หากจะมีเรื่องใดที่ทำให้กอหญ้าหงุดหงิดมากที่สุดก็คงไม่พ้นเรื่องที่เธอมีนิสัยคิดและตัดสินใจอะไรช้า เพราะกว่าจะรู้ตัวว่าควรจะสะบัดแขนให้พ้นจากผู้ชายที่ชื่อพายุ เธอก็ถูกเขาพาตัวเข้าไปในตัวพิพิธภัณฑ์เปลือกหอยประจำจังหวัดภูเก็ตแล้ว
“เปลือกหอยอันนี้สวยจัง น่าเสียดายที่ใกล้จะสูญพันธุ์เต็มทีแล้ว น้องกอหญ้ามาดูตรงนี่สิครับ เปลือกหอยอันนี้สวยแปลกตามาก ๆ”
พี่พายุลากไปตรงนู้นทีตรงนี้ทีไม่มีเบื่อ จากที่ตั้งใจว่าจะสลัดให้หลุด กลับกลายเป็นว่ากอหญ้าถูกเขาล่อลวงด้วยเรื่องน่าสนใจจนลืมว่าต้องระวังตัว
ในพิพิธภัณฑ์มีเปลือกหอยมีค่ามากกว่าหกร้อยชนิด รวมถึงฟอสซิลหอยที่มีอายุหลายร้อยล้านปีและเปลือกหอยยักษ์ที่มีน้ำหนักมากกว่าสองร้อยห้าสิบกิโลกรัม ทำเอาคนที่สนใจเรื่องนี้อยู่เป็นทุนเดิมอยู่แล้วตื่นเต้นจนแทบคลั่ง
ทว่าสิ่งที่ทำให้กอหญ้าตื่นตะลึงมากที่สุดก็คือไข่มุกสีทองที่มีขนาดใหญ่มากถึงร้อยสี่สิบกะรัต ของล้ำค่าที่ธรรมชาติเป็นผู้รังสรรค์ชิ้นนี้ทำให้ไอเดียในงานทำงานของเธอพุ่งกระฉูด น่าเสียดายที่ไม่ได้นำสมุดสเกตช์ภาพมาด้วย ทุกอย่างจึงแล่นพล่านอยู่ในหัว จนเธอลืมเรื่องที่กำลังกวนใจ
ลืมเรื่องไอ้พี่พายุจอมเจ้าชู้…
“เราไปข้าวกินกันไหมครับ นี่มันก็ใกล้จะหกโมงเย็นแล้วนะ” เขาท้วงทันทีที่ถึงบริเวณทางออกของพิพิธภัณฑ์ ทำเอาคนอารมณ์ดีนึกได้ในทันทีว่าควรต้องอยู่ให้ห่าง ไม่ใช่ปล่อยให้เขาจับมือถือแขนราวกับเป็นแฟนกัน
“คือกอหญ้าว่าจะกลับไปกินข้าวที่โรงแรมกับเพื่อนน่ะค่ะ”
“หืม นี่คิดจะเทพี่กลางทางอีกแล้วเหรอครับเนี่ย”
“เท? เทยังไงคะ กอหญ้าไม่เข้าใจ” เธอกะพริบตาปริบ ๆ ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าทำให้หัวใจของอีกฝ่ายคันยุบยิบราวกับถูกมดกัด
“วันนี้เราเดตกันตลอดบ่าย ถ้าพี่ไม่ได้พากอหญ้าไปกินข้าวหรือหาอะไรทำต่อ พี่ว่าพี่คงต้องพิจารณาตัวเองแล้วละครับ” คนถูกบังคับให้ยอมรับว่าการเดินดูเปลือกหอยด้วยกันนั้นคือการออกเดตถึงกับยิ้มค้างเลยทีเดียว
กอหญ้าฟังเขาบ่นน้อยใจอยู่สองสามประโยคก็นึกรำคาญจนอยากจะตัดปัญหาไปให้จบ ๆ เธอจึงยอมรับคำเชิญแกมบังคับให้ไปรับประทานมื้อเย็น โดยบอกว่าจะยอมไปด้วยแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้น ซึ่งอีกฝ่ายก็บอกว่าถ้าไม่ติดใจจนอยากจะไปต่อด้วยกัน เขาก็จะยอมปล่อยมือไม่รบกวนอีก
แต่เหตุผลที่ทำให้กอหญ้ายอมตามใจ เพราะยังไงเธอก็ต้องกลับกรุงเทพฯ วันพรุ่งนี้อยู่แล้ว และคงไม่มีโอกาสได้เจอกับไอ้พี่พายุจอมตื๊อ อีกอย่างก็ถือว่าได้ประหยัดค่าแท็กซี่กับค่าข้าวไปในตัว
เธอบอกตัวเองว่าไม่ได้ใจอ่อนเพราะรอยยิ้มเจ้าชู้มากเสน่ห์และหน้าหล่อ ๆ ราวกับดาราลูกครึ่งของพี่พายุ… หุ่นดีกล้ามแน่นนั่นน่ากัดก็เช่นกัน
“น้องกอหญ้าอยากกินอะไรเป็นพิเศษไหมครับ” พายุถามยิ้ม ๆ ดูมีความสุขเกินจริงไปมาก
“ร้านอะไรก็ได้ค่ะ กอหญ้ากินได้ทุกอย่างยกเว้นเนื้อ”
“วีแกนเหรอครับ” พายุนิ่วหน้า วันนั้นเขายังเห็นเธอกินคารามารีหรือปลาหมึกชุบแป้งทอดกรุบกรอบอยู่เลย
“แค่ไม่กินเนื้อวัวค่ะ” กอหญ้าอธิบายอย่างใจเย็นว่าคำว่าไม่กินเนื้อ แปลความหมายได้ว่าไม่กินเนื้อวัว แต่ไม่ได้รวมถึงเนื้อหมูเนื้อไก่หรือเนื้ออื่น ๆ อย่างที่เขาเข้าใจ
กอหญ้าจำได้ว่าพี่พายุไม่ได้ใช้ภาษาไทยนาน แม้จะพูดคำหวานหว่านเสน่ห์เก่งเป็นที่หนึ่ง แต่บางคำก็ไม่เข้าใจความหมายแตกฉานอะไรนัก พอเขาเริ่มจะถามว่าชอบอาหารประเภทไหนมากเข้า เธอก็ชี้ไปยังร้านอาหารที่อยู่ข้างทางเพื่อตัดรำคาญ ไม่เข้าใจว่าทำไมไม่เลือก ๆ ไปสักร้าน ถามเซ้าซี้กันอยู่ได้
“น้องกอหญ้าอยากกินข้าวร้านนี้จริง ๆ เหรอครับ” กอหญ้าเข้าใจแล้วว่าทำไมพายุถึงต้องถามซ้ำ ๆ ทั้งเสียงตะโกนของแม่ค้าและแมลงวันที่บินทักทายกันไปมาทำให้เธอเป็นฝ่ายจูงมือลากเขาออกไปอย่างรวดเร็ว
“รีบเดินเถอะค่ะ เดี๋ยวฝนจะตกซะก่อน” หลังจากก้าวเท้ายาว ๆ อยู่เกือบห้านาที กอหญ้าและพายุก็พบว่าตัวเองอยู่หน้าร้านอาหารที่ดูสะอาดถูกสุขลักษณะ ทั้งคู่สบตากันครั้งหนึ่ง ก่อนจะหัวเราะออกมาเบา ๆ
“เกือบจะได้กินข้าวผัดแมลงวันแล้วไหมล่ะ”
“พี่พายุมองโลกในแง่ดีจังเลยนะคะ กอหญ้านี่จินตนาการไปถึงต้มยำปีเตอร์แล้ว”
“ต้มยำปีเตอร์? ไม่มั้งกอหญ้า ร้านนั้นแค่ไม่สะอาด คงไม่ถึงขั้นเอาเนื้อของนายปีเตอร์ไปทำอาหารหรอกมั้งครับ”
“พี่พายุคะ ปีเตอร์ไม่ใช่คนค่ะ” กอหญ้ากระซิบเสียงเบา
“Coquerelle!” พายุทำหน้าขยะแขยงพลางอุทานเป็นภาษาที่ถนัด พอตั้งสติได้ก็แปลให้ฟังว่าเขาหมายถึงแมลงสาบ ซึ่งเป็นสัตว์ที่เขากลัวมากที่สุด
กอหญ้าถึงกับหัวเราะจนน้ำตาไหลให้กับความไม่รู้และท่าทางกลัวจนขนลุกขนชันของอีกฝ่าย มุมน่ารัก ๆ ของเขาให้เธออดยิ้มตาหยีไม่ได้จริงๆ
ถ้าไม่นับเรื่องเข้าใจผิดกันตั้งแต่แรก พายุก็เป็นผู้ชายที่ใช้ได้เลยทีเดียว
พายุรับเมนูอาหารจากพนักงาน เขาสั่งสลัดอโวคาโดพร้อมกับพ่นพึมพำว่าไม่กินอาหารจำพวกแป้งในมื้อเย็น ส่วนกอหญ้าสั่งข้าวผัดสับปะรดจานโต
สับปะรด…
กอหญ้ารีบสลัดความคิดอกุศลไปให้พ้นหัวทันที
“ว่าแต่พี่พายุจะอยู่ที่ภูเก็ตอีกนานไหมคะ” กอหญ้าชวนคุยเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจผู้ชายเจ้าชู้ ให้คิดเรื่องอื่นนอกจากเรื่องลามกได้บ้าง คนอะไรหูตาแพรวพราวได้ตลอดเวลา เห็นแล้วทำหัวใจคนโสดไม่เคยมีความรักสั่นสะท้านอยู่เรื่อย ๆ
“อีกสักอาทิตย์ก็คงต้องกลับแล้วละ” เขาแซวต่อว่าเรายังต้องเจอกันอีกหลายวัน โดยไม่รู้เลยว่าสาวสวยที่จ้องจะลากขึ้นเตียงให้ได้ มีกำหนดกลับกรุงเทพฯ ในวันพรุ่งนี้แล้ว
“เรื่องงานเรียบร้อยแล้วเหรอคะ”
“ถ้าไม่เรียบร้อยพี่คงไม่ได้มานั่งจีบคนที่ตัวเองชอบอยู่แบบนี้หรอก” คำตอบของเขาทำให้กอหญ้าพูดไม่ออก รีบจัดการอาหารตรงหน้าเงียบ ๆ จนหมดจาน
แม้ว่าพี่พายุจะเจ้าชู้หนัก แต่ก็ต้องยอมรับว่าเขาเป็นคนตรงไปตรงมาเลยทีเดียว บอกว่าชอบก็คือชอบ ไม่มาอมพะนำให้คนถูกจีบต้องคิดเองเออเองว่าอะไรยังไงกันแน่ แถมเสน่ห์ยังฟุ้งกระจายไม่ต่างจากน้ำหอมราคาแพงที่เขาใช้ สมกับความเป็นลูกเสี้ยวฝรั่งเศสที่ส่งตรงมาจากปารีส เมืองที่เขาว่ามนุษย์ผู้ชายมีความโรแมนติกและทุ่มเทเอาใจใส่เก่งเป็นอันดับแรก ๆ ของโลก
แต่กอหญ้าไม่ได้รู้เลยว่านอกจากการความทุ่มเทเอาใจใส่ พายุยังเป็นผู้ชายแผนสูงและไม่ยอมแพ้กับอะไรง่าย ๆ ในเมื่ออีกฝ่ายยอมออกเดตและดินเนอร์ด้วยกัน ขั้นต่อไปก็น่าจะถึงเนื้อถึงตัวหรือไม่ก็ถึงเตียงกันได้แล้ว