...เด่นคุณได้เรื่องจากบอดีการ์ดว่าม่านมุกเดินออกไปด้านหลังงาน เขาก็เลยเดินไปตามทางที่บอดีการ์ดบอก ชายหนุ่มรู้สึกเป็นห่วงอย่างบอกไม่ถูก เธอมีสีหน้าไม่สู้ดี แถมคนในงานก็เอาแต่ซุบซิบนินทาเธอ เด่นคุณเดินหา กระทั่งไปเจอหล่อนที่สวนนั่งเล่นของทางโรงแรม
“อ้าว คุณเด่น” ม่านมุกเอ่ยทักเพื่อนของคนเป็นสามี ทำเอาเด่นคุณถึงกับเหงื่อตก เขาไม่ได้ตั้งใจที่จะให้เธอเห็นเขา ทว่าสาวเจ้ากลับหันมามองพอดี ถ้าไม่เดินเข้าไปทักก็กระไรอยู่
“เอ่อ ทำไมมาอยู่นี่ครับ”
“อ้อ ยัยหนูน่ะสิคะ หลับค่ะ” เด่นคุณเลื่อนสายตามองหน้าตักของเธอ ก่อนที่เขาจะต้องตกใจ
“ไม่เมื่อยเหรอครับ” เห็นแล้วรู้สึกเป็นห่วงอย่างบอกไม่ถูก เธอคงเมื่อยไม่น้อย
“ทำไงได้คะ” มุมปากบางกระตุกยิ้มเบา ๆ ก่อนจะก้มหน้าลงมองลูกสาวที่นอนหลับปุ๋ยอยู่บนตัก “เป็นแม่คน มันเลี่ยงได้ด้วยเหรอคะ”
“_” เด่นคุณไม่ได้ตอบอะไร เขามองเธอด้วยแววตาชื่นชม ก่อนจะเดินเข้ามานั่งข้าง ๆ “ผมช่วยครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ หนักนะคะ”
“หึ ผมเป็นผู้ชายนะ ไม่หนักหรอก แต่คุณนี่สิ...” เธอตัวเล็กมาก แถมปุยเมฆก็ไม่ใช่ตัวเล็ก ๆ เหมือนเดิมแล้ว
“ฉันไม่รบกวนคุณดีกว่าค่ะ” ตอนเป็นวัยรุ่น เขาค่อนข้างที่จะเข้าหาเธอบ่อย สนิทกว่าตอนนี้เป็นไหน ๆ ทว่าหลังจากแต่งงานเจ้าตัวก็ถอยห่าง ม่านมุกเข้าใจ มันเป็นเรื่องของการวางตัว
“ผม...ให้ผมช่วยเถอะครับ” อันที่จริงก็ไม่ได้อยากยุ่งเท่าไรนัก เธอเป็นภรรยาของคนเป็นเพื่อน และตัวเขาเองก็คิดไม่ซื่ออีกด้วย แต่ว่าตอนนี้เขาเป็นห่วงเธอมากจริง ๆ
...ม่านมุกลังเลเล็กน้อย แต่ก็ต้องยอมรับว่าตอนนี้ตัวของเธอชาไปครึ่งซีกแล้ว ลูกสาวก็นอนหลับสนิทแล้วด้วย
“มาครับ ผมช่วย” ว่าแล้วก็ลุกขึ้นยืน ยื่นแขนไปช้อนเด็กน้อยมาอุ้ม เขาทำได้อย่างง่ายดาย ด้วยรูปร่างสูงใหญ่ของเขา
เด่นคุณเป็นผู้ชายที่หน้าตาดีมาก เขาและเพื่อนของเขาอย่างเมฆคินทร์และธนภพนั้นไม่ต่างจากซูเปอร์สตาร์ในมหา’ลัย เป็นกลุ่มผู้ชายสามคนที่หล่อและดังมาก ตอนนั้นเธออายุเท่ากันกับพวกเขาทำให้มีสาว ๆ หลายคนอิจฉา ตามแกล้งเธอตลอด เหตุเพราะได้ใกล้ชิดกับหนุ่มทั้งสาม
“งานวันนี้คนเยอะนะคะ” เธอชวนคุย ไม่อยากให้บรรยากาศมันเงียบ
“ครับ รู้สึกไม่ดีเหรอ”
“ก็...นิดหน่อยค่ะ” อันที่จริงเธอแค่รู้สึกอยากรู้ แต่ไม่กล้าถาม อยากรู้ว่าเมฆคินทร์จะหย่าหลังจากที่คุณปู่ของเขาหมดอายุขัยจริง ๆ หรือ แล้วเรื่องนี้หลุดมาจากปากของเขาเองหรือเปล่า
“ดูเหมือนมีคำถามนะครับ” เห็นสีหน้าแล้ว เด่นคุณก็พอรู้ว่าเธออยากรู้อะไรบางอย่างแต่ไม่อยากถาม
“เอ่อ พอดีว่า...ฉันอยากรู้น่ะค่ะ ได้ยินมาว่าเขาจะหย่ากับฉันหลังจากที่คุณปู่ เอ่อ...จากไป”
“หืม...” เด่นคุณแปลกใจมากเลยทีเดียว “ไอ้เมฆบอกเหรอครับ”
“เอ่อ นักข่าวถามน่ะค่ะ” ยิ่งได้ยินแบบนี้ก็ยิ่งแปลกใจมากกว่าเดิม เพราะประโยคนี้เมฆคินทร์มักพูดขึ้นแค่ตอนเมา และคนเป็นเพื่อนก็เมากับแค่เขาและธนภพเท่านั้น “เขาพูดจริง ๆ เหรอคะ”
“_” เด่นคุณไม่ตอบ เขามองเห็นแววตาเศร้าเสียใจของเธอ ถ้าบอกไปเธอคงเศร้ากว่าเดิม
“สงสัยจะจริง...” เอ่ยเสียงอ่อนเมื่ออีกฝ่ายไม่ตอบก็พอเดาได้ว่าคนเป็นสามีนั้นพูดจริง ๆ
“ไม่อยากหย่าเหรอครับ” รู้ทั้งรู้ว่าเธอจะตอบอะไร แต่ใจมันก็อยากถาม ม่านมุกค่อย ๆ หันมามองคนข้างกาย
“ถึงเขาจะใจร้ายกับฉัน แต่เขาก็ยังใจดีกับลูก ละก็...คุณปู่อยากให้ฉันดูแลเขาไปเรื่อย ๆ” ว่าแล้วก็ก้มหน้าลง “ชีวิตของฉันก็ดีมากแล้วค่ะ มีลูก มีครอบครัว”
“ไม่สิ...ชีวิตของผู้หญิงไม่ได้หมดไปหลังจากมีลูกนะ ยังมีหลายอย่างที่ผู้หญิงที่มีลูกแล้วทำได้ อาชีพที่เรียนมาล่ะ...มุกจะทิ้งมันไปงั้นเหรอ” เด่นคุณรู้สึกผิดหวังที่เธอมีความคิดเช่นนี้
“แต่ก็คงไม่ได้ทำหรอกค่ะ” เขาคนนั้นคงไม่อนุญาต แม้นคุณปู่จะพร้อมสนับสนุน แต่ถ้าคนเป็นสามีไม่อนุญาตก็คงไม่ได้ทำอะไรที่อยากทำ ซึ่งเธอเองก็อยากทุ่มเวลาให้กับลูกสาวด้วย
“ถ้าอย่างนั้นผมก็คง...ช่วยอะไรไม่ได้” เธอไม่อยากหย่า ไม่มีแรงฮึดสู้เลย ใจของเธอมันฟ่อไปแล้ว น่าเสียดายที่เธอมีความคิดเช่นนี้ เด่นคุณถอนหายใจออกมาเบา ๆ ทว่าขณะนั้นเอง
“คุณเมฆ...” อยู่ ๆ ม่านมุกก็รู้สึกเหมือนกับถูกจ้องมอง พอหันไปมองก็เห็นร่างหนาของคนเป็นสามี เขายืนพิงเสาต้นใหญ่อยู่ ร่างบางลุกพรวดขึ้นด้วยความตกใจ ขณะที่เด่นคุณก็ได้แต่ข่มเปลือกตาปิดลงด้วยความรู้สึกไม่น่าเลย
“บรรยากาศดีนะ” เขาเดินมาเอ่ยพูดเสียงเรียบ เลื่อนสายตามองม่านมุก ก่อนจะเลื่อนสายตามองคนเป็นเพื่อน “บรรยากาศดีจนคนสองคนมาอยู่ด้วยกันสองต่อสอง”
“เฮ้ย...ไม่สองสิ มึงไม่เห็นเหรอ” เด่นคุณแทรกขึ้นมา ชายหนุ่มหลุบตาต่ำมองปุยเมฆที่นอนหลับอยู่บนตัก ทำให้เมฆคินทร์เลื่อนสายตาลงมองตามด้วย กระนั้นก็ไม่ได้ลดความไม่พอใจของเขาไปได้
“หึ ถ้างั้น...ก็คุยกันต่อเถอะ” เมฆคินทร์ว่าแล้วก็หมุนตัวเดินหนี ทำให้ม่านมุกที่กลัวว่าอีกฝ่ายนั้นจะเข้าใจผิดรีบตามไป โดยไม่ลืมฝากลูกไว้
“ฉันฝากดูปุยเมฆด้วยนะคะ แป๊บนึง” ว่าแล้วก็รีบวิ่งตามคนเป็นสามีไป ใบหน้าของสาวเจ้าเต็มไปด้วยความกังวล
“คุณเมฆ! เดี๋ยวก่อนค่ะ” เธอวิ่งไปขวางหน้าเขาไว้ “มันไม่ใช่อย่างที่คุณคิดนะคะ”
“คิด? คิดอะไร” มีความไม่พอใจในอกของเขา แต่ใบหน้าหล่อเหลาฉาบความนิ่งเรียบไว้ดังเดิม
“ก็ อึก เราสองคนแค่พูดคุยกัน”
“แล้วทำไม เธอคิดว่าฉันหึงเธอ?” ว่าพร้อมกับเลิกคิ้วข้างหนึ่งขึ้นสูง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยการเยาะเย้ย สายตาเย้ยหยันนั้นทำให้ม่านมุกจุกในอก
“ปะ เปล่าค่ะ”
“หึ รู้ตัวก็ดี อย่าสำคัญตัวเองขนาดนั้น ฉันก็แค่กลัวว่าเธอจะทำให้ฉันขายหน้า มาคุยกับผู้ชายสองต่อสองในที่ลับตาคน ถ้ามีคนมาเห็นเข้าจะคิดยังไง”
“_” ม่านมุกใบหน้าชาวาบ ราวกับถูกตบหน้าซ้ำ ๆ มากไปกว่านั้น
“หึ อย่าทำตัวต่ำ ๆ สันดานไพร่ให้ฉันอับอายขายขี้หน้าคนไปมากกว่านี้เลย...”
เขาตอกย้ำสถานะทางสังคมของเธอ ม่านมุกน้ำตาไหลพราก ทำเอาคนพูดหยุดชะงักริมฝีปากทันที
“ฮึก ค่ะ” เธอยอมรับ ยอมรับว่าตัวเองต่ำต้อย “แต่ฉัน...ฮึก ไม่ได้อยากทำให้คุณเสียหน้า”
“_” เมฆคินทร์กลืนน้ำลายลงคอ เขาไม่รู้ตัวเสียด้วยซ้ำว่าได้พ่นถ้อยคำร้ายกาจออกมา เพราะความโมโหลึก ๆ นั้นทำให้ขาดสติ ทว่าคำพูดของเขาก็ไม่ได้เกินจริงเท่าไรนัก
“ถ้าเธอคิดสักนิด เธอจะไม่ทำอย่างนี้” ว่าแล้วก็เดินสวนร่างบางไป ชายหนุ่มโกรธที่เธอพูดคุยกับผู้ชายสองต่อสองในที่ลับตาคน เขาเป็นห่วงภาพลักษณ์ตัวเองแค่ไหนเธอก็รู้ ทำแบบนี้ก็ไม่ต่างจากหยามเขาเลยสักนิด...