บนหาดทรายสีขาวเนียนละเอียด มีแสงอาทิตย์สอดส่องรำไรผ่านกิ่งก้านใบของต้นมะพร้าวที่ตั้งเรียงรายเป็นทิวแถวสวยงาม ห้าสาวในชุดเบาสบายหลากหลายสีสันนั่งและนอนดื่มด่ำบรรยากาศ สายตามองไกลออกไปถึงเส้นขอบฟ้าของท้องทะเลอันกว้างใหญ่ที่แสนสบายตา
นั่งโง่ ๆ นอนโง่ ๆ ชมนกชมไม้ราวกับคนไม่มีเรื่องอะไรให้ต้องคิด ทว่าความจริงแล้วภายในใจของแต่ละคนกลับเต็มไปด้วยความว้าวุ่นแตกต่างกันออกไป ทุกคนล้วนมีเรื่องราวที่ทำให้หนักอกหนักใจจนต้องเก็บเสื้อผ้าแล้วบินมาพักกายพักใจไกลถึงจังหวัดภูเก็ต เพื่อให้ทะเลโอบกอดและเยียวยาจิตใจให้ผ่อนคลายขึ้น
ทริปนี้ถือเป็นการรวมตัวกันอีกครั้งของห้าสาวหลังจากเรียนจบและแยกย้ายกันไปเติบโตในแบบของตัวเอง หากแล้วบนเส้นทางชีวิตของทุกคนก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอไป เมื่อครั้งหนึ่งมีสุข ก็ย่อมมีจังหวะทุกข์เป็นธรรมดา
และเมื่อความทุกข์ของทั้งห้าสาวเกิดขึ้นในช่วงเดียวกันราวกับนัดกันมา จึงทำให้เกิดเป็นทริปเล็ก ๆ ที่เข้าคอนเซปต์ที่หลาย ๆ คนเคยพูดเอาไว้...
‘เมื่อใจมันเซ...ทะเลก็คือจุดหมาย’
“เฮ้อ…” เสียงที่เต็มไปด้วยความเหนื่อยใจของ ‘จันทร์เจ้า’ ไกด์สาวในชุดสายเดี่ยวผูกโบข้างหน้ากับกางเกงขาสั้นสีขาวที่นั่งอยู่ตรงกลาง เรียกให้เพื่อนสาวอีกสี่คนที่นั่งและนอนอยู่บนเตียงอาบแดดทั้งสองฝั่งต้องหันหน้าไปมองอย่างสงสัยใคร่รู้ หากยังไม่มีใครได้เอ่ยถามอะไรออกไป เจ้าตัวก็ผุดตัวขึ้นมานั่งขัดตะหมาดบนเตียงของตนเองพร้อมกับถอดแว่นกันแดดสีชาออก เผยให้เห็นใบหน้าจิ้มลิ้มที่ฉายความเซ็งออกมาทางสีหน้าเต็มที่ “ชีวิตคนเราก็เปรียบเหมือนทะเล มีขึ้นก็ต้องมีลง มีผิดหวัง สมหวังปะปนกันไป บางครั้งทะเลก็ราบเรียบ แต่บางครั้งก็มีคลื่นโหมกระหน่ำ สาดซัดเข้ามาครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่รู้จะหายไปเมื่อไหร่...”
“เป็นอะไร” ‘กอหญ้า’ สาวนักออกแบบแห่งบริษัทจิวเวลรีชื่อดังในชุดบิกินีสีเนื้อสุดวาบหวิวที่นั่งเตียงอาบแดดริมฝั่งซ้ายสุดถามออกไป เมื่ออยู่ ๆ เพื่อนสนิทก็เวิ่นเว้อขึ้นมาอย่างกับคนมีเรื่องทุกข์ใจหนักหนา “อกหักเหรอ”
“ไม่ใช่ แกก็รู้ว่าฉันไม่เชื่อเรื่องพวกนี้ แล้วแฟนก็ไม่มี จะเอาอะไรมาอกหัก” จันทร์เจ้าตอบก่อนจะบุ้ยหน้าไปยังเพื่อนอีกคนที่นอนอยู่บนเตียงอาบแดดตรงกลางระหว่างตนกับกอหญ้า “ไอ้ดาวนู่นที่อกหัก”
‘ปลาดาว’ แม่สาวโลกสวยจอมเพ้อประจำกลุ่มรีบหันขวับไปมองทันทีที่ถูกพาดพิงถึง แล้วใบหน้าหวานก็ต้องสลดลงเมื่อมองผ่านจันทร์เจ้าไปยังเตียงอาบแดดตัวถัดไปแล้วได้สบตากับเพื่อนสนิทอีกคนอย่าง ‘มาริน’ ที่กำลังมองมาที่ตนอยู่เช่นกัน
“บะ...บ้าเหรอ ฉันเนี่ยนะจะอกหัก อกหักทิพย์ละสิไม่ว่า” ว่าจบก็หัวเราะกลบเกลื่อนความรู้สึกหน่วงลึกในใจ
“เห็นพี่ ๆ คุยกันในไลน์กลุ่มวันนั้น บอกว่ามีเรื่องเครียดก็เลยชวนกันมาเที่ยว มีเรื่องอะไรกันเหรอคะ” ‘ฟองคลื่น’ สาวรุ่นน้องวัยสิบเก้าย่างยี่สิบปีที่อายุน้อยที่สุดในกลุ่มถามขึ้นด้วยความสงสัย เมื่อสามวันก่อนเธอเห็นพี่ ๆ ชวนกันในแชตกลุ่มว่าจะมาทะเลเพราะมีเรื่องเครียด ด้วยเป็นเจ้าถิ่นกอปรกับตอนนั้นเธอเองก็คิดถึงทุกคนเหมือนกันและมีอารมณ์เหงา ๆ จึงรีบขันอาสารับหน้าที่เป็นคนจัดการทริปทั้งหมด และให้ทุกคนพักที่โรงแรมของตนเองในราคาสุดพิเศษ จึงไม่ได้ถามว่าเรื่องเครียดที่ว่าของแต่ละคนมันคือเรื่องอะไร
ฟองคลื่นเป็นนักศึกษาสาวปีสาม บังเอิญได้มาสนิทและได้อยู่แก๊งเดียวกันกับพี่ ๆ ผ่านกิจกรรมประกวดดาวเดือนของทางมหา’ลัย จับพลัดจับผลูได้มาอยู่ในแก๊ง ‘รวมดาว’ กับอีกสี่สาวแบบงง ๆ แต่ด้วยนิสัยและอะไรหลาย ๆ อย่างที่เข้ากันได้ดีอย่างหน้าประหลาด หรือจะเรียกว่า ‘ศีลเสมอกัน’ ก็ว่าได้ จึงทำให้เธอสนิทและเข้ากับทุกคนไปโดยปริยาย กระทั่งพี่ ๆ เรียนจบและแยกย้ายกันออกไปทำงาน ความสนิทนั้นก็ไม่เลือนหายไป
“พี่มารินก่อนเลย ตัวตั้งตัวตีของทริปนี้ มีเรื่องเครียดอะไรเหรอคะ” เมื่อเห็นว่าคนอื่น ๆ เอาแต่นั่งนิ่ง ฟองคลื่นจึงเลือกถามแบบเฉพาะเจาะจงโดยเลือกคนที่นั่งใกล้ตัวเองมากที่สุดก่อน ซึ่งก็คือมาริน
“เอ่อ...คือพี่” คนถูกถามมีท่าทีอึกอักเล็กน้อย เหล่ตาไปมองจันทร์เจ้าที่รู้เรื่องราวของตนเพื่อขอความช่วยเหลือ หากสิ่งที่ได้กลับมามีเพียงแค่แววตาเห็นใจ เพราะอีกฝ่ายก็ไม่รู้ว่าจะช่วยอย่างไรเช่นกัน
“เห็นว่าเรื่องงานก็ไปได้ดีเลยนี่ ไม่เห็นมีเรื่องอะไรให้ต้องเครียด” กอหญ้าถามขึ้นมาอย่างอดรนทนไม่ไหว สังเกตเห็นสีหน้าและแววตาเศร้า ๆ ของเพื่อนตั้งแต่เจอกันที่สนามบินแล้ว แต่ยังไม่มีโอกาสได้ถามอะไร “หรือว่าแกอกหักเหรอวะ”
“นั่นสิคะ หรือว่าโดนหนุ่ม ๆ ที่ทำงานหักอกมา” คำถามกึ่งเย้าแหย่ของสาวรุ่นน้อง ทำให้มารินแทบไปต่อไม่ถูก ด้วยเหตุที่ทำให้เธอต้องหนีมาไกลถึงทะเล ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะเพื่อนร่วมงานที่เพิ่งย้ายเข้ามาใหม่นั่นแหละ
“บ้าบอ ไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละ ก็แค่อยากมาเฉย ๆ เอาเรื่องของแกดีกว่าไอ้กอหญ้า เป็นไงมาไงถึงโดนไล่ออก” ‘มาริน’ สถาปนิกสาวตอบแบบปัด ๆ แล้วรีบเฉไฉไปที่เรื่องของคนอื่นทันที เพราะการมีใจให้ผู้ชายที่เพื่อนชอบคงไม่ใช่เรื่องที่ควรพูดสักเท่าไร อีกทั้งเพื่อนคนนั้นก็นั่งร่วมวงสนทนาอยู่ตรงนี้ด้วย...
“อ้าว...ยัยนี่ ปากเสีย ยังไม่โดนไล่ออกโว้ย แค่บริษัทโดนเทกโอเวอร์ ผลงานของฉันไม่เข้าตาเจ้านายคนใหม่” นึกถึงเรื่องนี้แล้วนักออกแบบสาวที่แสนอารมณ์ดีและเป็นที่รักของทุกคนก็ได้เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันเจ้านายใหม่อยู่ในใจ ด้วยเพราะมีเรื่องให้ปะทะกันไม่เว้นแต่ละวัน
“แล้วพี่จันทร์เจ้าล่ะคะ แว่ว ๆ ว่าก็เครียดเรื่องงานเหมือนกันใช่ไหม” ฟองคลื่นชะโงกหน้าออกไปถามคนที่นั่งถัดจากมาริน
“อือ...” ไกด์สาวจอมแสบพยักหน้ารับเซ็ง ๆ “เผลอไปต่อยหน้านักท่องเที่ยวที่เป็นลูกทัวร์จนเลือดกำเดาไหล เลยโดนเจ้านายสั่งพักงานยาว เศรษฐกิจยิ่งไม่ดีต้องมาโดนพักงานอีก คอนโดฯ กับรถก็ยังผ่อนไม่หมด เงินเก็บก็มีเท่าหอยมด”
ปลาดาวยื่นมือมาบีบขาเพื่อนอย่างให้กำลังใจ เพราะเธอได้เจอกับเพื่อนคนนี้ค่อนข้างบ่อย จึงได้แชร์เรื่องราวต่าง ๆ สู่กันฟังบ้าง ต่างจากกอหญ้าที่ถึงแม้จะทำงานที่กรุงเทพฯ เหมือนกัน แต่รายนั้นกลับงานยุ่งจนไม่ค่อยมีเวลามาเจอเพื่อน
“มีเรื่องอะไรที่ฟองคลื่นช่วยได้ก็บอกได้เลยนะคะ” สาวน้อยส่งกำลังใจมาให้ผ่านรอยยิ้มอันแสนน่ารัก
“ขอบใจจ้ะ” จันทร์เจ้ายิ้มรับ
“แล้วพี่ปลาดาวล่ะคะ มีเรื่องอะไรเหรอคะ หรือว่าอกหักอย่างที่พี่จันทร์เจ้าบอก”
“ใช่ พี่อกหัก...” ครั้งนี้ปลาดาวยอมรับออกมาแต่โดยดี สายตาจดจ้องไปที่สถาปนิกสาวในชุดวันพีชสีเหลืองที่กำลังมองมาที่ตนเช่นกัน ครั้นเมื่อหวนนึกถึงเหตุการณ์บาดตาบาดใจที่ตนบังเอิญไปรู้ไปเห็นมาเมื่อสามวันก่อน ก็เกิดความรู้สึกเจ็บใจขึ้นมา ส่งให้เธอใจกล้า แล้วเลือกจะพูดทุกอย่างที่เก็บไว้ออกไปตรง ๆ “พี่ชอบผู้ชายอยู่คนนึง ชอบมานานมาก ทุกคนรู้กันหมดว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร แต่เหมือนว่าจะมีคนบางคนไม่รู้ ไปยืนจูบ...”
“ไอ้ดาว!!” เสียงของจันทร์เจ้าดังแทรกขึ้นมาก่อนที่ปลาดาวจะได้พูดจบ ด้วยรู้ว่าสิ่งที่เพื่อนจะพูดต่อไปนั้นคืออะไร และแน่นอนว่าการกระทำนี้ของไกด์สาวสร้างความแปลกใจให้อีกสองคนที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเป็นอย่างมาก
“เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ” ฟองคลื่นถามด้วยความไม่เข้าใจ ตามมาด้วยกอหญ้าที่ถามแล้วมองหน้าเพื่อนสลับกันงง ๆ
“เออดิ เป็นอะไรกันวะ”
“นะ...นั่นสิ เกิดอะไรขึ้นวะ” มารินถามกลั้วหัวเราะ ทั้งที่ในใจแทบจะหยุดเต้นไปแล้วในวินาทีที่ปลาดาวมองเธอและพูดเหมือนไปรู้อะไรมา อะไร...ที่เธอพยายามหนีและปิดเงียบมาโดยตลอด
“ไม่มีอะไรหรอกแก ไอ้ดาวมันก็บ้า ๆ แบบนี้อยู่แล้วปะวะ อย่าไปถือสามันเลย” จันทร์เจ้าเอ่ยขึ้นและหัวเราะ พยายามแก้สถานการณ์ตอนนี้ให้มันดีขึ้น “นี่ก็เย็นมากแล้ว ฉันว่าเราแยกย้ายกันเข้าโรงแรมเถอะ รีบอาบน้ำแต่งตัวตอนเย็นเรามีปาร์ตี้กันอีกนะอย่าลืม”
“เอ่อ...พี่ ๆ คะ ฟองจะบอกว่าเย็นนี้ฟองคงไปด้วยไม่ได้นะคะ พอดีติดธุระกับที่บ้านน่ะค่ะ แต่เดี๋ยวฟองจัดเตรียมรถไว้ให้ พี่ ๆ อยากไปไหนก็บอกคนขับรถได้เลยนะคะ”
แล้วทุกคนก็แยกย้ายกันไป ใครมีเรื่องกันก็เคลียร์ต่อ...