คำโปรย
'ชานนท์' นักธุรกิจหนุ่มไฟแรงที่อกหักจากการแอบรักดารัณข้างเดียวมานาน จนพาลเกลียดชัง 'ยิหวา' ว่าที่คู่หมั้นที่มารดาหามาให้
เขาเกลียดหล่อนมากจนแทบไม่อยากเห็นหน้า ต่างจากยิหวาที่รักหลงเขาหมดหัวใจ ยอมทุกอย่าง แม้กระทั่งถูกเขาทำร้ายจิตใจ
ภายนอกเหมือนหล่อนเข้มแข็ง
ต่างจากภายในของหล่อนที่อ่อนล้าเหลือเกิน
อ่อนล้า... จนไม่รู้ว่าจะอดทนรักเขาได้ถึงวันพรุ่งนี้หรือเปล่า
.
.
.
.
.
....................................
“โธ่เว้ย!!”
ชานนท์ บริรักษ์ นักธุรกิจหนุ่มไฟแรงสบถลั่นทิ้งโทรศัพท์ลงพื้นจนมันลื่นไถลไปกระแทกมุมห้องอย่างแรงส่งผลให้หน้าจอแตกร้าวทันที แต่เจ้าของหาได้สนใจไม่ เพราะในเวลานี้อารมณ์ขุ่นหมองกำลังเข้าครอบงำจิตใจ ผ่านมาหลายวันแล้วที่เขาพยายามติดต่อหาดารัณแต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้ ชวนให้หงุดหงิดชวนให้อยากรู้เหลือเกินว่าดารัณเป็นอะไร ไม่ว่างจริงหรือจงใจหลบหลีกกันแน่ หรือกลัวเขาถามหรือยังไงว่าเสียงผู้ชายที่อยู่กับหล่อนเป็นใคร!
‘ไปตายซะ! อย่าเสือกมาเป็นชู้กับเมียกู!’
เพียงนึกถึง เสียงห้าวของไอ้หมอนั่นก็ลอยเข้ามาในโสตประสาท ให้ตายเถอะ! แค่นึกถึงก็ยังเจ็บใจไม่หาย ไอ้ผู้ชายคนนั้นมันเป็นใครใหญ่มาจากไหนถึงได้กล้าดีพูดจาแบบนั้นใส่เขา เมียที่ไหนกัน หรือมันจะหมายถึงดารัณผู้หญิงที่เขาแอบรักมานาน
ไม่จริง!
ดารัณเป็นผู้หญิงเรียบร้อย นิสัยดี ไม่มีวันซุกมีสามีอย่างที่ไอ้บ้านั่นแอบอ้างอย่างเด็ดขาด มันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ ต่อให้ตายหากไม่มีหลักฐานเขาก็ไม่คิดจะเชื่อ
ชานนท์หงุดหงิด หัวเสียถึงกับต้องขับรถไปผับของตัวเองแล้วสั่งน้ำเมามาดื่มในห้องพักรับรองคนเดียวอย่างเอาเป็นเอาตาย ไม่ให้ใครหน้าไหนเข้ามายุ่งวุ่นวาย
“อย่าให้กูรู้นะว่ามึงเป็นใคร จะอัดให้หายปากดีเลย!” กัดฟันกรอดเอ่ยคาดโทษ มือหนากำรอบแก้วแน่นจนสั่นสะท้านก่อนเขาจะยกแก้วขึ้นกระดกดื่มจนหมดแล้ววางแก้วลงเสียงดัง
ขณะเดียวกันด้านหน้าห้องลูกน้องคนสนิททั้งสองกำลังเดินวนไปวนมากระวนกระวายรอคอยการมาของคุณหนูพวกตน ซึ่งนั่นก็คือคุณหนูยิหวา ว่าที่คู่หมั้นของชานนท์
“ตอนนายโทรไปคุณหนูว่ายังไงบ้างทำไมป่านนี้ยังมาไม่ถึงอีก” พงษ์รัตน์ถามเพื่อนร่วมงานเสียงเบาหวิว เดินวนเวียนหน้าประตูห้องพักคอยเงี่ยหูฟังความเคลื่อนไหวของคนภายในห้องนั้นเผื่อมีอะไรจะได้เข้าไปช่วยเหลือได้ทันท่วงที
ลายเสือถอนหายใจทำสีหน้าปลงๆ เดินไปนั่งลงเก้าอี้ก่อนตอบ “คุณหนูก็ไม่ได้ว่าอะไรแค่ถามว่าดื่มนานหรือยัง ฉันก็ตอบไปว่าสองชั่วโมงไม่ยอมออกมาจากห้องเลย คุณหนูก็บอกว่าเข้าใจแล้ว แล้วก็กดวางสายไปจนป่านนี้ผ่านมาอีกหนึ่งชั่วโมงแล้วไม่รู้ทำไมถึงยังไม่มาอีกก็ไม่รู้”
“หรือคุณหนูจะไม่มาวะ”
“ไม่รู้สิ ท่าทางจะใช่ล่ะมั้ง เฮ้อ แล้วเราสองคนจะไปพาตัวเจ้านายออกมาจากห้องนี้ได้ยังไงกันล่ะเนี่ย” ชายหนุ่มร่างกายกำยำนามลายเสือถอนหายใจเฮือกใหญ่
เห็นอย่างนั้นพงษ์รัตน์ก็เอ่ยแย้ง “แต่ถ้าเรารออีกนิดบางทีคุณหนูอาจจะมาก็ได้นะ ก็คุณหนูรักเจ้านายของเราจะตายไปนี่นา”
“ไอ้รักมันก็ใช่ แต่ใครจะไปทำใจได้ที่ต้องมาเห็นคนที่ตัวเองรักมาดื่มเหล้าฟูมฟายหาผู้หญิงคนอื่น”
“เออวะ ที่นายพูดมันก็ถูก” พงษ์รัตน์เออออตาม ก่อนทั้งสองคนจะถอนหายใจออกมาพร้อมกันต่างคนต่างทำหน้าเครียด กวาดสายตามองไปตามทางเดินที่ยังไม่มีใครเดินเข้ามา มองไกลผ่านกระจกใสข้างทางเดินลงไปถึงบรรยากาศครึกครื้นของผับหรูด้านล่างที่มีผีเสื้อราตรีมากมายโยกย้ายร่างกายใต้แสงหลากสี
แต่แล้วในวินาทีนั้นเองเสียงรองเท้าส้นสูงก็ดังขึ้นเป็นจังหวะ สองหนุ่มหัวใจเต้นระรัวลุ้นว่าจะเป็นคุณหนูยิหวาหรือไม่
แล้วก็เป็นจริง!
“ไอ้ลายเสือ คุณหนูมาแล้วเว้ย!”
“เฮ้ย! จริงด้วย จะรอช้าทำไมอยู่ล่ะ รีบเร็ว” ลายเสือรีบเดินแกมวิ่งนำเพื่อนร่วมงานตรงไปหาคุณหนูยิหวา สาวสวยวัยยี่สิบเอ็ดปีรูปร่างบอบบางอ้อนแอ้นน่าทะนุถนอม คืนนี้คุณหนูอยู่ในชุดมินิเดรสสีดำขับผิวขาวเนียนผุดผ่องให้เด่นสง่า ดวงหน้าสวยหยาดฟ้าถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางอ่อนๆ ทำให้ดูสวยจับใจยิ่งนัก
คุณหนูของพวกตนเป็นผู้หญิงที่คุณนายนิลอร มารดาของชานนท์ทาบทามไว้ให้มาเป็นเจ้าสาวของชานนท์ในอนาคตแต่เจ้าตัวคอยแต่บ่ายเบี่ยงเพราะไม่รู้สึกชอบฝ่ายหญิง ทั้งสองคนเลยเป็นได้เพียง ‘ว่าที่คู่หมั้น’ มาจนถึงทุกวันนี้
“พี่นนท์ล่ะคะ”
ยิหวาเอ่ยถามด้วยดวงหน้าเฉยชาน้ำเสียงเรียบง่าย ไม่รู้ว่าหล่อนมาทำบ้าอะไรตรงนี้ จะมาตอกย้ำหัวใจตัวเองให้เจ็บอีกทำไม ยังไม่เข็ดอีกเหรอที่ต้องมาพาเขากลับบ้านแล้วฟังคำพูดของเขาที่เพ้อหาผู้หญิงคนอื่นให้เจ็บปวดหัวใจ
กี่ครั้งกี่หนแล้วที่ชานนท์เป็นแบบนี้ ทั้งหมดเป็นเพราะผู้หญิงคนนั้นคนเดียว
ดารัณ! หล่อนเกลียดผู้หญิงคนนั้นที่สุด!
“อยู่ข้างในห้องนี้ครับคุณหนู” ลายเสือผายมือไปทางประตูห้องรับรองแบบวีไอพีที่ปิดสนิท
“พวกนายสองคนรอที่ข้างนอกนี้ก่อนนะ ถ้าไม่ไหวจริง ฉันจะเรียกให้เข้ามาช่วยพยุงพี่นนท์ทีหลัง”
“ครับ/ครับคุณหนู” สองหนุ่มรับคำพร้อมกัน ลุ้นระทึกมองคุณหนูของพวกตนเดินเข้าไปในห้องเย็นแห่งนั้น เห็นแล้วสยองแทนหวังว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น