หลังจากที่เดินกลับมาที่ห้องทำงาน เปิดประตูเข้าไปก็แทบเข่าทรุดกับเอกสารกองโตมโหฬารที่วางกองอยู่ มันช่างหดหู่ใจเสียจริง ที่ในวันนี้ต้องถูกทิ้งให้อยู่ทำงานคนเดียวจนถึงเป็นแน่
เอม : เฮ้อ (ครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่ได้นับกับการถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายกับเจ้านายตัวแสบที่ก่อนกวนปั่นประสาทเธอได้แค่เขานั้นมาได้ไม่กี่วัน)...ว่าจะกลับเร็วซะหน่อย ลาออกจากการเป็นณัฐณิชาสักวันได้ไหม
เธอได้แต่บ่นคนเดียวก่อนจะเดินกลับไปทำงานที่มีแฟ้มเอกสารต่าง ๆ ที่กองท่วมหัวอยู่ตรงหน้า ช่างเสียเวลาจริง ๆ
12.00 น.
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เอม : เชิญค่ะ (เธอก้มหน้าทำงานอย่างตั้งใจก่อนจะขานรับออกไป ทั้งที่ไม่ได้สนในว่าเป็นใคร ความตั้งใจในการตรวจเอกสารบัญชีอย่างขะมักเขม้น)
ฝ้าย : พี่เอม เที่ยงแล้วค่ะไปกินข้าวกัน
เอม : ฝ้ายกินเลยจ๊ะ งานพี่เยอะมาก ฝากซื้อให้พี่ด้วยละกัน
ฝ้าย : พี่เอมจะกินอะไรคะ เดี๋ยวซื้อขึ้นมาให้
เอม : ข้าวผัดก็ได้จ๊ะ ง่ายดี (เธอตอบโดยไม่ได้มองหน้าเจ้าของเสียง เพราะต้องรีบเคลียร์งานเพื่อให้เสร็จเร็ว ๆ )
ฝ้าย : โอเคค่ะ (ฝ้ายตอบกลับก่อนจะจากไป)
เวลาล่วงเลยผ่านไปเกือบหนึ่งชั่วโมงผู้จัดการสาวก็ยังไม่วางมือจากงานตรงหน้า ทุกเวลานาที่ล้วนมีค่าเพราะเธอเสียเวลามากกับการต่อคำของเจ้านายหนุ่ม
ก๊อก ๆ ๆ / ฝ้ายเอาข้าวมาให้ค่ะพี่เอม (เสียงตะโกนเรียกตรงหน้าประตูบ่งบอกให้รู้ว่าเป็นใคร)
เอม : จ้า ไว้ในห้องครัวเลยนะ เดี๋ยวพี่ไปกินจ้า (เสียงคนภายในตะโกนบอกรุ่นน้องออกไป แล้วหันมาตั้งหน้าตั้งตาทำงานต่อ) ((จะเยอะไปไหนวะเนี่ย เฮ้อเหนื่อยจัง)) เสียงบ่นงุบงิบอย่างหงุดหงิด เมื่อเวลาเริ่มกระชั้นชิดเข้ามาทุกทีแต่เอกสารที่มีตรงหน้ายังไม่พร่องลงเลยสักนิด เวลาก็ล่วงเลยเดินต่อไป ส่วนข้าวผัดปูจานใหญ่ของผู้จัดการสาวสวยก็ยังวางอยู่ที่เดิม
* ชินกิ * หลังจากที่คนตัวเล็กน่ารัก ออกจากห้องของผมไปตั้งแต่ช่วงเช้า ผมนั่งทำงานอย่างอารมณ์ดี ท่าทีน่ารักเมื่อยามนึกถึงมันทำให้ผมยิ้มได้ ทำไมแค่ไม่กี่นาทีที่ผมเจอเธอ เธอถึงมีอิทธิพลกับจิตใจของผมขนาดนี้ แต่ตอนนี้ผมว่า เธอคงไม่อยากมองหน้าผมด้วยซ้ำ ก็ผมเล่นป่วนประสาทเธอแต่เช้า แต่เอ๊ะ เธอบอกว่างานเธอเยอะนี่นาวันนี้ ผมนึกขึ้นได้ก็อดสงสารเธอไม่ได้ช่วงนี้สิ้นเดือนด้วยผมว่าเธอคงต้องยุ่งมากแน่ ๆ ผมไม่น่าแกล้งเธอเลย
เข็มนาฬิกาก็ยังเดินวนต่อไปจวบจนเย็น ข้าวผัดปูคงเหงาหงอยเพราะถูกลืม ก๊อก ก๊อก ก๊อก บานประตูถูกแง้มออกพอประมาณให้ใบหน้าอันน่ารักสดใสของฝ้ายที่โผล่เข้ามา
ฝ้าย : พี่เอมลืมทานข้าวเที่ยงหรือเปล่าคะ
อ้าว ตายห่าล่ะ ทำงานเพลินขนาดนั้นเลยหรอวะเนี่ย (ผู้จัดการสาวได้สบถกับตัวเองในใจเงียบ ๆ)
เอม : แฮ่ ... พี่ทำงานเพลินไปหน่อย (เธอเงยหน้าจากกองเอกสารก่อนจะส่งยิ้มเจื่อนให้รุ่นน้อง)
ฝ้าย : ตลอดเลยพี่เอม เดี๋ยวเป็นโรคกระเพาะนะคะ งั้นเดี๋ยวฝ้ายให้แม่บ้านอุ่นให้นะคะ แล้วอย่าลืมไปกินนะ
เอม : อ่อจ๊ะๆ ขอบคุณน (น้ำเสียงที่แสนหวานที่ตอบกลับไปจนทำให้รุ่นน้องส่งยิ้มหวานคืนอย่างเป็นมิตร)
เมื่อพูดคุยกับรุ่นน้องผู้น่ารักเสร็จผู้จัดการสาวก็หันหน้าเข้าหาเอกสารตามเดิม ไม่นานนักรุ่นน้องผู้น่ารักก็เอาข้าวมาวางในห้อง เพราะห่วงว่าเธอนั้นจะลืมอีก
ฝ้าย : อย่าลืมกินข้าวด้วยนะคะพี่เอม ฝ้ายกลับก่อนนะ
เอม : จ้า (สิ้นคำรับปากเมื่อรุ่นน้องออกจากห้องไป เธอกันวกกลับมาสนใจงานตรงหน้าเช่นเคย ด้วยไม่อยากละเลยงานข้ามไปในวันพรุ่งนี้)
กริ่งๆ (เสียงมือที่วางข้าง ๆ ดังขึ้นก่อนจะชายตามองว่าเป็นใครที่โทรมาในเวลานี้)
เอม : อ๊ะ ป้าพลอยนิ (หญิงสาวยิ้มออกมาอย่างดีใจ แล้วรีบกดรับสายอย่างไวของผู้เป็นป้าทันที)
เอม : สวัสดีค่ะคุณป้าคนสวย คิดถึงจังเลยค่ะ (มือบางวางปากกาลงพร้อมเอนแผ่นหลังเล็กพิงกับพนักเก้าอี้)
ป้า พ : สวัสดีค่ะคุณหลาน ปากหวานจังเลยนะ
เอม : ก็เอมคิดถึงจริง ๆ นี่คะ วันนี้เอมเหนื่อยมากเลย งานเอมเยอะมาก เอมต้องการกำลังใจจากคนสวย...
ป้า พ : งานเยอะขนาดนั้นเลยหรอลูก เหนื่อยมากไหม
เอม : เหนื่อยค่ะ แต่ตอนนี้หายแล้ว ได้ยินเสียงป้าพลอยเอมหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งเลย เอมฝากความคิดถึงตากับยายด้วยนะคะ
ป้า พ : อย่าหักโหมมากนะลูก ป้าเป็นห่วง เรายิ่งอยู่คนเดียว
เอม : คิดถึงฝีมือกับข้าวป้าจัง นี่เอมยังไม่ได้กินข้าวเที่ยง เอมทำงานจนลืม
ระหว่างที่หญิงสาวคุยโทรศัพท์กับปลายสายด้วยความออดอ้อนผู้เป็นป้าอยู่นั้น เธอหารู้ไม่ว่ามีอีกคนที่ยืนมองเธอด้วยรอยยิ้มอยู่หน้าห้อง จ้องมองเธออย่างเอ็นดูกับท่าทีที่แตกต่างจากที่เขานั้นพบเห็น
แอ้ด เสียงบานประตูถูกเปิดออกทำให้เธอนั้นหันไปมองทั้งที่ยังคุยโทรศัพท์อยู่ พร้อมกับดวงตาที่เบิกกว้างอย่างตกใจ เพราะคนมาใหม่ไม่ใช่ใครที่ไหน ก็เจ้านายสุดกวนของเธอนั่นเอง
เอม : ป้าคะ งั้นเดี๋ยวเอมโทรหาใหม่นะคะ (เมื่อเห็นหน้าเขาที่เดินเข้ามาเธอกลับหุบยิ้มทันทีบอกปลายสายพร้อมกับมองหน้าเขาที่เดินมาหยุดตรงหน้าเธอด้วยสายตาจดจ้อง)
ป้า พ : จ้าๆ คิดถึงนะลูก แลตัวเองดี ๆ นะ
เอม : ค่ะ คิดถึงเหมือนกันค่ะ
จากนั้นป้าหลานก็วางสายไป เธอจึงลุกขึ้นยืนอย่างว่องไวเพื่อเป็นการให้เกียรติคนใหม่ที่เดินเข้ามา
เอม : มีอะไรด่วนหรือเปล่าคะ (เธอถามเสียงนิ่ง สายตาเย็นชา เมื่อได้มองหน้าเขา)
ชินกิ : ยังไม่กินข้าวเที่ยงหรอ (น้ำเสียงที่แฝงด้วยความห่วงใยถามออกไปแต่สิ่งที่ได้กลับมานั่นคือวาจาที่เรียบเฉย)
เอม : ค่ะ
ชินกิ : แต่นี่มันจะหกโมงครึ่งแล้วนะ ทำไมเอมยังไม่กิน (เขาเพิ่มน้ำหนักเสียงถามเธอด้วยเสียงดุเบาๆ แต่แอบแฝงด้วยความห่วงใย)
เอม : ลืมค่ะ (นิ่งกว่านี้มีอีกไหมกับน้ำเสียงที่เรียบเฉยของเธอ)
ชินกิ : ลืม ? (เสียงถามกดต่ำอย่างเป็นคำถาม)
เอม : ค่ะ งานเอมเยอะค่ะเลยทำงานเพลินไปหน่อย (ความเย็นชายังคงมีและท่าทีที่เรียบเฉย ก่อนจะเอ่ยถามกลับไปอีกครั้งด้วยความสงสัยว่าเขาเข้ามาทำไม) ว่าแต่คุณชินมีอะไรจะใช้เอมหรือเปล่ามาถึงนี่เลย
...เขาไม่ตอบโต้อะไร กลับแต่จับข้อมือผู้จัดการสาวออกจากห้องโดยที่เธอนั้นไม่ได้ตั้งตัว แรงดึงที่ทำเธอนั้นแทบล้มหัวทิ่ม จนต้องร้องปราม
เอม : อ๊ะ...เดี๋ยวๆ ค่ะ จะพาไปไหน
*****