บทที่ 4-2 บ้านใหม่กับยัยปีศาจ

997 คำ
นิลอรแกล้งเย้าแล้วสอดสมุดโน้ตลงในกระเป๋าสะพายไหล่ ใบหน้าของโจนาธานที่กำลังบูดบึ้ง ก็คลายออกในทันใด ลูกคือความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่ นิลอรแบกรับเพียงลำพังได้อย่างไรตั้งหลายปี “แองจี้” “อะไรคะ” ถามกลับแต่เขาไม่ตอบ ทว่ากวักมือเรียกให้เข้าไปหา เธอเลยวางกระเป๋าไว้ข้างเด็กๆ ที่ตอนนี้นอนดูโทรทัศน์สบายใจ น่าตีจริงๆ เจ้าแสบสองคนนี้คงจะดีใจที่ไม่ได้ไปโรงเรียน “มีอะไรคะ” เธอถามเขาอีกหนเมื่อเดินมาถึง หนุ่มใหญ่เกี่ยวเอวบางเข้าสู่อ้อมแขน ก่อนจะรั้งนิลอรนั่งลงบนตัก ฝ่ามืออุ่นประคองใบหน้างามอย่างอ่อนโยน นัยน์ตาสีฟ้าครามฉายชัดภาพหญิงสาวที่ถักเปียคู่อยู่ในนั้น สี่ปีมาแล้ว ที่เขาให้หล่อนลำบากอยู่คนเดียวโดยที่ตัวเองไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากนึกโกรธแค้นชิงชัง แต่กระนั้นก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า ในความโกรธแค้นชิงชัง ก็ตอกตรึงความรักที่มีต่อเจ้าหล่อนเอาไว้อย่างแนบแน่นเช่นกัน “ขอบคุณนะแองจี้ เธอคือสิ่งมีค่าที่สุดของฉัน ฉันดีใจเหลือเกินที่ได้รู้จักเธอ ได้รักและได้มีโอกาสมีลูกกับเธอ ไม่ว่าเธอจะรังเกียจกันที่...ฉันแก่ แต่ฉันก็ยังอยากบอกอยู่ดีว่าคนแก่ๆ คนนี้รักเธอเสมอนะที่รัก” เอ่ยจบก็จุมพิตคางมนของคนที่อยู่บนตัก นิลอรหน้าแดงก่ำเมื่อถูกพิษคำหวานเข้าเล่นงาน ลูกสองคนเข้าไปแล้วยังจะมาหวานแหววกันอยู่ได้นะตาแก่เอ๊ย เธอสอดแขนโอบรอบลำคอแกร่ง ก่อนจะหรี่ตาถามเขาอย่างต้องการคำตอบที่แท้จริง “คุณแน่ใจแล้วหรือว่ารักฉัน ฉันมันนางมารร้ายนะ” เธอหรี่ตาถามเขาอย่างเจ้าเล่ห์ หนุ่มใหญ่ยิ้มกว้างอย่างยินดี หล่อนถามอย่างนี้แสดงว่าเขายังพอมีหวังใช่ไหม “ฉันยอมให้นางมารร้ายฉีกอกได้ทุกกรณีจ้า” ว่าแล้วก็จุมพิตเร็วๆ ที่ริมฝีปากอิ่มสวย ทำเอาคุณแม่ยังสาวต้องฟาดฝ่ามือใส่แขนแกร่งแรงๆ ก็เขาช่างหน้าด้านจับโน่นจูบนี่อยู่ตลอดเวลา “รออีกสักพักค่อยกลับสิงคโปร์นะคะ ขอฉันจัดการเรื่องร้านกับเรื่องเรียนให้ลูกก่อน เด็กๆ ต้องทำพาสปอร์ตด้วย” “เดี๋ยวฉันจะช่วยจัดการเอง ไม่ต้องกังวลนะ มีเงินซะอย่าง” หนุ่มใหญ่คุยโวโอ้อวด นิลอรเบะปากให้เพราะหมั่นไส้ “ฉันไม่รวยเป็นเศรษฐีบ้างก็ให้มันรู้ไป เชอะ!” “เป็นเมียเศรษฐีแทนก็ได้นี่คนสวย” โจนาธานตอบเอาใจแองจี้น้อย ฝ่ามือหนาเลื่อนลงมาคลึงที่รอบเอวอย่างกระหายในบางอย่าง นิลอรหรี่ตามองพ่อของลูกอย่างเหนื่อยหน่าย เพราะบางสิ่งบางอย่างมันแทบจะแทงทะลุช่องว่างระหว่างขาของเธอขึ้นมาให้ได้ชม “นี่คุณ เอามือออกจากเอวฉันนะ!” รีบท้วงทักออกไปก่อนที่มือใหญ่จะทำมากกว่าเคล้นคลึงและลูบคลำ แต่แทนที่เขาจะเอามือออก กลับส่งสายตาหวานเชื่อมมาให้ “แองจี้...ขึ้นห้องกันเถอะ” โจนาธานรั้งร่างบางเข้าหาพลางกระซิบประโยคที่เอ่ยด้วยเสียงกระเส่าข้างหูนิลอร “จะบ้าเหรอ เด็กๆ ก็อยู่นะ คุณจะให้ฉันขึ้นไปบนห้องกับคุณกลางวันแสกๆ โอย...ไม่เอาหรอก” นิลอรแทบจะบีบคอคนชวนหากว่าเขาไม่รวบมือเธอไว้เสียก่อน “น่านะ แป๊บเดียวเอง ห้านาที” เขาต่อรอง “เชื่อตายล่ะ อย่างคุณห้านาทีไม่เคยพอหรอกตาบ้า” คุณแม่ลูกสองประชดคืนด้วยความจริงอย่างที่สุด แต่พอเห็นสายตาเว้าวอนกับบางสิ่งที่เครียดขมึงร้อนผ่าวจนซึมผ่านเนื้อผ้าขึ้นมาให้เธอรู้สึก ก็ชักจะสงสารตาแก่ของตัวเองขึ้นมา “โธ่...แองจี้ ก็ฉันคิดถึงเธอนี่นา” เขาว่าแล้วก็ทำหน้าเศร้า ไหล่ตก และตาละห้อยอย่างน่าเห็นอกเห็นใจ จนในที่สุดนิลอรก็ใจอ่อน แต่ทว่าจะขึ้นไปข้างบนตอนที่ลูกๆ ยังนอนดูโทรทัศน์อยู่ข้างล่างอย่างนี้หรือ เธอรู้ละว่าพวกเขาจะมีความสุขมากที่สุดหากเธอไม่รบกวนเวลาดูโทรทัศน์ นั่นเพราะในหนึ่งวัน เธอจะให้ลูกๆ ดูโทรทัศน์ได้แค่สองชั่วโมงเท่านั้น “แต่ว่าเด็กๆ” นิลอรอิดออดเล็กน้อย ก็แหม...หน้าที่แม่มันค้ำคอละนะก็ต้องคิดถึงลูกๆ นิดหนึ่ง “เด็กๆ ค้าบ เดี๋ยวแด็ดดีกับมามี้จะขึ้นไปซ่อมขาเตียงนะครับ เด็กๆ อยู่ข้างล่างห้ามซนน้า แล้วก็ห้ามเปิดประตูให้ใครด้วย เข้าใจหรือเปล่า” “ค้าบ / ค่า” สองแฝดขานรับพร้อมกันโดยไม่หันมามองบิดาด้วยซ้ำ พวกเขามีความสุขมากมายที่ได้นอนดูการ์ตูนเรื่องโปรดโดยที่พ่อแม่ไม่มาทำเสียงรบกวน “เห็นไหมแองจี้ แค่นี้ก็สบาย” เขายักไหล่อย่างอารมณ์ดีก่อนจะตวัดร่างอรชรของนิลอรขึ้นสู่อ้อมแขนด้วยความรวดเร็ว และสองนาทีต่อมา ทั้งคู่ก็มาถึงห้องนอนที่อยู่ชั้นบน “ฉันว่า...เตียงมันพังอย่างนั้น เราเลิกล้มสิ่งที่กำลังจะทำแล้วลงไปข้างล่างดีกว่านะ” จู่ๆ คุณแม่ลูกสองก็ประหม่าเขินกะทันหัน เธอเตรียมชิ่งหนีคนที่อุ้มขึ้นบันไดมา แต่ทว่าไม่สำเร็จ หมับ! “ปล่อยนะ!” โจนาธานยิ้มกริ่มเมื่อเห็นท่าทีปัดป้องน้อยๆ จากภรรยาทางพฤตินัย หล่อนน่ารักน่าใคร่ขนาดนี้ ต่อให้เตียงตรงหน้ามันขึงด้วยตะปูคมๆ เขาก็ไม่รีรอเลยที่จะโถมกายลงไปนอน เพื่อรองรับร่างหล่อนแล้วนำพาแม่คนนางฟ้าคนงามเดินทางท่องเที่ยวไปในดินแดนแสนหฤหรรษ์
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม