“ถอยไปนะ”
“เฮ้ย! คนสวยบอกให้ถอยไปว่ะ ถอยๆ สิวะพวกเรา” พวกมันแกล้งถอย พอรัตนาวดีเดินเลี่ยงจะหนีไปโดยเร็ว มันก็ตามมากระชากเธอขึ้นนั่งบนรถมอเตอร์ไซค์ รัตนาวดีกรีดร้องแต่มันปิดปากเธอเอาไว้ เมื่ออีกคนขึ้นนั่งคร่อมด้านหลังรถ เธอดิ้นแต่ต้องหยุดกะทันหันเมื่อได้ยินเสียงขู่มัน
“ถ้าร้อง เป็นศพแน่!” รัตนาวดีหน้าซีดตัวสั่น หัวใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม เธอยอมรับว่าตัวเองกลัวสุดขีด ทำไมชีวิตของเธอต้องมาเจอเรื่องร้ายๆ แบบนี้ด้วยนะ เธอนึกถึงมารดา นึกถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ขอให้พวกท่านปกป้องคุ้มครองเธอให้แคล้วคลาดปลอดภัย เอาชีวิตรอดพ้นจากอันตรายที่กำลังเกิดขึ้นจากตัวเธอ
พวกเด็กแว้นขับรถเร็วขึ้นอย่างคึกคะนอง ก่อนที่รถอีกคันจะเบรกตัวโก่ง เพราะเกือบชนเข้ากับรถที่เลี้ยวเข้ามา เจ้าของรถลัมโบร์กินีคันหรูสีแดงเพลิงเปิดประตูรถลงมาด้วยสีหน้าดุดัน รัตนาวดีเบิกตากว้าง เพราะชายหนุ่มคนนั้นเป็นคนที่เธอรู้จักดีเสียด้วย
“ขับรถยังไงวะ” ธีรกรกระชากเสียงถาม เขาเท้าสะเอวอย่างโมโห ไอ้พวกเด็กแว้นพวกนั้นไม่มีท่าทีหวาดกลัวชายหนุ่มเลย เพราะเห็นว่ามาคนเดียว มันขับรถมาล้อมเขาเอาไว้ ธีรกรกวาดสายตามอง ก่อนที่จะไปสะดุดกับร่างของใครคนหนึ่งที่เขารู้จักดี นั่งอยู่ตรงกลางระหว่างเด็กวัยรุ่นสองคนบนมอเตอร์ไซค์ เขายิ้มเยาะจนคนถูกมองถึงกับหน้าถอดสี เธอจะร้องขอความช่วยเหลือ แต่พอขยับมันก็ขยับปืนปลอมที่ถืออยู่ในมือไปมาข่มขู่เธอทางอ้อมว่าถ้าขืนพูดออกมามันยิงไส้แตกแน่ๆ
“เพิ่งรู้นะว่าที่รีบนี่ จะพาผู้หญิงไปรุม” ธีรกรพูดตรงๆ คนถูกมองแบบนั้นถึงกับหน้าชาไปเป็นแถบ รัตนาวดีอยากจะกรีดร้อง เธอคิดว่าจะขอความช่วยเหลือจากเขา แต่สุดท้ายต้องพับเก็บเอาไว้
ถ้าเขาคิดแบบนั้นก็เรื่องของเขา ถึงร้องขอความช่วยเหลือไป เขาก็คงไม่ช่วยหรือเห็นใจอยากจะช่วยอย่างแน่นอน
“หลีกไปโว้ย! พวกกูรีบ” วัยรุ่นคนหนึ่งในกลุ่มตะโกนไล่ ตอนแรกมันจะจัดการธีรกรให้สาสม แต่เพราะมันมีเหยื่อต้องไปจัดการ
“ตอนแรกก็ว่าจะปล่อยเด็กเวรไปว่ะ แต่ตอนนี้เปลี่ยนใจแล้ว” ธีรกรพูดขึ้นอย่างไม่เกรงกลัว คนอย่างเขาไม่เคยกลัวอะไรอยู่แล้ว
“ถ้าไม่หลีกไป อย่าหาว่ากูไม่เตือนนะโว้ย” มันขู่ขับรถมอเตอร์ไซค์วนเวียนไปมารอบๆ อย่างข่มขวัญ
“ฉันจะหลีกไปแน่ แต่ต้องส่งผู้หญิงคนนั้นมาให้ก่อน” ธีรกรชี้ไปยังรัตนาวดี ถ้าหล่อนกล้ามาเที่ยวเกเรกับเด็กแว้นพวกนี้ ก็คงไม่ใช่ผู้หญิงดีอะไร เสียแรงที่เขามองเธอในแง่ดี เขามองผิดไปจริงๆ เห็นหวงเนื้อหวงตัวที่แท้ก็เหลวแหลกไม่มีชิ้นดี
“ไม่ให้โว้ย พวกเราจะไปสนุกกัน ถ้าพูดแล้วไม่ฟัง เฮ้ย! พวกเราจัดการมัน” อีกคนสั่ง มันงัดมีดสปาตาร์ออกมาและคิดว่าเอาจริง ธีรกรไม่ใช่คนที่จะยอมอะไรง่ายๆ เขาควักปืนออกมาและยิงลงพื้นแต่โดนล้อรถมอเตอร์ไซค์ของพวกมันอย่างแม่นยำ พวกมันวงแตกฮือ หนีตายแทบไม่ทัน เพราะปืนที่เอามาขู่เป็นปืนปลอม
รัตนาวดีกรีดร้องอย่างตกใจ เธอไม่รู้ตัวว่าถูกกระชากลงจากรถมอเตอร์ไซค์ตอนไหน
“กรี๊ดดด ปล่อยฉันนะ” เธอหลับตาสะบัดมือหนี ดิ้นรนเตะข่วนอย่างหวาดกลัวสุดขีด
“นี่เธอ! ฉันเอง คู่ขาของเธอไปหมดยกแก๊งแล้ว” ธีรกรตวาดลั่น เขย่าร่างรัตนาวดีจนหัวสั่นหัวคลอน หญิงสาวหยุดกึก มองหน้าเขาอย่างตกตะลึง
“มานี่” เขาลากเธอไปที่รถ
“จะพาฉันไปไหน” เธอถามอย่างขวัญเสีย
“แล้วเธอจะไปไหนกับพวกนั้นล่ะ ไปสนุกกันไม่ใช่เหรอ เปลี่ยนจากพวกนั้นไปเป็นฉันแล้วกัน”
“ไม่นะ ปล่อยนะ ฉันไม่ไป” เธอกดเท้าเอาไว้ ไม่ให้เขาลากไปไหนได้
“กับฉันทำเป็นสะดีดสะดิ้ง จะบอกให้นะ ถ้าจะเอาเงินฉันให้เธอได้มากพอ ไอ้เด็กแว้นพวกนั้น เธอต้องนอนให้มันเรียงคิวกี่คนล่ะ ถึงจะได้เงินมากเท่าฉัน”
“สารเลว” รัตนาวดีด่าเขาอย่างอัดอั้นตันใจ เขาช่างหยาบคายร้ายกาจที่สุด
“เหอะๆ แล้วที่เธอทำนี่เรียกว่าอะไรล่ะ ผู้หญิงดีหรือไง ฉันอุตส่าห์จะสงเคราะห์ให้ดีๆ มีเงินใช้ แต่ชอบแบบ...” เขาพูดแค่นั้น ให้เธอได้คิดเอง สีหน้าเยาะหยันของเขาทำให้เธอหน้าชาจนซีดเผือด
“ปล่อยนะ ฉันไม่ได้อยากไปกับพวกนั้นสักหน่อย เขาจับฉันมา” เธอพยายามสะบัดมือหนี แต่เขาไม่ยอมปล่อย มือเขาเหมือนคีมเหล็กยึดเธอเอาไว้แน่นหนา
“นึกว่าฉันเชื่อเธอหรือไง เชื่อเธอก็ออกลูกเป็นแมวแล้ว เธอนั่งเงียบให้มันนั่งเบียดหน้าเบียดหลัง ถ้าโดนจับมาเองก็ต้องร้องให้ฉันช่วยแล้วสิ”
“มันขู่ฉันนี่นา ฉันกลัวตายเหมือนกันนะ” เธอพูดตามตรง เขาทำหน้าไม่เชื่อ
“ผู้หญิงอย่างเธอพูดอะไรก็ได้ให้ตัวเองดูดี เสียแรงที่ฉันอุตส่าห์จะจีบดีๆ แต่ตอนนี้ผู้หญิงไร้ค่าแบบนี้ จีบไปก็ไม่คู่ควรกับฉัน”
“คุณสูงส่งนักหรือไง ถึงตัดสินว่าคนอื่นคู่ควรหรือไม่คู่ควรกับคุณ”
“มีผู้หญิงอยากนอนกับฉันเยอะแยะไป”
“แต่ไม่ใช่ฉัน”
“แน่ใจเหรอไง แต่สภาพเธอนี่มันไม่ใช่เลยนะ” เขาเหยียดปาก จับเธออุ้มขึ้นพาดบ่า รัตนาวดีดิ้นรน มึนศีรษะไปหมด ทุบแผ่นหลังเขาระรัว
“นี่! ปล่อยนะ คนบ้า ปล่อยนะ”
“กับฉันทำเป็นสะดีดสะดิ้ง กับคนอื่นเธอถึงไหนแล้วล่ะ”
“นี่คุณ ปล่อยฉันลงไปนะ” เธอถูกยัดเข้าไปในรถ รัตนาวดีพยายามเปิดประตูหนี แต่เขาล็อกเอาไว้อย่างแน่นหนา ก่อนที่เขาจะอ้อมกลับมานั่งประจำที่คนขับอย่างรวดเร็ว
“กับไอ้หน้าอ่อนนั่น เธออยู่บ้านเดียวกับมันไม่ใช่เหรอ” เขาเอ่ยถามขณะกระชากรถออกจากบริเวณนั้น รัตนาวดีอ้าปากค้างตาโต นี่เขารู้เรื่องของเธอได้ยังไงกันนะ
“คุณสะกดรอยตามฉันหรือไง”
“ไม่เห็นจำเป็น เขารู้กันทั้งมหา’ลัย” ธีรกรได้ยินเพื่อนในกลุ่มเขาพูดกันอย่างสนุกสนาน ทำเป็นเล่นตัวด่าว่าเขาชีกอ ร้ายกาจ ที่แท้ก็แร่ไปนอนกับผู้ชาย อยู่บ้านเดียวกัน เขาเหยียดปากอย่างรังเกียจ
“ฉันไม่ได้เป็นอย่างที่คุณพูดสักหน่อย”
“เธอเป็นมากกว่าที่ฉันเข้าใจอย่างนั้นเหรอ” เขาเหยียดปากยิ้มเยาะ
“ฉันพูดไปคุณก็คงไม่เชื่อ จอดรถปล่อยฉันลงตรงนี้แหละ” เธอยื่นคำขาด แต่เขาขับรถเร็วขึ้น
“ไม่ปล่อย” เขาตอบแค่นั้น ก่อนจะเหยียบคันเร่งมากขึ้นไปอีก
“นี่คุณ ขับรถเร็วแบบนี้ไม่กลัวตายหรือไง” เธอจับเบาะเอาไว้แน่น หวาดกลัวเหลือเกินการขับรถเร็วของเขา เธอหลับตากรีดร้องเมื่อเขาขับรถแซงซ้ายทีแซงขวาที
“นี่คุณ ฉันยังไม่อยากตายนะ!” หัวใจเธอหล่นไปอยู่ตาตุ่มเมื่อเขาไม่คิดจะลดความเร็วรถลงไปเลย ยิ่งเธอห้ามก็เหมือนยิ่งยุ เขายิ่งอยากเอาชนะ สุดท้ายเธอปิดปากเงียบและหลับตาปี๋ด้วยความกลัว คิดว่าชีวิตคงไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากกว่านี้อีกแล้ว
“ถึงแล้วลงมาสิ” เสียงของเขาดังขึ้นข้างหู รัตนาวดีสะดุ้ง เธอลืมตาขึ้นแล้วมองรอบกายอย่างหวาดระแวง ที่นี่มันที่ไหนกัน
เขาไม่ได้รอให้เธอสำรวจนาน เพราะรีบดึงเธอลงจากรถในทันที เขาพาเธอเดินเข้าลิฟต์ ที่นี่ไม่มีใครสักคนให้เธอขอความช่วยเหลือเลย ลานจอดรถเป็นชั้นไหนก็ไม่รู้ รัตนาวดีพยายามสะบัดมือทิ้ง แต่เขากลับไม่ยอมปล่อยให้เธอลอยนวลหนีไปไหนได้อีก
“จะพาฉันไปไหน” เธอถามอย่างร้อนใจ เขาไม่ยอมแต่กักเธอเอาไว้ เธอดิ้นมากเข้าเขาก็มองมาด้วยสายตาดุดัน เธอยอมรับว่ากลัว รัตนาวดีหวาดกลัวจับใจ นี่มันเป็นเวรเป็นกรรมอะไรของเธอกันนะ
หนีเสือปะจระเข้ชัดๆ!!!
“คุณ! ปล่อยนะ” เธอตกใจแทบช็อกเมื่อเขาเสียบคีย์การ์ดแล้วพาเธอเข้าห้องไปโดยไม่พูดไม่จา ไม่บอกไม่กล่าว แบบนี้เขาเรียกฉุดคร่าใช่ไหม เธอจะแจ้งความได้ไหม
“นี่คอนโดส่วนตัวของฉัน ฉันว่าเธออยู่กับฉันที่นี่ดีกว่าไปอยู่กับไอ้หน้าอ่อนเพื่อนของเธอนะ ห้องของฉันสบายกว่าตั้งเยอะ ไม่ต้องทำงานเหนื่อยอะไร แต่มีเงินใช้” เขาเดินเข้าหา ปลดกระดุมเสื้ออย่างใจเย็น รัตนาวดีถอยหนี เธอผวาหน้าซีดเผือด