใจในการเอนเตอร์เทนของพวกเราก็สามารถให้ทิปมือได้ และนอกจากนี้ยังมีทิปรวมด้วย ส่วนทิปมือที่ได้มาก็ต้องมาหักเปอร์เซ็นเข้าทิปรวมเผื่อไว้เฉลี่ยให้คนที่ทำงานหลังร้านด้วย “แต่ฉันก็เหนื่อยมั้ยล่ะ ทำไมลูกค้ามากองกันอยู่โซนฉันก็ไม่รู้” ฉันบ่นอีกรอบก่อนจะเข้าไปเปลี่ยนชุด “ก่อนกลับเราต้องเอาชุดไปส่งซักก่อนนะแก ช่วยฉันหอบด้วย” ทอฝันรีบเบรคฉันทันทีเมื่อเห็นว่าฉันจะรีบชิ่งไปก่อนเธอ “รู้น่า แกอ่ะรีบไปเปลี่ยนชุดได้แล้วฉันจะได้รีบกลับบ้าน คุณนายแม่สั่งการมาว่าอย่าไหลไปเรื่อย” ฉันพูดอย่างเซ็งๆ “ป่ะๆ เอาชุดไปซักแกจะได้รับกลับไปปรนนิบัตินายแม่กับพี่ชาย55555” ทอฝันเดินออกมาจากห้องเปลี่ยนชุดบอกกับฉันก่อนจะหัวเราะออกมา เราทั้งคู่หอบชุดออกมาเพื่อเอาไปส่งร้านซักรีดข้างๆ ที่เขาจะรับซักชุดร้านเราประจำพอวันต่อมาจะเข้าทำงานคนที่มาก่อนคนแรกจะต้องไปรับชุดเข้าไปเก็บในร้านไว้ ซึ่งวันนี้ทอฝันมาถึงร้านก่อนฉันก็เป็นหน้าที่ทอฝันที่ต้องหอบชุดเข้าไปแขวนในร้าน “ฉันกลับแล้วนะ แกก็กลับบ้านดีๆ ล่ะ” ฉันโบกมือลาทอฝันที่หน้าร้านซักรีด “ฉันยังไม่ได้กลับบ้านอ่ะมีนัดตี้ต่อกับผู้ พรุ่งนี้วันหยุดแกอย่าลืมหานิยายอ่านนะ จะได้ทำตัวให้ตรงกับชุดที่ใส่บ้าง” ทอฝันบอกกับฉันพร้อมโบกมือให้ก่อนจะเดินขึ้นรถแท็กซี่ไป บ้านฉันอยู่ไม่ไกลจากร้านมากนักเลยสามารถเดินมาทำงานได้แถมกลางคืนทางก็ไม่เปลี่ยวด้วย ฉันจึงเดินกลับบ้านได้สบายมาก บ้านฉันอยู่กัน 3 คนคือ แม่ พี่ชาย แล้วก็ฉัน ส่วนพ่อกับแม่แยกทางกันตั้งแต่ฉันอายุได้ 17 ปีเพราะพ่อมีคนใหม่และทำร้ายร่างกายแม่ เราเลยต้องอยู่ด้วยกัน 3 คนแม่ลูกตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา พี่ชายฉันอายุห่างฉัน 7 ปีตอนนี้รับราชการเป็นตำรวจอยู่ ความจริงพี่ชายฉันแต่งงานมีลูกแล้ว มีที่อยู่ที่ทางหน่วยงานจัดให้แต่ก็ไปๆ มาๆ ที่บ้านฉันกับบ้านตัวเองทุกอาทิตย์ซึ่งวันนี้ก็เป็นวันที่พี่ชายฉันต้องกลับบ้าน “กลับมาแล้วหรอไอ้แสบ เป็นไงเหนื่อยมั้ย” พี่ต้นน้ำพี่ชายของฉันร้องทักทันทีที่ฉันเปิดประตูบ้านเข้ามา “ถ้าไม่กลับมาพี่จะเห็นหรอ คิกๆๆ” ฉันพูดพร้อมกับทำหน้ากวนพี่ชาย “เดี๋ยวเหอะๆ ไอ้น้องคนนี้นี่” พี่ต้นน้ำง้างมือขึ้นสูงก่อนจะยีผมฉันจนฟู “ผมข้าวยุ่งหมดแล้วเนี่ย” ฉันจับแขนพี่ชายไว้ไม่ให้ยีผมฉันต่อ พี่ต้นน้ำหัวเราะออกมาเบาๆ “แม่นอนแล้วหรอ?” ฉันหันไปมองที่โซฟาหน้าทีวีที่ปกติแม่ชอบนั่งดูรอฉันกลับจากทำงาน “เพิ่งขึ้นไปน่ะ แล้วนี่กินอะไรมาหรือยังแม่ทำกับข้าวไว้เผื่อเดี๋ยวพี่อุ่นให้” “อ่า หิวนิดหน่อยค่ะข้าวว่าจะไปอาบน้ำก่อนอ่ะค่อยกินข้าว เหนียวตัวมากอากาศร้อนอ่ะ” ฉันบอกพี่ชายก่อนจะขอตัวขึ้นไปอาบน้ำก่อนจะเดินลงมาข้างล่างอีกรอบ พอเดินลงมาก็เจอกับกับข้าวที่จัดวางไว้ที่โต๊ะแล้วพร้อมกับพี่ต้นน้ำที่นั่งมองฉันเดินลงมา “มาๆ กินข้าว” ฉันเดินมานั่งลงตามที่พี่ชายกวักมือเรียกพร้อมกับลงมือกินข้าวอย่างรวดเวก่อนจะเดินกลับขึ้นห้องไปนอนทิ้งพี่ชายที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ไว้คนเดียวข้างล่าง “ไหนดูซิ มีอะไรน่าอ่านบ้าง” ฉันเลื่อนนิ้วไถหน้าจอในแอพอ่านนิยายที่ทอฝันแนะนำมาไปเรื่อยๆ “อ๊ะ เรื่องนี้ละกันภาพสวยดี” ฉันกดเข้าไปอ่านแนะนำตัวละครของนิยายเรื่องนี้ทันที “โห ชายารองของตัวร้ายนี่น่าสงสารจัง โจวตงหยางนี่เป็นร้ายจริงๆ ชายาตัวเองก็ยังไม่เว้นทำให้นางต้องทนทุกข์” ฉันบ่นอุบเมื่ออ่านแนะนำตัวละครของจางจินเยว่ที่เพิ่งอ่านไปได้นิดเดียวเพราะหลังจากอ่านไปได้ไม่นานมือถือฉันก็แจ้งเตือนว่าแบตเตอรี่อ่อน ฉันจึงควานหาสายชาร์จในกระเป๋าแต่ก็ไม่เจอ “สายชาร์จไปไหนวะ? ...” ฉันพึมพำกับตัวเองพลางเดินหาสายชาร์จไปทั่วห้องเพราะจำไม่ได้ว่าตัวเองเอาไปไว้ไหน “โอ๊ะ!..ซุ่มซ่ามจริงฉัน” ฉันเดินหาสายชาร์จในห้องจนไม่ทันมองเดินชนโต๊ะข้างเตียงทำให้ขวดน้ำที่เปิดฝาไว้ตกลงมาน้ำหกกระจายเต็มพื้น “อ๊ะ!! เจอแล้ว” ฉันหาทิชชู่มาซับน้ำที่ทำหกก่อนจะเจอว่าสายชาร์จของฉันตกอยู่ใต้เตียงและโดนน้ำที่ฉันทำหกเมื่อกี้จนเปียกแต่ก่อนจะเสียบสายชาร์จลงที่ปลั๊กฉันเอาทิชชู่มาเช็ดน้ำที่เปียกสายออกแล้ว แหง็กๆๆๆๆๆๆ หงิกๆๆๆๆๆ ฟุ่บ~ ทันทีที่ฉันเสียบสายชาร์จลงเต้าเสียบกระแสไฟก็แล่นเข้ามายังร่างการฉันทันทีฉันที่โดนไฟดูดควบคุมตัวเองไม่ได้กระแสไฟทำให้ร่างกายฉันกระตุกก่อนจะลงไปนอนกองกับพื้นแล้วทุกอย่างมันก็ดับวูบลงในทันที ไม่นะนี่ฉันจะตายแบบนี้หรอ?
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม