CHAPTER 7 เงาที่ไม่น่าไว้ใจ
พวกเราสามคนกำลังนั่งดูคลิปที่สงครามเอามาให้และทำการตัดต่อวิดีโอทั้งหมดรวมเข้าด้วยกันเพื่อให้ง่ายแก่การสืบหาตัวคนร้าย แต่ที่น่าเจ็บใจคือไอ้คนร้ายที่เล็งยิงไปที่คอปเตอร์มันสวมไอ้โม่งปิดหน้าปิดตาซะมิดชิด และมอเตอร์ไซค์ที่มันใช้ขับมาก็ยังไม่มีป้ายทะเบียนอีกด้วย แบบนี้ก็ไม่มีเหลือร่องรอยอะไรให้เราแกะตามได้เลย
“ดูไม่ออกเลยจริงๆนะครับว่าเป็นพวกไหน”
“นั่นสิ ฉันเพ่งจนลูกตาจะหลุดอยู่แล้วก็ยังไม่เห็นอะไรที่จะทำให้เราหาตัวไอ้มือปืนคนนี้เจอเลย”
ฉันสำทับคำพูดของไซไฟ แต่คอปเตอร์ก็ยังคงเงียบ เขานั่งจ้องจอคอมพิวเตอร์ต่ออีกพักหนึ่งก่อนจะเลื่อนมือไปที่เม้าส์แล้วกดย้อนกลับไปจังหวะที่ไอ้มือปืนกำลังจะก้าวขึ้นรถมอเตอร์ไซค์
“มีอะไรเหรอครับท่านคอปเตอร์ หรือว่าเจอเบาะแสอะไรแล้ว”
“นี่มันไม่ใช่รถธรรมดา แต่เป็นรถแต่ง ดูที่ท่อไอเสียของรถคันนี้สิ”
คอปเตอร์จัดการกดซูมเข้าไปที่ท่อไอเสีย ตรงรอบๆปากท่อมีตัวอักษรอะไรสักอย่างสลักติดเอาไว้ แต่มันเลือนรางซะจนอ่านไม่ออก
“นี่มัน…”
“นายรู้ว่ามันอ่านว่าอะไรเหรอ?” ฉันหันไปถามไซไฟ
“เปล่าหรอก ลางขนาดนี้ฉันก็อ่านไม่ออกเหมือนกัน แต่ว่าเดี๋ยวนี้ตามร้านแต่งรถหรือพวกร้านที่ขายอุปกรณ์เกี่ยวกับการแต่งรถน่ะ มักจะออกแบบสินค้าพวกนี้เอง จะเรียกว่าเป็นของเถื่อนก็ว่าได้ และถ้าของชิ้นไหนที่ออกแบบเองแล้วเสนอขายอย่างลับๆ ก็มักจะมีการสลักชื่อร้านเอาไว้ตามสิ่งของนั้นๆเพื่อป้องกันการก็อปปี้”
ไซไฟร่ายยาวมาเป็นชุด แต่สมองฉันช้าเลยต้องเรียบเรียงอยู่ในใจเพื่อทำความเข้าใจไปทีละลำดับ
“สรุปง่ายๆก็คือท่อไอเสียของรถคันนี้เป็นของที่ถูกทำขึ้นมาเองจากร้านค้าใดร้านค้าหนึ่งในประเทศนี้ เราจะต้องแกะรอยชื่อร้านที่สลักตรงท่อไอเสียนี้ให้ได้ ถ้าเรารู้ว่ามันเป็นของร้านไหน แล้วเอารูปรถคันนี้ไปให้เจ้าของร้านดู เขาต้องบอกเราได้แน่ว่าใครเป็นคนมาซื้อท่อไอเสียนี้จากเขา หรือถ้าจำไม่ได้อย่างน้อยก็อาจจะพอมีเบาะแสอะไรเพิ่มขึ้นมาบ้าง”
ฉันพยักหน้ารับอย่างเข้าใจในทันทีที่คอปเตอร์อธิบายให้ฟังจบ หัวดีใช่เล่นเหมือนกันนะหมอนี่ =O=
“ถ้างั้นผมจะเอาคลิปนี้ไปให้ไอ้ดอมเองครับ มันเก่งเรื่องแบบนี้ น่าจะแกะรอยชื่อร้านออกมาได้ไม่ยาก”
“ฝากจัดการด้วยละกัน อ้อ…เป็นความลับนะ บอกไอ้ดอมด้วย”
“ครับ”
ไซไฟรับคำ เขากดเปิดเอาซีดีเก็บใส่ไว้ในกล่องตามเดิมแล้วรีบออกจากห้องไป ได้เห็นฝีมือการสันนิษฐานและการคาดเดาเรื่องราวของพวกเขาสองคนแล้วก็อยากจะขอให้พวกเขาช่วยเรื่องพี่ฟาจังเลย แต่ตราบใดที่ฉันยังหาโค้ดเนมปาปาไม่เจอ ฉันก็ยังไว้ใจใครไม่ได้ทั้งนั้น ถึงแม้ว่าสองคนนี้จะเป็นคนของแดนเหนือ และพวกเขาก็ดูจะเป็นห่วงพี่ฟามากก็ตาม
“เป็นอะไรไปเหรอมายฟา จู่ๆก็ทำหน้าเครียดเชียว”
“อ๋อ เปล่าหรอก ฉันแค่กังวลแทนนายน่ะ”
“สามีเก่งอยู่แล้ว ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกนะคะ”
ฉันยิ้มกว้าง มือใหญ่จับหัวฉันโยกไปโยกมาแบบที่ชอบทำ พี่ฟานี่โชคดีจังเลยนะที่มีสามีน่ารักแถมเก่งขนาดนี้ ฉันซะอีก อยู่มาจนสิบแปดปีแม้แต่แฟนยังไม่เคยมีกับเขาเลย พอไปสารภาพรักใครเข้าหน่อยก็ถูกปฎิเสธด้วยคำพูดที่ว่า ‘เธอมีพี่ชายที่หล่อเกินไป นั่นก็เท่ากับว่าเธอหล่อกว่าฉัน!’ ฮึกๆ ชีวิตฉันต้องอยู่อย่างไร้แฟนมาตลอดก็เพราะดันมามีหน้าตาเหมือนพี่ฟาที่หล่อและฮอตมากๆในหมู่สาวๆจนพวกผู้ชายพากันรุมขยาดเมื่อตอนประถม T^T
ฉันแยกกับคอปเตอร์ทันทีที่เลิกเรียน เพราะเย็นนี้หมอนั่นมีนัดกับพวกนักเรียนในแดนเหนือว่าจะไปตีกับเด็กที่ไหนสักที่ ฉันขี้เกียจจะออกปากห้ามก็เลยปล่อยเลยตามเลยแล้วขอแยกตัวกลับบ้านก่อน ความจริงคือตั้งใจจะแวะไปเยี่ยมพี่ฟาแล้วค่อยกลับบ้านต่างหาก ให้ยัยแพนดูแลคนเดียวก็เกรงใจ ถึงยัยนั่นจะโคตรเต็มใจทำก็ตามแหละนะ
ตึก…ตึก…ตึก…
ฉันหยุดเดินหลังจากที่รู้สึกว่าจะมีเสียงฝีเท้าแปลกๆดังตามอยู่ข้างหลัง แต่พอฉันหยุดเดินเสียงฝีเท้านั้นก็หายไป หัวใจที่เคยเต้นอยู่ในระดับปกติกลับเต้นแรงขึ้นมาด้วยความกลัว ฉันกลืนน้ำลายลงคอพยายามที่จะระงับสติไม่ให้แตกกระเจิงไปก่อน ฉะ…ฉันอาจจะคิดไปเองก็ได้ล่ะมั้ง
ฉันกวาดสายตามองไปรอบๆ แต่ก็ไม่ได้หันซ้ายหันขวาจนดูเป็นพิรุธ โชคดีที่ยังพอมีคนอยู่แถวนี้บ้าง อาจจะเป็นเสียงฝีเท้าของใครสักคนที่บังเอิญเดินอยู่แถวนี้เหมือนกันก็ได้ คงเพราะเรื่องของพี่ฟาและเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้มันสะสมรวมกันในสมองจนทำให้ฉันเกิดอาการวิตกจริตไปก็ได้ แต่ขณะที่กำลังจะล้มเลิกความคิดที่ว่ามีคนสะกดรอยตาม สายตาของฉันก็ไปปะทะเข้ากับกระจกกลมๆที่จะมักจะติดอยู่ตรงทางเลี้ยวแบบสามแยกเพื่อให้รถที่อยู่ในซอยได้มองเห็นรถคันอื่นที่กำลังมาจากอีกทางเพื่อความปลอดภัย หากแต่สิ่งที่สะท้อนอยู่ในกระจกที่ฉันกำลังมองเห็นอยู่ตอนนี้ไม่ใช่รถยนต์หรือคนธรรมดาทั่วไป แต่เป็นผู้ชายตัวใหญ่ยักษ์ในชุดสีดำดูน่ากลัว กำลังหลบอยู่หลังเสาไฟฟ้าและจ้องเขม็งมาที่ฉัน!
ฉันค่อยๆล้วงมือไปในกระเป๋ากางเกง หยิบมือถือขึ้นมาทำเป็นคุยโทรศัพท์เพื่อลดอาการหวาดกลัวลงแล้วออกเดินต่อไป ดูท่าคงจะแวะไปหาพี่ฟาไม่ได้ซะแล้ว ผู้ชายคนนั้นจะต้องเป็นพวกของคนร้ายที่ทำร้ายพี่ฟาแน่นอน พวกมันต้องรู้แล้วแน่ๆว่าฉันไม่ใช่พี่ฟา และที่ส่งคนมาแอบตามฉันก็อาจจะเพื่อสืบหาที่อยู่ของพี่ฟา เท่ากับว่าตอนนี้พี่ฟากำลังตกอยู่ในอันตราย มีคนหมายจะเอาชีวิตของพี่ชายฉันอยู่!
เสียงฝีเท้าที่แอบตามฉันยังคงดังอย่างต่อเนื่องตราบใดที่ฉันไม่ได้หยุดเดิน ฉันอยากจะหลอกล่อพามันไปที่อื่นแต่ก็ดูอันตรายเกินไปเพราะฉันคงสู้แรงของมันไมได้ และก็ไม่แน่ว่ามันอาจจะพกอาวุธไว้กับตัวหรือมีพวกคนอื่นๆที่รอสนับสนุนอยู่ สิ่งที่ฉันทำได้คือการพุ่งตรงกลับมาที่บ้านเพื่อความปลอดภัย ( ในกรณีที่มันไม่รีบร้อนถึงขั้นบุกเข้าไปถึงในห้องฉันน่ะนะ )
กริ๊ก!
ฉันกดล็อกกลอนประตูอย่างแน่นหนาและออกแรงเลื่อนชั้นรองเท้ามากันประตูไว้อีกทอด ก่อนจะวิ่งไปล็อคประตูระเบียงปิดม่านและลงกลอนหน้าต่างทุกบาน ถึงฉันจะอยู่ชั้นสามแต่ก็ต้องปลอดภัยไว้ก่อนอยู่ดี ชั้นสามสำหรับพวกมันคงจะปีนป่ายขึ้นมาได้ง่ายๆเหมือนปีนต้นมะม่วงแน่ๆ เมื่อตรวจดูทุกอย่างเรียบร้อย ฉันก็จัดการปิดไฟที่โซนห้องรับแขกซึ่งเป็นที่นอนของพี่ฟาเพื่อกันไม่ให้มันเห็นเงาของฉันก่อนจะลองแง้มม่านที่ประตูระเบียงดู ที่หลังรถยนต์ด้านล่างคอนโดฯมีเงาของคนร่างใหญ่ยืนหลบอยู่ ดูจากเงาแล้วท่าทางมันจะกำลังมองขึ้นมาที่ห้องของฉัน…
ใครกันนะ!!!
ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงเจ้าของเงานั้นถึงจะยอมกลับไป ฉันถอนหายใจอย่างโล่งอก ค่อยๆไถลตัวลงนั่งกับพื้นอย่างหมดแรง น้ำใสๆรื้นขึ้นมารอบดวงตา น่ากลัวจริงๆ… ถ้าหากผู้ชายคนนั้นคือพวกของคนที่ทำร้ายพี่ฟา แสดงว่าพี่ฟาต้องไปรู้เห็นเรื่องอะไรมาแน่ๆ แต่จะให้ตัดว่าเป็นเรื่องของคนนอกผู้มีอิทธิพลอย่างเดียวก็ไม่ได้ ตราบใดที่โค้ดเนมปาปานั่นยังคงเป็นปริศนาอยู่!
กุกกัก กุกกัก
“อืม…”
ฉันปรือตาขึ้นมาถามกลางความมืด เสียงกุกกักแปลกๆที่ดังขึ้นมาปลุกให้ฉันตื่น ฉันกระพริบตาปริบๆเพราะยังงัวเงียอยู่ ก่อนที่เสียงกุกกักจะดังขึ้นมาอีกครั้งทำให้ฉันตื่นเต็มตา
สะ…เสียงอะไรกัน!
ฉันควานหาสิ่งของที่พอจะเอามาป้องกันตัวได้ แจกันดอกไม้ที่ไม่ได้ใส่ดอกไม้มานานมากแล้วถูกนำเอามาเป็นอาวุธ ฉันคว้ามือถือติดตัวไปด้วยเผื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน ค่อยๆเปิดประตูออกช้าๆ เมื่อเริ่มจับจุดที่มาของเสียงนั้นได้ว่ามาจากทางนอกระเบียง
เปรี้ยง!
เสียงฟ้าร้องคำรามพร้อมกับแสงของฟ้าแล่บทำให้ฉันเห็นเงาดำทะมึนที่อยู่นอกระเบียงได้ชัดเต็มสองตา จนเกือบปล่อยแจกันออกจากมือด้วยความตกใจ ดูจากเงาที่สะท้อนอยู่นอกผ้าม่านเมื่อกี้แล้ว มันคงกำลังพยายามที่จะงัดประตูระเบียงอยู่ ฉันได้แต่ยืนตัวแข็งทำอะไรไม่ถูก ใครกัน…ไม่ใช่คนเมื่อตอนเย็นแน่ๆ รูปร่างมันคนละคนชัดๆ
ครืด…ครืด…
“อ๊ะ!”
ฉันยกมือขึ้นอุดปากตัวเองไว้ได้ทัน มือถือที่อยู่ในมือสั่นขึ้นมาทำเอาขวัญกระเจิงไปคนละทาง คนที่โทรเข้ามาก็คือคอปเตอร์ ฉันรีบกดรับสายของเขาทันที
“ฮัลโหล”
[มายฟา หลับหรือยัง คือว่าฉันมา…]
“คอปเตอร์ ช่วยฉันด้วย มาช่วยฉันที”
ฉันพูดเสียงสั่น เงาดำข้างนอกระเบียงยังคงพยายามที่จะงัดประตูระเบียงอยู่ ตอนนี้ฉันถอยมายืนติดกับประตูทางออก พยายามใช้ก้นดันชั้นรองเท้ากลับไปไว้ที่เดิมเพราะมือทั้งสองข้างไม่ว่าง
[เกิดอะไรขึ้นมายฟา! ให้ฉันช่วยอะไร]
“มะ…มีใครก็ไม่รู้พยายามที่จะงัดประตูระเบียงที่ห้องฉันเข้ามา นะ…นายช่วยฉันด้วยนะ ฉันกลัว…”
[ใจเย็นๆก่อนนะ ฉันกำลังจะขึ้นไป พอดีฉันแวะผ่านทางนี้พอดีเลยซื้อของกินเข้ามาฝากนายน่ะ เปิดประตูห้องออกมาหาฉันเดี๋ยวนี้ ฉันจะขึ้นไปแล้ว]
ความกลัวที่เคยเอ่อล้นขึ้นท่วมร่างกายค่อยๆจางหายไป คอปเตอร์อยู่ที่นี่…เขามาหาที่นี่ ฉันปลอดภัยแล้ว พี่ฟา…สามีพี่มาช่วยฉันแล้วนะ
แกร๊ก!
“!!!”
ฉันหันกลับไปมองทางประตูระเบียงที่กลอนถูกงัดได้สำเร็จ ก่อนที่ประตูจะถูกเลื่อนเปิดออกช้าๆ ฉันไม่รอให้มันได้เดินเข้ามา รีบปลดล็อกประตูห้องแล้ววิ่งหนีออกมาอย่างไม่คิดชีวิต หัวใจเต้นระทึกจนแข้งขาอ่อนเกือบจะหมดแรง
ปึก!
“อ๊ะ!”
ร่างของฉันเซถลาล้มลงไปกับพื้นเพราะชนเข้ากับใครบางคนที่วิ่งขึ้นบันไดสวนขึ้นมา โชคดีจังที่ดึกดื่นป่านนี้แล้วยังมีคนใช้บันไดอยู่ ไม่งั้นฉันคงกลัวจนประสาทหลอนแน่ๆ
“มายฟา!”
“คะ…คอปเตอร์!”
ฉันพุ่งเข้ากอดคอปเตอร์ที่ถลาลงมาหาฉันไว้แน่น น้ำตาที่หายไปแล้วไหลพรากลงมาอีกครั้ง ตัวของฉันสั่นยิ่งกว่าลูกหมา ในขณะที่สองมือของเขาโอบฉันไว้แน่น ลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลังเพื่อให้ผ่อนคลาย
“มันเข้ามาแล้ว มันงัดห้องเข้ามา…”
ฉันชี้กลับไปที่ห้องของตัวเองซึ่งตอนนี้ถูกเปิดประตูทิ้งเอาไว้ วิ่งหนีตายขนาดนั้นฉันคงไม่มีกะจิตกะใจกลับไปปิดให้เรียบร้อยหรอก
“นายรออยู่ตรงนี้นะ ฉันจะไปดูเองว่ามันยังอยู่หรือเปล่า”
“ไม่นะ อย่าทิ้งฉันไว้คนเดียว”
ฉันดึงแขนคอปเตอร์ที่ลุกขึ้นจะเดินไปที่ห้องฉันเอาไว้
“เข้าใจแล้วๆ ถ้างั้นไปด้วยกัน ฉันจะปกป้องนายเอง ^^”
“จริงๆนะ นายจะปกป้องฉันแน่นะ?”
“ด้วยชีวิตเลยค่ะมายฟา ^^”
ฉันระบายยิ้มออกมาเล็กน้อย รู้สึกใจชื้นขึ้นมาเมื่อมีเขาอยู่ข้างๆ คอปเตอร์ดึงตัวฉันให้ลุกขึ้น เขาเลื่อนมือลงมาจับมือฉันไว้แน่นแล้วพาเดินไปพร้อมกัน
คอปเตอร์ชะลอฝีเท้าเพราะใกล้จะถึงหน้าห้อง เขาดันให้ฉันไปหลบอยู่ด้านหลังแล้วค่อยๆชะโงกหน้าเข้าไปดูก่อน ฉันเกาะชายเสื้อเขาไว้แน่น หวังว่าคงจะไม่มีการบู๊เลือดสาดในห้องของฉันนะ ยิ่งเป็นคนกลัวผีอยู่ด้วย
“ดูเหมือนว่ามันจะไปแล้วนะ”
ฉันรีบชะโงกหน้าเข้าไปดูบ้าง ภายในห้องไม่มีแม้แต่เงาของจิ้งจก ทุกอย่างเงียบกริบ เงียบเกินไปจนน่ากลัว
“นายรอตรงนี้นะ ฉันจะเข้าไปดูในห้องนอนกับที่ระเบียง”
ฉันพยักหน้ารับปล่อยให้คอปเตอร์เดินสำรวจจุดต่างๆในห้อง อากาตกใจก่อนหน้านี้หายไปจนหมด โชคดีจริงๆที่คอปเตอร์มาหาที่คอนโดฯพอดี ไม่งั้นป่านนี้ฉันคงจะกลายเป็นศพไปเรียบร้อยแล้ว ไอ้คนพวกนั้นมันคิดจะเล่นกันถึงชีวิตแน่ๆ นอกจากจะส่งคนมาคอยสะกดตามแล้วยังส่งคนบุกมาถึงที่ห้องอีก เรื่องนี้มันต้องไม่ใช่เรื่องเล็กๆ พี่ฟาไปรู้อะไรมากันแน่…
“มายฟา…มาทางนี้หน่อยสิ”
คอปเตอร์ที่ยืนจังก้าอยู่ตรงประตูระเบียงตะโกนเรียกให้ฉันไปหา น้ำเสียงของเขาดูกังวลพาลเอาฉันใจไม่ดีไปด้วย
“นี่มัน…”
ฉันยกมือขึ้นปิดปากเมื่อมองตามสายตาของคอปเตอร์ไปแล้วเจอกับสิ่งที่ไม่คาดคิด ที่ประตูระเบียงมีตัวอักษรที่ถูกเขียนด้วยหมึกสีแดงราวกับเลือดสดๆ ใจความที่เขียนไว้ก็คือ ‘ถ้าไม่เลิกยุ่งกับเรื่องนี้ พวกแกตาย!’ คำว่าพวกแกมันคงจะหมายถึงฉันกับพี่ฟาแน่ๆ แต่มันเรื่องอะไรกันล่ะที่พวกมันต้องการให้ฉันเลิกยุ่ง ฉันก็แค่อยากจะหาคนที่ทำร้ายพี่ฟาก็เท่านั้นเอง ไม่ได้ไปรู้เห็นเรื่องอะไรมาสักหน่อย แสดงว่าต้องเป็นพี่ฟาแน่ๆ พี่ฟาจะต้องไปรู้ความลับบางอย่างของพวกมันมา!
“นี่มันอะไรมายฟา คนพวกนี้มันเป็นใคร”
คอปเตอร์เบนสายตามาทางฉัน สีหน้าคาดคั้นเอาความจริง ถึงจะถามฉันก็เถอะนะ แต่ฉันไม่รู้อะไรด้วยเลย ที่ฉันกำลังทำอยู่ตอนนี้คือหาตัวเจ้าของโค้ดเนมปาปากับคนที่ทำร้ายพี่ฟาเท่านั้นเอง เรื่องอื่นฉันไม่รู้เลย T^T
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน จู่ๆเมื่อตอนเย็นก็มีคนสะกดรอยตามฉัน แล้วก็…ก็อย่างที่นายเห็น ฉันไม่รู้จริงๆนะ”
สาบานให้นมแบนยิ่งกว่าเดิมเลยเอ้า T^T!
“สะกดรอยตาม! นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆแล้วนะมายฟา ที่นี่ไม่ปลอดภัยสำหรับนายแล้ว”
“แล้วจะให้ฉันทำยังไงล่ะ ฉันไม่มีที่ไปนอกจากที่นี่นี่นา T^T”
ถ้ามีที่ไปฉันก็คงไปแล้วล่ะ จะไปนอนกับพี่ฟาที่โรงพยาบาลก็ไม่ได้เพราะฉันจะไม่มีทางให้ไอ้พวกนั้นมันรู้ที่อยู่ของพี่ฟาได้แน่ๆ ถึงได้ต้องยอมเสี่ยงกลับมาอยู่ที่คอนโดฯคนเดียวแบบนี้
“แต่จะว่าไป…มันเขียนไว้ว่าพวกแก แสดงว่าต้องมีมากกว่าหนึ่งคน นอกจากนายแล้วมันยังคิดจะเล่นงานคนอื่นด้วยงั้นเหรอ?”
ฉันสะดุ้งสุดตัว ทำไมต้องมาจับผิดข้อความของไอ้พวกนี้ด้วยนะ แล้วฉันจะแถว่าอะไรดีล่ะเนี่ย
“เอ่อ…พวกมันก็คงจะรีบเขียนล่ะมั้ง เลยอาจจะเผลอเติมคำว่าพวกเข้ามาด้วย แต่จริงๆคงหมายถึงฉันคนเดียวมากกว่า =__=;;”
“ถ้างั้นก็ยิ่งน่าแปลกใหญ่ ถ้ามันหมายหัวนายคนเดียว แล้วนายไปมีเรื่องอะไรกับพวกมันล่ะ ทีแรกฉันนึกว่าคงจะมีใครในแดนเหนือชักชวนนายไปทำเรื่องอะไรมาจนพลอยโดนหางเลขไปด้วยซะอีก สรุปแล้วไม่ใช่หรอกเหรอ?”
เวรกรรม! ดันไปแถเปลี่ยนความคิดของซะงั้น ถ้าไม่มั่วนิ่มพูดออกไปคงรอดไปแล้วแท้ๆ โง่จริงๆเลยไอ้ซอลเอ๊ย TOT
“ช่างเถอะ เรื่องนี้ไว้ค่อยคิดกันทีหลัง นายรีบไปเก็บเสื้อผ้าแล้วก็ของจำเป็นทั้งหมดเดี๋ยวนี้”
“เก็บ? เก็บไปไหน!”
“ไปอยู่กับสามีไงคะ ^^”
“ว่าไงนะ!”
“ไม่ต้องตกใจ ฉันจะไม่ยอมให้นายต้องอยู่ในที่ที่เคยมีคนร้ายบุกเข้ามาหรอกนะ เพราะนายอาจจะไม่โชคดีมีฉันแวะมาหาแบบนี้บ่อยๆแน่”
“แต่ว่า…”
“นี่คือคำสั่งของหัวหน้า ไปเก็บกระเป๋าเดี๋ยวนี้”
คอปเตอร์ออกคำสั่งเสียงเฉียบ ถึงที่เขาพูดมาจะมีเหตุผลมากถึงมากที่สุดก็ตาม แต่จะให้ไปอาศัยอยู่กับเขาแบบนี้ความลับเรื่องที่ฉันเป็นผู้หญิงก็มีสิทธิ์แตกได้น่ะสิ!
“จริงสิ ฉันสังเกตมาพักหนึ่งแล้วนะมายฟา…”
“อะไรเหรอ?”
“นายเป็นเนื้องอกเหรอ -*-“
หมับ! หมับ!
“O__O!!!”
ฉันเบิกตากว้างตัวแข็งเป็นหินเมื่อมีทั้งสองข้างของคอปเตอร์ตะปบลงมาที่หน้าอกทั้งสองข้างของฉัน ลืมไปเลยว่าตอนนอนฉันถอดผ้าพันหน้าอกออก มะ…ไม่นะ!
หน้าอกของฉัน กรี๊ดดดดด T[]T!!!