“สรุปว่าเธอจะยอมไปอยู่กับฉัน ไปเป็นแม่ของลูกฉัน และนอนเตียงเดียวกับฉัน แต่ไม่ต้องการทะเบียนสมรสเนี่ยนะ! โอ้พระเจ้า! ไม่อยากจะเชื่อเลย”
โจนาธานสบถต่ออีกสองสามคำก่อนจะลุกออกไปจากห้อง เขาคงคุยกับแม่ของลูกต่อไม่ได้โดยไม่ได้บีบคอของหล่อน พูดออกมาได้ว่าไม่อยากจดทะเบียนสมรส ทั้งที่เขาเปิดทางให้หล่อนเสียขนาดนี้ หล่อนคงจะไม่ได้รักกันเลย ใช่สิ! คนที่หล่อนรักก็มีเพียงคนเดียวนั่นแหละ
นิลอรนอนถอนหายใจทิ้งอย่างคิดไม่ตก โจนาธานกลับเข้ามาอีกครั้งพร้อมกับกระเป๋าเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัว เขาลงไปหยิบมาจากรถที่จอดอยู่ใต้ถุนร้านกาแฟ เขาหอบทั้งหมดเข้าไปในห้องน้ำและกลับออกมาในสิบห้านาที
“ฉันพูดเรื่องจริง และทุกอย่างจะเป็นไปตามนั้น”
นิลอรลุกมานั่งที่ปลายเตียงเพื่อเตรียมตัวไปอาบน้ำบ้าง เธอยืนยันเรื่องที่พูดกับเขาก่อนหน้านี้ด้วยใบหน้าเรียบเฉย
“ทำไมล่ะแองจี้ ฉัน...ฉันนึกว่าเรารักกันเสียอีก”
บุรุษผู้มากวัยกว่า เอ่ยออกมาด้วยความไม่เข้าใจ ไม่แยแสหยดน้ำที่หยดลงมาตามช่อผมจนมันเปียกไปทั่วเชิ้ตสีขาวที่สวมอยู่
“ไม่มีความรักระหว่างเราหรอก มันมีแค่ความรับผิดชอบของคนสองคนที่มีต่อชีวิตของลูกๆ แล้วก็...เซ็กซ์ มีเพียงเท่านั้นแหละ เชื่อฉันเถอะ”
เอ่ยออกไปอย่างขมขื่น เธอไม่อยากจดทะเบียนกับเขา ไม่ใช่เพราะว่าไม่ได้รัก แต่เป็นเพราะเธอไม่คู่ควรต่างหาก เขาโก้หรูดูดีและหล่อเหลา ถึงแม้อายุห่างกันไปหน่อย แต่เชื่อเถอะว่าใบหน้าลูกครึ่งคมเข้มนั้นสามารถกระชากใจสาวน้อยสาวใหญ่ได้อย่างสบาย แล้วไหนจะสังคมของเขาอีกล่ะ งานของเขา ความนับหน้าถือตาที่มีคู่กับนักธุรกิจระดับนี้ เธอไม่บังอาจพาตัวเองซึ่งเป็นเพียงเด็กกำพร้า ไปยืนเคียงข้างเขาในตำแหน่งภรรยาหรอก ขอแค่ได้อยู่ใกล้ๆ ได้ดูแลเขากับลูกๆ ก็พอ
แต่แน่นอนว่า เขาอย่าได้บังอาจมีใครในขณะที่นอนเตียงเดียวกับเธอเป็นอันขาด!
โจนาธานนิ่งเงียบไม่พูดต่อ เงียบขรึมลงไปในตอนนั้น เขาจัดการกับผมที่เปียกภายในเวลาอันรวดเร็ว ก่อนจะออกไปจากห้องเพื่อดูว่าเด็กๆ ตื่นนอนหรือยัง
นิลอรลุกไปอาบน้ำแต่งตัวบ้าง อย่างแรกที่ต้องทำในวันนี้ก็คือส่งเด็กๆ ไปโรงเรียน ก่อนจะกลับมาเคลียร์เรื่องร้านในช่วงที่เธออาจจะไม่อยู่ เธอคงต้องหาคนมาซื้อ อาจต้องลงขายทางเน็ตและติดต่อนายหน้าด้วยเพราะเป็นการขายอย่างเร่งด่วน แถมยังขายพร้อมกับบ้านหลังนี้ด้วย ส่วนรถยนต์คงต้องจอดไว้ที่บ้านของเขา เธอคิดว่าจะไปอยู่กับเขาสักเจ็ดหรือแปดปีเป็นอย่างต่ำ ถึงตอนนั้นเด็กๆ คงโตมากพอที่จะรับรู้ว่า พ่อกับแม่ของเขาไม่จำเป็นต้องอยู่บ้านเดียวกัน และถ้าโชคเข้าข้าง เธออาจจะขอเลี้ยงใครคนใดคนหนึ่งระหว่างเจค็อบกับเจสสิก้า
“โอ....ให้ตายสิ!” นิลอรอุทานอย่างร้าวรานใจ เธออยู่ในห้องน้ำ กำลังจัดการกับผมที่เต็มไปด้วยแชมพู จู่ๆ ก็ปวดหัวใจเหลือเกินเมื่อคิดถึงช่วงเวลาอันหดหู่ตอนที่พรากสองแฝดออกจากกัน มันต้องมีทางที่ดีกว่านี้สิ
ใช่! ยัยปีศาจนั่นไง เธอต้องกำจัดยัยเอลิซก่อนที่เจ้าหล่อนจะกำจัดเธอ
เมื่อคิดได้ดังนั้น แม่สาวผิวสีน้ำผึ้งนวล ก็เร่งทำธุระส่วนตัว ทว่าพอออกมาจากห้องน้ำแล้วพบเข้ากับสภาพเตียงอันยุ่งเหยิง ก็ต้องส่ายหน้าอย่างเหนื่อยหน่าย เธอยังเก็บเตียงไม่เสร็จ เธอควรโทษใครดีล่ะ ในเมื่อเตียงของเธอไม่เคยดูแย่ขนาดนี้มาก่อน
คุณแม่ลูกสองใช้ผ้าเช็ดตัวโพกศีรษะที่เปียกชุ่ม ก่อนจะเดินไปที่โต๊ะเครื่องแป้งเพื่อทาตัวด้วยครีมเหนอะๆ ถ้าไม่ห่วงสวยละก็ เธอไม่มีวันเสียเวลาอันน้อยนิดนี้อยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งอย่างเด็ดขาด เธอเอาไดร์มาเป่าผมจนแห้งและจับมันถักเปียคู่ สุดท้ายก็เปิดตู้หาเสื้อผ้ามาสวม เสื้อยืดลายการ์ตูนกับกางเกงยีนสีซีดและเข็มขัดเชือกสาน คือสิ่งที่เธอเลือก เธอจัดการให้ทุกอย่างมาอยู่บนร่างในเวลาเพียงไม่กี่นาที แล้วค่อยหันมาจัดการเก็บเตียงอันยุ่งเหยิง
เธอหยิบตุ๊กตาสามสี่ตัวที่พิงไว้กับหัวเตียงลงมาวางบนพื้น รวมกับพวกที่ร่วงลงมาตั้งแต่เมื่อคืน พอเสร็จก็ดึงผ้านวมที่สลัดไว้อย่างลวกๆ ก่อนหน้านี้ลงมากองรวมกัน ทว่าพอเห็นร่องรอยบางอย่างบนผ้าปูที่นอน หนามแหลมคมของความปวดร้าวมันก็กระแทกใจอย่างจัง ริมฝีปากอิ่มสวยที่เคลือบทาด้วยลิปกลอสบางๆ เม้มเข้าหากันแน่น ดวงตาสีนิลเข้มขึ้นราวสีราตรีกาลที่ไร้แสงเดือน เธอทั้งโมโห และขุ่นเคือง มันสับสนปนเปกันไปหมด
“ยัยร่าน! ใจง่าย!” สองมือกระชากผ้าปูที่นอนออกจากฟูก แทนที่จะขึงให้มันเรียบตึง และพอดึงด้วยอารมณ์พาลๆ ปมผ้าปูที่นอนมันเลยไม่ยอมหลุดง่ายๆ
“อะไรวะ! ไม่ได้ดั่งใจ ฮึ่ม! ไม่ออกใช่ไหม ก็ได้! ฮึบ!”
เธอกระโดดขึ้นเตียงเพื่อทำภารกิจดังกล่าวให้สำเร็จ แต่ดูเหมือนว่าขาเตียงเจ้ากรรมมันจะไม่เป็นใจ เพราะเพียงแค่เจ้าของกระโดดขึ้นไป ขาเตียงที่เป็นแบบโครงไม้บล็อกติดกันไว้ด้วยนอตตัวใหญ่ ก็พร้อมใจกันส่งเสียงลั่นเอี๊ยดอ๊าด ก่อนจะ...
“ไม่ๆๆ ไม่นะ!! กรี๊ดดด!!!”
โครม!
เสียงกรีดร้องดังไล่เลี่ยกับเสียงโครมครามของเตียงหลังใหญ่ ที่ส่วนล่างนั้นหลุดออกจากกันในแบบที่ผู้เป็นเจ้าของไม่เคยคาดคิด น็อตตัวใหญ่มากกว่าหนึ่งตัวกลิ้งหลุนๆ ไปกระทบผนังห้องพร้อมกับร่างของนิลอรที่กลิ้งตกจากเตียง ใบหน้างามฉายชัดความตื่นตกใจที่มาพร้อมกับความเจ็บจุก
เสียงฝีเท้าตึงตังดังขึ้นที่นอกห้อง ก่อนที่ร่างของสามพ่อลูกจะปรากฏที่หน้าประตู นิลอรคลำบั้นท้ายป้อยๆ ขณะที่โจนาธานครางงึมงำในสิ่งที่ตาเห็น เจ้าหนูสองคนที่มีแปรงสีฟันคาอยู่ในปากคนละอัน ส่งเสียงหัวเราะคิกคักอย่างเห็นเป็นเรื่องสนุก เมื่อเห็นเตียงหลังใหญ่ของมารดากลายเป็นเพียงเศษไม้ไร้ค่า
“โธ่...แองจี้ อยากได้เตียงใหม่ทำไมไม่บอกล่ะที่รัก”
หนุ่มใหญ่พูดติดตลกพร้อมรอยยิ้มที่มุมปาก เขาอยากหัวเราะให้สะใจนั่นแหละแต่ยังไม่กล้าพอ
นิลอรส่งสายตาพิฆาตให้ตาแก่หน้าหล่อผู้เป็นสามี ถ้าไม่ใช่เพราะเขาละก็ เตียงนี่คงไม่พังเร็วขนาดนี้หรอก
“เด็กๆ ไปอาบน้ำแปรงฟันให้เรียบร้อยก่อนเร็ว เดี๋ยวจะไปโรงเรียนสายนะครับ” โจนาธานบอกลูกแฝดด้วยเสียงทุ้มอย่างผู้ใหญ่ใจดี เด็กน้อยทั้งสองรีบผละจากหน้าประตูเพื่อไปแปรงฟันให้เสร็จเรียบร้อย