หัวใจ.. หาใช่ผลตอบแทนของความดี หากไม่รักแล้ว ต่อให้พยายามแค่ไหน หรือทำดีเช่นไร บทสรุปสุดท้ายของความสัมพันธ์ก็คือการแยกทาง
เจ้าของดวงตาคู่คมมองตามคนตัวเล็กที่เดินเข้าไปในห้องนอนก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ หากว่าย้อนเวลากลับไปเมื่อหนึ่งปีก่อนได้ เขาจะไม่มีทางดึงบุษบาเข้ามาในชีวิตเด็ดขาด เจ้าหล่อนควรมีความสุขกับผู้ชายดีๆ สักคน ไม่ใช่มาจมปลักอยู่กับคนอย่างเขา คนที่ไม่มีหัวใจไว้รักใครอีกแล้ว นอกจากอวัศยา
เหตุการณ์ในวันลอยกระทงปีที่แล้วพลันผุดขึ้นมาในห้วงความคิดของธีทัต หลังจากที่ได้เห็นกับตาตัวเองแล้วว่าอวัศยามีความสุขกับผู้ชายที่เธอรัก เขาก็ไม่ควรจะอยู่ตรงนี้ ควรไปที่ไหนสักที่ซึ่งเป็นที่ที่เป็นของเขาอย่างแท้จริง แล้วสถานที่นั้นคือที่ใด?
‘บุษบา’ พลันชื่อของผู้หญิงคนหนึ่งก็ผุดพรายขึ้นมา
ธีทัตรู้แล้วว่าเขาควรจะไปที่ใด ชายหนุ่มก้าวขาเดินตรงไปยังรถยนต์ของตัวเองทันที จุดหมายปลายทางในคืนนี้คือคอนโดมิเนียมที่มีผู้หญิงคนหนึ่งอาศัยอยู่ เธอชื่อ.. บุษบา
ใช้เวลาขับรถเพียงไม่นานก็ถึงจุดหมาย ธีทัตก้าวขาลงจากรถแล้วเดินเข้าไปในตัวอาคาร เขากดลิฟต์ขึ้นไปยังชั้นห้าทันที วันนี้หวังเพียงแค่ว่าอยากมีใครสักคนก้าวผ่านค่ำคืนอันแสนโหดร้ายไปด้วยกัน และคนแรกที่เขานึกถึงก็มีเพียง..
‘พี่ไนซ์ พี่มาได้ยังไงคะ’ เธอกำลังจะนอน แต่ได้ยินเสียงคนเคาะประตูห้องเสียก่อน พอส่องดูที่รูตาแมวตรงประตูจึงรู้ว่าเป็นธีทัต
‘พี่ขอเข้าไปหน่อยได้ไหม’
คอนโดมิเนียมแห่งนี้เป็นของธีทัต เขามีสิทธิ์ทุกอย่าง ส่วนเธอนั้นเป็นเพียงผู้อาศัยที่เขาเมตตาให้ที่อยู่ ‘ได้สิคะ’
ธีทัตเดินตามหญิงสาวเข้าห้อง ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเวลาเช่นนี้เขาถึงได้นึกถึงผู้หญิงที่ชื่อบุษบา ทั้งที่ตลอดระยะเวลาเกือบหนึ่งปีที่ผ่านมา เขาแทบไม่ได้ติดต่อกับเจ้าหล่อนเลย มีเพียงถามไถ่สารทุกข์สุกดิบผ่านทางเลขานุการของตัวเองเท่านั้น
‘เรียนเป็นยังไงบ้าง’
‘เหลืออีกหนึ่งเทอมก็จบแล้วค่ะ’ บุษบาทำตัวไม่ถูก ไม่รู้จะนั่งตรงไหน และไม่รู้จะพูดคุยอะไรกับผู้มีพระคุณของตัวเองดี และที่ไม่รู้ที่สุดก็คือทำไมจู่ๆ ธีทัตถึงได้มาหาเธอในยามนี้
‘มานั่งตรงนี้สิ’ เขาตบเบาๆ บนโซฟาข้างตัวเอง ‘นั่งข้างพี่’
คนตัวเล็กลอบกลืนน้ำลายเมื่อเห็นสายตาธีทัตที่มองมายังตน หนึ่งปีก่อนเขาใช้เงินหนึ่งล้านบาทเพื่อซื้อเธอมาจากขุมนรกที่แม้ต่อให้ตายก็จะไม่ยอมย่างกรายเข้าไปอีกเด็ดขาด ทว่าชายหนุ่มก็ไม่เคยแตะต้องเธอแม้เพียงปลายเล็บ แล้วทำไมวันนี้ถึงได้..
ช่างเถอะ!
ตั้งคำถามไปก็เท่านั้น เพราะถึงอย่างไรชีวิตเธอก็เป็นของธีทัต หากเขาต้องการอะไร เธอย่อมเต็มใจให้ ‘พี่ไนซ์กินข้าวมาหรือยังคะ หิวมั้ย ให้บุษสั่งอาหารให้ดีไหมคะ’ เธอนั่งลงข้างเขาแล้วเอ่ยถาม
ธีทัตไม่ตอบ เขาหันมองบุษบาแล้วพิจารณาเจ้าหล่อนอีกครั้ง ‘ตอนนี้บุษอายุเท่าไหร่แล้วนะ’
‘ยี่สิบสามค่ะ’ ด้วยว่ามีเหตุผลจำเป็นจึงทำให้เธอเข้าศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัยช้ากว่าที่ควรจะเป็นถึงสองปี จึงทำให้เรียนจบช้ากว่าคนอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน
มิน่าเล่า.. ปีนี้บุษบาถึงได้ดูโตเป็นสาวเต็มตัว
‘มีแฟนหรือยัง’
หญิงสาวส่ายหน้า ‘ยังคะ บุษยังไม่มีแฟน’
ช่างเป็นคำตอบที่น่าพอใจยิ่งนัก ธีทัตกระตุกยิ้มแล้วรวบเจ้าของร่างเล็กขึ้นมานั่งบนตักตัวเอง บุษบาตกใจจนตาเหลือก เธออุทานออกมาเสียงดังแล้วละล่ำละลักพูด
‘พะ.. พี่ไนซ์จะทำอะไรคะ’
เขาบอกว่าช่วยเหลือเธอเพราะสงสาร หาใช่เพราะต้องการร่างกาย แล้วนี่มันหมายความเช่นไร
‘บุษยังเต็มใจเป็นของพี่อยู่ไหม’ ครั้งหนึ่งเธอเอ่ยปากว่ายินยอมพร้อมทอดกายถวายชีวิตให้เขา หากเวลานี้บุษบาไม่ได้คิดเช่นนั้นแล้ว ตัวเขาก็พร้อมจะหยุดทุกอย่าง
ความปรารถนาสูงสุดในชีวิต คืออุทิศใจและกายให้กับผู้ชายที่ชื่อธีทัต ใจเธอมอบให้เขา ร่างกายเราหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว
บุษบายกมือขึ้นลูบใบหน้าชายหนุ่ม กลัวเหลือเกินว่าเรื่องที่กำลังเกิดขึ้นนั้นคือความฝัน แต่ไม่เป็นไร หากเป็นเพียงฝัน ก็ถือว่าเป็นฝันดีที่สุดในชีวิต
มือเล็กค่อยๆ ปลดกระดุมชุดนอนกระโปรงสีขาวออกทีละเม็ด ‘บุษเต็มใจเป็นของพี่ไนซ์เสมอ’ เจ้าหล่อนจับมือเขาวางบนเต้าอวบอั๋นของตัวเอง เธอยิ้มให้ชายหนุ่มแล้วก้มลงจูบเขา
เรื่องราวของเราสองคนเริ่มต้นขึ้นในวันที่เขาเจ็บปวดที่สุดในชีวิต เขาแบกเอาความทุกข์ทั้งหมดมาลงกับบุษบา เขาไม่น่าทำเช่นนั้นเลย
“พี่ขอโทษนะบุษ พี่ขอโทษ” ชายหนุ่มได้แต่พูดประโยคนี้กับตัวเอง เสียใจเหลือเกินที่ใช้ผู้หญิงคนหนึ่งเป็นเครื่องระบายความเหงา ทั้งๆ ที่รู้อยู่เต็มอกว่าบุษบารักเขาสุดหัวใจ แต่เขาไม่อาจตอบแทนความรู้สึกของเธอได้ด้วยการมอบหัวใจให้กับเจ้าหล่อน
เพราะเขา.. ไม่ได้รักบุษบา