ยิหวาหัวเสียมากทั้งเบื่อทั้งรำคาญความนิสัยไม่ดีของชานนท์ อีกทั้งยังเกลียดหัวใจตัวเองที่รู้ว่าเขานิสัยแบบนี้ก็ยังหลงรักเขาอยู่ได้ สี่สิบนาทีต่อมาก็มาถึงผับ เขาทิ้งหล่อนให้นั่งรอในห้องรับรองชั้นบนส่วนตัวเองลงไปตรวจงานด้านล่าง
แล้วมันเรื่องอะไรที่หล่อนจะต้องมานั่งรอตรงนี้ ยิหวาคว้าเอาเสื้อแจ็คเก็ตของชานนท์มาสวมทับชุดนักศึกษาก่อนเดินลงไปชั้นล่างซึ่งเป็นผับ หามุมเงียบๆ นั่งก่อนสั่งเครื่องดื่มแอลกอฮอร์มาดื่มให้ลืมความเครียดที่สะสมมานาน
หล่อนไม่ใช่ผู้หญิงเรียบร้อยที่ไม่เคยเข้าผับเข้าบาร์มาก่อน สมัยเข้าเรียนปริญญาตรีใหม่ๆ ก็มีอยากรู้อยากลองเป็นธรรมดา เคยลองเครื่องดื่มมาเกือบหมดเสียแต่หล่อนเป็นคนคออ่อน ดื่มได้ไม่กี่แก้วก็เมาคอพับหลับเป็นภาระเพื่อน
“เครื่องดื่มได้แล้วครับคุณหนูยิหวา” พนักงานในผับไม่มีใครไม่รู้จักหล่อนฉะนั้นยิหวาจึงไม่แปลกใจ
“ขอบใจ แล้วก็ไม่ต้องบอกพี่นนท์นะว่าฉันอยู่ที่ไหน”
“เอ่อ... ผมบอกไปแล้วครับ”
“ไม่เป็นไร นายกลับไปทำงานต่อเถอะ” ยิหวาบอกอย่างปลงๆ เมินเฉยต่อพนักงานเสิร์ฟมาบริการเครื่องดื่มให้ตนเอง ชานนท์หูตาไวจะตายการที่เขารู้ว่าหล่อนลงมาข้างล่างก็ไม่แปลก
ยิหวาดื่มไปได้แค่สามแก้วก็เริ่มเมา ไม่รู้ตัวแม้กระทั่งมีชายชาวต่างชาติหล่อเหลาถือวิสาสะมานั่งร่วมโต๊ะ
“สวัสดีครับคุณคนสวย” ชายคนนั้นเอ่ยเป็นภาษาไทยสำเนียงแปร่งๆ เรียกความสนใจจากยิหวาได้
หล่อนเปิดเปลือกตาขึ้นมองพอเห็นว่าเป็นชายแปลกหน้าก็ไม่ตอบ นั่นทำให้ฝ่ายนั้นต้องพ่นคำภาษาอังกฤษออกมายาว ยิหวาฟังเข้าใจทั้งหมด
“คุณคงกำลังเมา ไม่เป็นไรครับ ให้ผมแนะนำตัวฝ่ายเดียวก็ได้ ผมชื่อเอริคนะครับ เป็นนายแบบอังกฤษ ผมเดินทางมาเที่ยวเมืองไทยกับเพื่อนต้องการไปเที่ยวภูเก็ตกับเชียงใหม่ เพื่อนคนไทยของผมแนะนำให้มาเที่ยวผับนี้ก็เลยทำให้ผมได้พบคุณ”
“อืม...”
“คุณคนสวยคงเมามาก ให้ผมพากลับบ้านไหมครับ” เอริคถือวิสาสะย้ายมานั่งโซฟาข้างหญิงไทยผู้เป็นเหยื่อในค่ำคืนนี้ แอบส่งสัญญาณให้เพื่อนร่วมกลุ่มแล้วจัดการทดสอบสินค้าโดยการลูบไล้มือหยาบกร้านไปตามเรียวขาสวยที่โผล่พ้นกระโปรงทรงเอออกมา
ผิวหล่อนขาวเนียนนุ่มมาก เอริคหยามใจจะลูบเข้าไปลึกหมากกว่านี้เสียแต่สาวเจ้าดันพยศใส่ซะได้
“อือ... อย่านะ” ยิหวาปฏิเสธเสียงอ้อแอ้ เมามากเกินกว่าจะขัดขืนได้มากกว่านี้
“อย่าดิ้นสิ แล้วคุณจะมีความสุขผมสัญญา” นายแบบหนุ่มกระซิบเสียงพร่าข้างริมหูบอบบาง หลุบสายตาลงมองมือตนเองก่อนลูบไล้วนไปมาให้สาวสวยเคลิ้มหลับ รอคอยจังหวะเปลือกตาหล่อนปิดลงแล้วตั้งใจจะใช้โอกาสนี้ล่วงเกินหล่อน
แต่ทว่าก่อนที่นายแบบหนุ่มจะได้ทำอะไร เส้นผมก็ถูกกระชากจากทางด้านหลัง
“โอ๊ย!”
“ทำอะไรกับเด็กของฉันห๊ะ ปล่อยเธอซะดีๆ” ชานนท์ดึงกระชากเส้นผมอยู่อย่างนั้นจนมันผุดลุกขึ้นหันมาเอาเรื่อง แต่มีหรือที่เขาจะกลัว นัยน์ตาคมเข้มหลุบลงมองยัยตัวแสบเพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้นก่อนถอนหายใจหนักหน่วงออกมา
“ฉันเจอเธอก่อน ถ้าแกอยากได้บ้างก็มองหาคนอื่นสิวะ!” หนุ่มหน้าฝรั่งพูดด้วยโทนเสียงขุ่นหมอง
“หึ!” ชานนท์หัวเราะเสียงทุ้มในลำคอ “โทษทีว่ะ แต่ผู้หญิงคนนี้เป็นคู่หมั้นของฉัน แกไม่มีสิทธิ์ลวนลามเธอ ถอยออกไปซะ!”
“เกิดอะไรขึ้นครับคุณนนท์” การ์ดของผับหลายนายรุดกายเข้ามาหาด้วยท่าทีตื่นตระหนก
“ไม่มีอะไร ฉันแค่ทักทายคนรู้จักก็เท่านั้น”
“ถ้ามีอะไรให้พวกเราช่วยบอกได้เลยนะครับ” หนึ่งในการ์ดของผับพูดต่อเสียงแข็ง จ้องมองหน้าหนุ่มฝรั่งคนนั้นอย่างอยากมีเรื่องข่มขวัญมันไปในตัว ดูจากสถานการณ์ก็รู้แล้วว่าไอ้หนุ่มคนนี้คิดจะทำอะไรกับคุณหนูยิหวาของพวกตน
หนุ่มหน้าฝรั่งกำหมัดแน่นโกรธจัดยืนประจันหน้ากับชานนท์ไม่นานก็ตัดใจเดินหนีไป
“ฝากไว้ก่อนเถอะ!”
“เออ แล้วรีบมาเอาคืนล่ะ” ชานนท์ยิ้มเยาะเย้ย พอมันเดินไปจนลับสายตาแล้วจึงอุ้มยิหวาขึ้นแนบอก ส่ายศีรษะให้หล่อนที่เมาอ้อแอ้ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร
“ฝากทางนี้ด้วย ฉันจะพาคุณหนูกลับบ้าน”
“ครับเจ้านาย” การ์ดทุกนายตอบรับในวินาทีนั้น ชานนท์จึงพยักหน้าให้แล้วเดินอุ้มยิหวาออกจากผับไปยังลานจอดรถ วางหล่อนลงเบาะนั่งปรับให้เอนลงนอนสบายๆ ก่อนเดินอ้อมไปฝั่งคนขับพาหล่อนกลับไปพักผ่อนที่บ้าน
“แม่จ๋า...” เสียงหวานครางแผ่วเรียกหามารดา
“โตแล้วยังจะเรียกหาแม่เป็นเด็กๆ ไปได้ ไม่ไหวเลยจริงๆ” ชานนท์บ่นอุบอิบ เลิกสนใจหล่อนเพ่งสมาธิมาอยู่กับการขับรถจนกระทั่งถึงบ้านในเวลาห้าทุ่มเศษก็เห็นว่าในบ้านยังเปิดไฟสว่างโร่ คงจะไม่ดีแน่หากมารดามาเห็นท่าทางเมามายจนหลับเป็นตายของยิหวา
แปลก...
ชานนท์สงสัยความคิดที่แล่นเข้ามาในหัวเมื่อสักครู่ ทั้งที่ก่อนหน้านี้เขาพยายามหาจุดติของยิหวามาทำให้มารดาไม่ชอบใจ แต่พอเจอจุดติของหล่อนจริงๆ เขากลับไม่สามารถใช้มันเพื่อเล่นงานหล่อนได้ ทำไมกันนะ ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ไปได้
คนตัวเล็กยังคงนอนหลับปุ๋ย สิ้นฤทธิ์เหมือนลูกแมวตัวน้อย น่ารัก น่าเอ็นดูซะจริง เขาส่งมือไปเขย่าต้นแขนบอบบาง “ยิหวา ตื่น...” แต่ไม่ว่าจะเพียรพยายามปลุกเท่าไหร่ยิหวาก็ไม่มีทีท่าจะตื่น นัยน์ตาสีนิลมองไปยังในบ้านแล้วตัดสินใจมุ่งมั่น “เอาวะ บอกแม่ว่ายิหวาหลับก็เลยต้องอุ้มคงไม่เป็นอะไร”
ภายในบ้านเพียงเปิดไฟรอแต่คนอื่นเข้านอนหมดแล้ว ชานนท์ถอนหายใจอุ้มยิหวาไปส่งบนห้องนอนของหล่อนแต่พอตอนจะออกไปหล่อนก็เอาแต่พูดพึมพำอะไรไม่รู้ จากที่คิดจะมาส่งแล้วออกไปก็เปลี่ยนใจอยู่ดูแล นำผ้าชุบน้ำมาเช็ดหน้าให้จนหล่อนหลับสบายมากยิ่งขึ้น
“ให้ตายเถอะ เรามาทำบ้าอะไรตรงนี้วะเนี่ย” ชานนท์ถามตัวเองขณะนำชามใส่น้ำมาเททิ้งในห้องน้ำ หาคำตอบไม่ได้ก็รู้สึกหงุดหงิดจนต้องย้อนกลับมานั่งลงข้างเตียงยิหวา
“แม่จ๋า... มาหายิหวาได้ไหมคะ...” เสียงหวานของหล่อนยังคงเรียกหาคุณทิพย์ทิวา
“เฮ้ย!” ชานนท์สะดุ้งตกใจเมื่อหล่อนจับมือเขาขยับใบหน้ามาซุกซบในอ้อมแขน “ยิหวา ฉันไม่ใช่แม่เธอนะ”
“ยิหวาคิดถึงแม่นะคะ...” ยิ่งพูดน้ำตาหล่อนก็ยิ่งไหล มารดาก็คอยแต่จะผลักไส ท่านไม่รักหล่อนแล้วหรือยังไง ยิหวาสะอื้นร่ำไห้ในความฝันเอื้อมมือคว้าท่านมากอดให้แน่นมากยิ่งขึ้น แต่ดูท่าว่าหล่อนจะคิดมากไปเองเพราะถึงยังไงท่านก็รักหล่อนมากที่สุด
“ฮึก... ไม่รักยิหวาเหรอคะ เกลียดยิหวาเหรอ ฮือ...”
และแล้วอาการเกร็งของยิหวาลดน้อยลง พาตัวเองก้าวสู่ห้วงนิทราไปพร้อมจุมพิตอ่อนโยนจากริมฝีปากของมารดา