“คืนนี้อยู่ที่นี่ไปก่อน” หลังจากอุ้มเธอมาทำแผลพร้อมหาเสื้อผ้าให้สวมใส่แล้วเขาก็พูดประโยคนี้ขึ้น
ดวงตากลมโตเป็นประกายจ้องมองเขาพร้อมฉีกยิ้มโชว์ฟันซี่ขาวให้ “อยู่ได้จริง ๆ เหรอคะ” เสียงใสเจื้อยแจ้วถามย้ำ ก่อนหน้านี้ยังไล่เธอหนีอยู่เลย
“อือ แต่แค่คืนนี้คืนเดียว” เพลิงยืนกอดอกมองคนตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้า เสื้อม่อฮ่อมตัวใหญ่กับกางเกงขาก๊วยของเขาพออยู่บนตัวเธอแล้วมันดูรุงรังแปลก ๆ แต่ก็ดีกว่าให้ล่อนจ้อนต่อไป
“งั้น… เราจะทำอะไรกันดีคะ” เสียงใสถามเขาเมื่อเห็นว่าคนตัวใหญ่เดินลงกระท่อมไป
“...” เจ้าของแผ่นหลังกว้างชะงักเล็กน้อยกับประโยคเมื่อครู่ หากฟังแบบผ่าน ๆ ความหมายของมันคิดดีไม่ได้เลย เขาชวนเธอค้างคืน ส่วนเธอถามว่าจะทำอะไรกันดี “เช้าแล้วก็ต้องหาอะไรกินสิ”
“หาปลาเหรอคะ ให้สายชลช่วยนะ สายชลว่ายน้ำเก่ง” บอกเขาเสียงใสแล้วก็ทำท่าจะถอดเสื้อผ้าออกจนคนหน้าบึ้งรีบปราม
“หยุดเลย อย่าถอดนะ”
“ใส่เสื้อผ้าแล้วสายชลว่ายน้ำไม่สะดวก มันจะเกี่ยวนี่นั่นที่อยู่ใต้น้ำ” เพราะเหตุนี้เหล่าพรายในโลกบาดาลจึงเปลือยกายกัน
“ฉันจะหาปลาเอง เธออยู่เฉย ๆ ในกระท่อมนี่แหละ แล้วก็อย่าไปแก้ผ้าต่อหน้าใครอีกโดยเฉพาะผู้ชาย เข้าใจไหม”
“อ๋อ” โพรงปากน้อยร้องอ๋อทันทีที่นึกได้ โลกมนุษย์จะเอียงอายเวลาเปลือยกายต่อหน้ากัน ในตำราพรายสอนไว้อย่างนี้
“แต่แก้ผ้าต่อหน้าคุณได้ใช่ไหมคะ” ถามเขาเสียงใสพร้อมทำตาแป๋วใส่ สายชลคิดว่าตั้งแต่เจอกันครั้งแรกเขาและเธอก็เปลือยเปล่าต่อหน้ากันแล้ว อีกอย่างเขาก็ไม่เห็นมีทีท่าว่าจะอายเธอด้วย
“ไม่ได้!” ตอบเสียงดุแล้วก็เดินทำหน้าถมึงทึงหนีไป คนฟังขมวดคิ้วงงเพราะไม่เข้าใจนัก ตอนเธอเปลือยกายเขาก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่ เพิ่งจะมาหาเสื้อผ้าให้ใส่ก็ตอนที่บอกให้พักที่นี่เองนะ
“อะไรของเขา?” ย่นคิ้วแล้วก็ไหวไหล่เพราะไม่เข้าใจ ก่อนจะกระโดดลงกระท่อมวิ่งไปหาคนที่เพิ่งกระโจนลงน้ำไป
“บอกว่าอย่ามา” เสียงดุของคนที่โผล่ศีรษะพ้นน้ำดังขึ้นเมื่อเห็นร่างเล็กนั่งห้อยขาอยู่ท่าน้ำ
“สายชลไม่ลงไปหรอกน่า แค่จะบอกว่าสายชลทำให้คุณหายใจในน้ำได้นะ คุณจะมองเห็นในน้ำได้ชัดแจ๋วเหมือนตอนอยู่บนบกด้วย” เธอแค่อยากให้เขาจับปลาได้สะดวก ๆ เท่านั้นเอง
“ทำได้ด้วยเหรอ” มือใหญ่ลูบน้ำออกจากใบหน้า ลอยคอเข้ามาใกล้คนที่นั่งห้อยขาอยู่
“ทำได้สิคะ ง่ายจะตาย”
“ทำยังไง ต้องแลกกับอะไรไหม” เพราะทุกสิ่งที่เขาได้มาต้องแลกกับอะไรบางอย่าง เช่นการเป็นจอมขมังเวทย์ก็ต้องแบกรับหน้าที่และทำตามกฎต่าง ๆ รวมถึงหักห้ามจากหลายสิ่งด้วย
“ไม่ค่ะ”
อ๋อ เขาเข้าใจแล้ว เพราะใช้ชีวิตในน้ำได้แค่หนึ่งวันเลยไม่ต้องแลกกับอะไรสินะ
“แล้ว… ต้องทำยังไง” เออวะ เป็นจอมขมังเวทย์ก็ใช่ว่าจะหายใจในน้ำได้หรือมองเห็นสิ่งของในน้ำได้ชัดสักหน่อย ลองดูสักครั้งจะเป็นไรไป
“ขยับมาใกล้ ๆ สิคะ” มือน้อยกวักเรียกเขารัว ๆ คนตรงหน้าก็ลอยคอเข้ามาหา “วิธีนี้เรียกว่าจุมพิตนางพรายค่ะ”
“ห๊ะ อะไรนะอื้อ!” และนั่นทำให้เพลิงถึงกับเบิกตากว้างเพราะไม่คิดว่าเรียวปากน้อยจะทาบจูบลงมา
สองมือใหญ่ชูขึ้นทำท่าจะดันคนตัวเล็กออก แต่จู่ ๆ ก็อ่อนแรงลงอย่างไม่ทราบสาเหตุ มันค่อย ๆ ประคองใบหน้าหวานด้วยความลืมตัว ยิ่งได้ชิดใกล้เรียวปากนุ่ม หัวใจแกร่งของหนุ่มใหญ่ก็เต้นโครมครามไม่หยุด
แบบนี้เหรอ?
ต้องจูบกับพรายก่อนถึงจะใช้ชีวิตในน้ำได้เหรอ?
ถึงเรียกวิธีนี้ว่าจุมพิตนางพรายสินะ…
คิดแล้วก็ปล่อยตัวไปตามอารมณ์ แลกรสจูบหวานนุ่มระคนเร่าร้อนกับคนตรงหน้า สัมผัสแปลกประหลาดแต่กลับรู้สึกดีเป็นบ้าทำให้กลีบปากหนาเริ่มโต้กลับแรงขึ้น
“อึก! พะ พอแล้วค่ะ แค่นี้ก็ใช้ชีวิตในน้ำได้แล้วค่ะ” สองมือเรียวผลักคนตรงหน้าออกเมื่อรู้สึกเหมือนจะขาดใจ มือน้อยปิดปากตัวเองแน่น ทำไมเขาตอบกลับรุนแรงแบบนี้ล่ะ คิดว่าจะอยู่เฉย ๆ ให้เธอทาบริมฝีปากลงไปเสียอีก
“อ่า… อืม ฉันจะลองดู” คนถูกผลักออกแบบไม่ทันตั้งตัวพยายามประคองสติตัวเองให้กลับมา ยิ่งสบตากับเจ้าของใบหน้าหวาน หัวใจเขายิ่งเต้นแรงขึ้นเรื่อย อีกอย่างทั้งที่อยู่ในน้ำแท้ ๆ แต่กลับรู้สึกร้อนรุ่มอย่างประหลาด “งั้นฉันไปล่ะ” ว่าแล้วก็ดำดิ่งลงน้ำไป ไม่อยากมองคนตรงหน้านานเพราะรู้สึกเหมือนกับว่าตั้งแต่ลำคอขึ้นมาถึงหูเริ่มร้อนขึ้นเรื่อย
“บะ บ้าจริง จุมพิตนางพรายแค่เอาริมฝีปากแตะกันเฉย ๆ ก็เห็นผลแล้วแท้ ๆ แต่ทำไมเขาถึง…” ถึงรุกล้ำเข้ามาในโพรงปากเธอแถมยังรุนแรงมากด้วย ร่างกายพรายสาวร้อนผ่าวไปถึงใบหน้า มือเรียวแตะริมฝีปากที่บวมเจ่อของตัวเองเอาไว้ ตอนที่เขาสัมผัสเธอกลับ ภาพในหัวก็ค่อย ๆ ขาวโพลนไปหมด และนั่นทำให้หัวใจดวงน้อยเต้นรัวขึ้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
“หรือเขากลัวว่าแค่แตะปากกันเฉย ๆ แล้วจะไม่ได้ผล” คิดได้ก็เอียงคอขมวดคิ้ว ก่อนจะนั่งชะโงกหน้ามองผิวน้ำที่มีเงาตัวเองสะท้อนอยู่