1

1564 คำ
1. “ลู่เอ๋อ ตื่นได้แล้ว” เสียงทุ้มนุ่มอ่อนโยนที่ได้ยินทุกวันดังอยู่ข้างหู จากนั้นประตูไม้กรุกระดาษสีซีดก็ถูกผลัก แสงแดดยามเช้าส่องลอดผ่านเงาร่างอรชรที่ยืนเท้าเอวอยู่ด้านหน้าประตูห้องนอนนั่นเอง เจียวลู่บิดขี้เกียจแล้วค่อยๆ ปรือเปลือกตามอง เจียวเจี๋ยถอนใจ เดินผ่านประตูเข้ามา “ได้เวลาฝึกชงชาแล้วนะ เจ้าจะเกียจคร้านถึงเมื่อไหร่กัน” นับตั้งแต่เหลือกันแค่สองพี่น้อง จากผู้หญิงอ่อนแอก็ต้องปรับตัวให้เข้มแข็ง เพราะหลังจากเกิดโศกนาฏกรรมขึ้นที่เรือนหลังนี้ หญิงอ่อนแอก็ต้องรีบลุกขึ้นมาปกป้องตัวเอง “เจียเจี่ย ขอข้านอนต่ออีกสักสองก้านธูปได้หรือไม่” วงหน้าขาวดังไข่ปอก ดวงตาเรียวรีเหมือนหยดน้ำค้าง ริมฝีปากสีระเรื่อยิ่งกว่าสีดอกกุหลาบแรกแย้ม เจียวเจี๋ยส่ายหน้า “เห็นจะมิได้” เสียงเย็นชาเช่นนั้นของพี่สาว เจียวลู่ถึงรู้ว่ามารยาครั้งนี้ของนางไม่เป็นผล นางทรงตัวนั่ง กำลังจะอ้าปากต่อรอง เจียวเจี๋ยก็พูดสำทับมาอีกครั้ง “จำได้หรือไม่ ว่าเจ้ามีภาระที่ต้องทำหลังจากนี้อีกสามวัน” เจียวลู่เบี่ยงปลายเท้าลงจากเตียง ฉวยอ่างน้ำอุ่นที่ใครสักคนนำมาวางไว้ให้ ใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นล้างคราบขี้ตา เจียวเจี๋ยเดินเลยไปรินน้ำชาจากกาใส่จอกดินเผา และเดินมายื่นส่งให้น้องสาวที่ยังพยายามโอ้เอ้รั้งเวลาอยู่ เจียวลู่ที่กระหายน้ำอยู่พอดีจึงรับจอกน้ำชาจากพี่สาว พลางมองเจียวเจี๋ยด้วยแววตาซาบซึ้ง “ถ้าข้าไม่มีเจียเจี่ย วันนั้นข้าคงตายไปแล้ว” “ลู่เอ๋อ!!” เจียวเจี๋ยตวาดเสียงแหลม เจียวลู่สีหน้าสลดลง ความทรงจำที่ยังติดตรึงอยู่ในใจ กลิ่นคาวเลือดลอยคละคลุ้งอยู่เหนือศีรษะ นางมองลอดรอยแตกของฝาไม้ปากบ่อน้ำแห้ง บุรุษและสตรีที่เคยอาศัยอยู่ในเรือนแห่งนี้นอนเกยก่ายสูงท่วมศีรษะ ลำคอบางคนขาดห้อยร่องแร่งเพราะคมกระบี่ เศษเนื้อ ลิ่มเลือดแผ่กระจายเป็นวงกว้าง กลิ่นควันไฟ เสียงแตกปะทุของไม้ดังสนั่นเต็มสองหู เจียวเจี๋ยกอดน้องสาวแน่น ทั้งที่ตนเองก็หวาดกลัวจนตัวสั่น สองพี่น้องที่หลบอยู่ก้นบ่อน้ำแห้ง เลยรอดตายหวุดหวิด ดวงตางดงามหลุบลง ริมฝีปากหุบสนิท เจียวเจี๋ยทิ้งตัวนั่งบนขอบเตียง พลางมองหน้าน้องสาวแล้วก็ถอนใจแรงๆ “จำไว้ให้ขึ้นใจนะลู่เอ๋อ จากนี้อีกสามวัน เจ้ามีภารกิจต้องทำ” คนสองร้อยกว่าชีวิตถูกสังหารหมู่ จวบจนทุกวันนี้มือสังหารยังไม่ได้รับโทษทัณฑ์ คนเป็นที่ยังมีชีวิตรอดจะนอนหลับสนิทได้อย่างไร แม้จะเป็นแค่หญิง แต่การแก้แค้นให้คนสกุลเจียว ก็ถือเป็นหน้าที่ ความแค้นเลือดครั้งนี้ คนบงการต้องชดใช้ “เจี่ย ข้าสัญญา” กลีบปากสีระเรื่อย้ำคำสัญญา “กินข้าวก่อนดีหรือไม่ ข้าทำเกี๊ยวน้ำของโปรดเจ้าไว้ให้” ถึงจะเข้มงวดกับน้องสาวทุกชั่วยาม แต่เจียวเจี๋ยก็ยังไม่วายลดความเข้มงวดในบางครั้ง “พี่ใหญ่ หากวันนี้ข้าอยากทำอย่างอื่นก่อนการฝึกชงชา พี่สาวคิดว่าข้าจะทำได้ไหมเจ้าคะ” แววตาเจ็บปวดรวดร้าวของเจียวเจี๋ยผุดขึ้นมา เจียวลู่สัมผัสได้ถึงความโศกสลดในใจพี่สาว พลันนั้นแผ่นหลังบอบบางก็รู้สึกถึงความเย็นเยียบที่แผ่ไปทั่วห้องนอน “เจ้าลืมคำสัญญาที่ให้ไว้กับพี่แล้วเหรอลู่เอ๋อ” เป็นคำถามสั้นๆ แต่กระแทกเข้ามากลางใจ เจียวลู่สูดลมหายใจลึกๆ สลัดความกระหายตามประสาสาวแรกแย้มทิ้ง “พี่ใหญ่ ลู่เอ๋อขอโทษ หลังกินมื้อเช้าอิ่ม ข้าจะไปฝึกชงชา ต่อด้วยการท่องบทกวี” คุณสมบัติของสตรีในวัง ต้องมีความรู้ อ่านออกเขียนได้ กิริยานุ่มลื่นประณีตตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า สตรีสกุลเจียวเป็นต้นแบบของความงดงามทั้งสิบประการนั่น นับร้อยปี ที่สกุลเจียวฝึกสาวแรกแย้ม และส่งเข้าวังหลัง เพื่อรับใช้บรรดาสนมและกุ้ยเฟย รวมทั้งฮองเอาหรือตัวไทเฮาเอง ดังนั้นไม่แปลกเลย ที่บิดา มารดายากจนจะส่งลูกสาวของตัวเองมาฝึกมารยาทที่สกุลเจียว ปะเหมาะเคราะห์ดี จับพลัดจับผลูได้ถวายตัวรับใช้ฮ่องเต้ขึ้นมา สุกลนั้นๆ ก็จะพลอยสบาย ได้มีโอกาสเสวยอำนาจผ่านตำแหน่งของบุตรสาว ตัวบุตรหลานสกุลเจียวเองก็มีวาสนาดี ได้ครองตำแหน่งกุ้ยเฟยก็หลายคน บางคนบารมีสูงส่ง ไปไกลถึงตำแหน่งหวงกุ้ยเฟยก็เคยเกิดขึ้นมาแล้ว “ลำบากเจ้าแล้ว” เจียวเจี๋ยวางมือบนแผ่นหลังน้องสาว หลายวันหลังจากได้รับจดหมายจากคนในสกุลถัง ที่ทำงานรับใช้อยู่ใต้บารมีฮ่องเต้ เจียวเจี๋ยก็เคี่ยวเข็ญเจียวลู่อย่างหนัก ข้อตำหนินิดเดียวก็ไม่อยากให้เกิดขึ้น การคัดตัวนางกำนัลในวังจะเริ่มขึ้นในอีกสามอาทิตย์ข้างหน้า สมัยที่บิดายังมีชีวิต สกุลเจียวไม่จำเป็นต้องผ่านขั้นตอนชั้นแรกแบบนั้นเลย รายชื่อของลูกหลานสกุลเจียวจะส่งตรงถึงไทเฮา รวมถึงฤกษ์ยามตอนเกิดด้วย เจียวลู่หลับตาลง พยายามไม่นึกถึงความหลังที่ทำให้หัวใจตัวเองสะดุด ความเจ็บปวดนั่นยังคงฝังลึกอยู่ในส่วนลึกของหัวใจ ความแค้นเคือง ความกังขา และคำถามอีกร้อยแปดที่ยังไม่มีคำตอบ แม้เวลาจะผ่านมานับสิบปี มือของเจียวเจี๋ยลูบเรือนผมสีดำสนิทของน้องสาวด้วยความรักใคร่ สกุลเจียวเหลือแค่ตนเองกับน้องสาวคนนี้ หากต้องการทวงความเป็นธรรม เจียวลู่จะต้องพร้อม และแข็งแกร่งมากพอที่จะสู้กับมือมืดที่สั่งฆ่าล้างสกุลของนาง “ยังมีพี่อยู่ ไม่มีอะไรที่เจ้าจะต้องกังวล” คำปลอบโยนไม่ได้ทำให้ดรุณีน้อยรู้สึกอุ่นใจขึ้นเลย เจียวลู่รู้ดี ทุกย่างก้าวต่อจากนี้ คงเต็มไปด้วยกองเลือดและความดำมืด ศัตรูที่ยังไม่เผยตัว ไม่มีทางปล่อยให้คนในสายสกุลเจียวมีชีวิตรอด เจียวลู่อยากรู้เหตุผลที่ทำให้คนคนนั้นอำมหิตได้ขนาดนี้ คนกว่าสองร้อยชีวิตไม่ใช่ผักปลา แต่ความตายกลับเงียบเหมือนคลื่นกระทบฝั่ง ทางการไม่ติดตามหาคนร้าย ไม่มีสักคนพูดถึง หรือทวงความยุติธรรมให้ “คุณหนูใหญ่คะ ทุกอย่างพร้อมแล้วเจ้าค่ะ” เจินเอ๋อเดินค้อมกายเข้ามา พลางเหลือบมองเจียวลู่ที่ยังคงอิดออด ถ่วงเวลาอยู่ “จัดสำรับให้ลู่เอ๋อก่อน หลังจากท่องบทกวีเสร็จ ข้าจะให้นางแช่น้ำว่านเพื่อกำจัดกลิ่นตัว ทำให้ตัวหอมเพิ่มขึ้นด้วย” เจียวลู่ตาเหลือก ทันทีที่คิดถึงน้ำสีตุ่นๆ ที่เต็มไปด้วยสมุนไพรกำจัดกลิ่น นางต้องนั่งนิ่งๆ เพื่อให้น้ำว่านเหล่านั้นซึมเข้ามาในชั้นผิว เป็นสูตรลับที่สตรีสกุลเจียวพึงปฏิบัติ สืบทอดกันมาจากต้นสกุล “ข้าขอแค่ถุงบุหงาอย่างเดียวไม่ได้หรือเจ้าคะ” เจียวลู่พยายามต่อรอง เจียวเจี๋ยยิ้มรับพลางส่ายหน้าปฏิเสธ เจียวลู่จะต้องไม่มีตำหนิแม้เพียงเม็ดฝุ่น หนทางการเข้าวังครั้งนี้ ไม่มีอำนาจบิดาหนุนนำแล้ว อุปสรรคที่เจียวลู่ต้องเจอ ไม่ใช่แค่นางกำนัลชั้นต่ำ มีผู้บงการที่สูงกว่านั้น ตั้งตาคอยขัดขวางอยู่เป็นแน่ “เชื่อพี่นะ ลู่เอ๋อ” เจียวลู่ก้มหน้าคอตก เจียวเจี๋ยจิตใจสงบมั่นคงขึ้น แม้เวลาขีดเส้นตายของสกุลเจียวจะขยับเข้ามา แต่นางก็ไม่อาจวางใจ เพราะเจียวเจี๋ยไม่อาจเดาได้ สกุลไหนที่ตั้งตัวเป็นศัตรูกับสกุลเจียว ในเมื่อสนมวังในมีมากมายหลายสกุล ที่ใหญ่คับฟ้าเลย ก็สายสกุลเฉิน พระสนมเฉินผู่เยว่ได้รับความกรุณาจากฮ่องเต้ตั้งแต่ถวายตัวครั้งแรก นางเป็นสนมที่ฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด ขยับตำแหน่งขึ้นมา จนเกือบไปถึงหวงกุ้ยเฟยแล้วแท้ๆ 2. แสงจันทร์เดือนสิบเอ็ด ส่องผ่านกระดาษกรุหน้าต่าง ทอดยาวลงบนพื้นไม้สีน้ำตาลไหม้ เจียวลู่พลิกตัวครั้งที่แปด ดวงตาของนางจับจ้องอยู่ที่เพดาน กับความคิดวกวนในหัว เหลืออีกสองวันเท่านั้น นางจะต้องออกเดินทาง จากเรือนหลังนี้ไปกับภารกิจแรกที่ต้องลงมือทำ หัวใจดรุณีน้อยเต้นรัวเร็ว หวาดกลัวว่าตนเองจะทำภารกิจนี้ไม่สำเร็จ และพลอยทำให้เจียวเจี๋ยผิดหวัง นับตั้งแต่วันมืดคืนเดือนดับวันนั้น เจียวลู่ไม่เคยย่างกรายออกไปพ้นเรือนนารีของบิดาเลย เจินเอ๋อคือข้ารับใช้ที่เติบโตมาในเรือนหลังนี้พร้อมนาง บิดา มารดาของนางจะเป็นคนคอยเข้ามาส่งเสบียง ทั้งอาหารสดและอาหารแห้งที่ใช้ประทั้งชีวิตได้คราวละสามเดือน “คุณหนูรอง นอนไม่หลับหรือเจ้าคะ” เสียงแหลมเล็กของเจินเอ๋อดังท่ามกลางความเงียบ เจียวลู่ผุดลุกขึ้นนั่ง จากนั้นไฟในโคมตะเกียงก็ถูกจุดขึ้น
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม