“คุณตา ถ้าตื่นแล้วเข้ามาหาผมที่ห้องหน่อยนะครับ” ชัชนนท์กดเบอร์โทร.หาเลขาส่วนตัวของเขาแทบจะทันที เมื่อเขาลืมตาตื่นขึ้นมา
‘มีอะไรบอส ตื่นมาก็เรียกใช้งานเลยเหรอ แบบนี้ฉันควรเรียกเงินเดือนจากบอสเท่าไหร่ดีคะ’ รมิตาที่ยืนเช็ดผมอยู่หน้ากระจกเครื่องแป้ง ในขณะที่เธอวางโทรศัพท์เอาไว้ พร้อมกับเปิดลำโพง ด้วยสีหน้าที่ไม่สบอารมณ์
“คุณได้เงินเดือนสมใจคุณแน่นอนคุณตา ถ้าคุณเป็นแฟนกับผม” รอยยิ้มที่มุมปากเชิดขึ้นอย่างเจ้าเล่ห์
‘ตลกนะบอส แค่บอสจูบฉันเมื่อคืน เอาฉันฝันร้ายทั้งคืน นึกว่าจูบกับหมา อุ๊บ!’ หญิงสาวได้นำมือป้องปากเอาไว้ เมื่อเธอดันพูดอะไรออกไป
“ถ้ารู้ว่าปากดีขนาดนี้ เมื่อคืนผมน่าจะจับคุณปล้ำซะให้เข็ด” ว่าแล้วเขาก็เดินเข้าห้องน้ำ พร้อมกับผ้าขนหนูประจำตัวเขาที่หยิบติดมาด้วย
‘ลองปล้ำดูซิ ฉันจะแช่งให้บอสเป็นหมันเลยคอยดู’ สิ้นเสียงรมิตา เธอก็ตัดสายไปในทันที และปล่อยให้เขาได้แต่ยืนยิ้มอยู่คนเดียวหน้ากระจกในห้องน้ำ
ส่วนทางด้านรมิตากลับมีเลือดฝาดบนพวงแก้ม ที่ยังไม่ได้ตกแต่งเครื่องสำอางเลยแม้แต่น้อย เมื่อนึกถึงคำพูดของเขาเมื่อชั่วครู่ และเรื่องที่เขาจูบเธอเมื่อคืนอีกด้วย
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
รมิตายืนเคาะประตูหน้าห้องของชัชนนท์ในขณะที่เธอกำลังยืนส่องกระจกใบเล็กซึ่งนำติดตัวมาด้วย ว่าเธอสวยและแต่งหน้าพอแล้วหรือยัง
“คุณตา มาไวกว่าที่คิดนะครับ” ชัชนนท์เปิดประตูต้อนรับเลขาของตน แต่ทว่ากลับทำให้หญิงสาวตาโต ในมือที่ถือกระจกใบเล็กเอาไว้กลับร่วงหล่นลงพื้นพรมหน้าห้องของเขา
สายตาของหญิงสาวจ้องมองเข้าไปที่แผงอกสีขาว ๆ ที่มีซิกแพคเป็นมัด ๆ พร้อมกับหยดน้ำที่เกาะบนร่างกายของเขา
รมิตากลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ เพราะเธอไม่เคยคิดเลยว่า เขาเป็นผู้ชายที่เซ็กซี่อะไรขนาดนี้
“ว้ายยยย!” เมื่อเธอตั้งสติก็กรีดร้องมันออกมา พร้อมกับยืนหันหลังให้เขาทันที พลางนำฝ่ามือมาปิดหน้าปิดตาเอาไว้
“อะไรกัน คุณตาความรู้สึกช้าชะมัด หรือว่าตกตะลึงในรูปร่างของผม ฮา ๆ” เขาว่าพลางสาวเท้าออกห่างจากประตู ไม่อย่างนั้นเลขาของเขาคงได้ยืนหลังคดหลังแข็งเป็นแน่
“ปะ เปล่า ๆ ไม่ใช่อย่างนั้น บอสเป็นเจ้านาย มาทำแบบนี้กับพนักงานไม่ได้นะคะ” สิ้นเสียงเธอ ก็ขยับขาเดินถอยหลังเข้าไปในห้อง อย่างเก้ ๆ กัง ๆ ตรงหน้าประตู เพราะหญิงสาวไม่อยากเห็นอะไรที่ไม่ควรเห็น
“คุณตา เดี๋ยวก็ได้สะดุดขาตัวเองหรอกครับ ผมไม่จับคุณปล้ำหรอกน่า” เขาอดที่จะหัวเราะในสิ่งที่หญิงสาวกระทำไม่ได้
“อ๊ายยยย!” รมิตากรีดร้องออกมาด้วยความตกใจ ที่จู่ ๆ ตนเองก็สะดุดหกล้มตามที่เขาว่าไว้จริง ๆ และยังเป็นจังหวะที่เธอกำลังจะเอื้อมแขนไปปิดประตูห้องตามเดิม รองเท้าส้นสูงของเธอกลับพลิกซะอย่างนั้น
“คุณตา” ชัชนนท์เรียกชื่อเลขาของตน ในขณะที่เขาเองก็รีบจ้ำอ้าวเข้าไปใกล้ ๆ เธอ หวังว่าเขาจะรับเธอไว้ได้ทัน
จุ๊บ!
เหมือนในละครน้ำเน่าหลังข่าวตอนสองทุ่มครึ่งไม่มีผิด เมื่อชัชนนท์คว้าตัวหญิงสาวไว้ได้ทัน แต่ที่ไม่ทันคือ เขาลงไปนอนกองบนพื้นแทนเธอ โดยที่รมิตาอยู่บนอกของเขา
แต่ที่ผิดคาดเลยคือ ริมฝีปากที่แต่งแต้มด้วยลิปสติกสีแดงสด มันกลับประกบตรงแผงอกของเขาพอดิบพอดี แถมผ้าขนหนูที่ห่อหุ้มร่างกายของชัชนนท์ในตอนนี้มันดันหลุดออกจากร่างกายของเขาซะอย่างนั้น
“บอส อะไรนิ่ม ๆ ตรงขาของฉันคะ” หญิงสาวที่ผละริมฝีปากออกจากแผงอกของชัชนนท์ พลางเงยหน้าถามด้วยความงงปนความสงสัย
“ถ้าอยากรู้ว่าอะไร ก็ลองก้มไปมองดูซิ” ชัชนนท์เผยรอยยิ้มที่มุมปาก กับสายตาเจ้าเล่ห์มองไปที่ใบหน้าของหญิงสาวรุ่นพี่ของตน
ด้วยความอยากรู้ของเธอมันมีอยู่มากโข รมิตาจึงค่อย ๆ ขยับร่างกายออกจากลำตัวของเขาทีละส่วนจนไปถึงขา สิ่งที่เธอได้พบนั้นคือ ความเป็นชายของเขาที่เด่นอยู่ตรงหน้าของเธอเต็มสองลูกตา ดวงตากลมโตของเธอเบิกกว้างด้วยความตกใจ เหงื่อเม็ดโตเริ่มผุดขึ้นทีละน้อย
“กรี๊ดดดดด” รมิตากรีดร้องลั่นห้อง ก่อนที่จะสลบลงไปในทันที
“หึ อ่อนหัดชะมัดเลยพี่ตา นี่แค่เห็นตอนมันยังไม่ได้แข็งตัว ถ้าแข็งตัวแล้วพี่ตาคงช๊อกตายคาที่แน่ ๆ” เขาว่าพลาง ก่อนจะค่อย ๆ ขยับตนเองให้ลุกขึ้น พร้อมกับหยิบผ้าขนหนูมาคุมร่างกายเอาไว้ ก่อนจะอุ้ม รมิตาให้อยู่ในวงแขน แล้ววางเธอลงบนโซฟาตัวเดิม
เวลาผ่านไปนานพอสมควร รมิตาที่นอนหลับไม่ได้สติบนโซฟาของชัชนนท์ ร่างกายอันบอบบางค่อย ๆ ขยับตัวเล็กน้อย พร้อมกับเปิดเปลือกตา ที่มีขนตาปลอมประดับตกแต่งเอาไว้อย่างช้า ๆ และขยับร่างกายให้ลุกขึ้นนั่ง
“บอส” เสียงเรียกเบาหวิวของเธอ ทำให้คนที่วุ่นอยู่กับอาหารในห้องครัว รีบสาวเท้ามาหาเธออย่างไว
“ฟื้นแล้วเหรอคุณตา ผมทำอาหารเช้าจัดเตรียมเอาไว้ มาทานด้วยกันซิ” ชัชนนท์ฉีกยิ้มครบสามสิบสองซี่อย่างเห็นได้ชัด