บทที่ 2 เมียแสนชัง

1402 คำ
โรงแรมอัครวิเศษเป็นโรงแรมหรูระดับห้าดาว โรงแรมที่ราคาต่อคืนนั้นแพงที่สุดในประเทศ ด้วยพื้นที่ที่อยู่ใจกลางกรุงฯ และรอบ ๆ ก็เป็นศูนย์การค้าขนาดใหญ่ที่สุดของเอเชีย ที่ดินพื้นที่นี้ไม่ต่างจากทองคำ มีมูลค่าเพิ่มขึ้นมหาศาล เจ้าของร่างหนาสูงใหญ่อย่างเมฆคินทร์ อัครวิเศษสกุล เดินเข้ามาในโรงแรมนั้นทำให้พนักงานหลายร้อยคนต่างค้อมศีรษะลง ท่วงท่าการเดินของเขาสง่างามในวัยผู้ใหญ่ ต่างจากตอนที่เป็นวัยรุ่นราวกับคนละคน เขาเพิ่งรับตำแหน่งประธานกรรมการบริหารมาจากคุณปู่ของเขาหมาด ๆ เสน่ห์รวมถึงความน่าเคารพนั้นเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว “หล่อมาก” เสียงหนึ่งดังขึ้นทางด้านหลังของเขาทันทีที่เดินผ่าน เป็นพนักงานที่หลุดปากพูดออกมา โดยลืมไปว่าบริเวณนี้เงียบเกินกว่าจะซุบซิบนินทาให้เบาได้ “เนอะ เสียดายอะ มีลูกมีเมียแล้ว” สองสาวกระซิบกระซาบกัน ไม่พ้นคนหูไวอย่างเมฆคินทร์ เขาได้ยินแต่ก็ไม่ได้เข้าไปต่อว่าอะไร ความจริงเรื่องนี้ทำให้เขาเจ็บปวด เพราะม่านมุกคนเดียวที่ทำให้ชีวิตของเขาเปลี่ยนไป “วันนี้มีประชุมเรื่องงานเลี้ยงแสดงความยินดีกับท่านด้วยครับ” เขาพยักหน้ารับเบา ๆ อันที่จริงก็ไม่อยากให้มีงานเลี้ยงอะไร เพราะตนไม่ได้ชอบออกข่าวอะไรอยู่แล้ว แต่ก็คงเป็นเพราะคุณปู่ต้องการเช่นนี้ คงเชิญนักข่าวมาไม่น้อย และที่สำคัญปู่ของเขาคงให้ม่านมุกกับลูกสาวมาด้วย ถ้าอย่างนั้นเขาก็ไม่อยากให้มีการจัดงานอะไรทั้งนั้น ลำพังแค่ตอนแต่งงานแล้วนักข่าวเล่นข่าวว่าเขาเอาคนใช้ทำเมีย ก็อายจนไม่รู้จะอายอย่างไร ...พอเข้ามาในห้องประชุม สายตาของคณะผู้บริหารหลายคนก็มองมาที่เขา ชายหนุ่มค้อมศีรษะเล็กน้อยด้วยความนอบน้อม แม้นว่าจะตำแหน่งสูงกว่า แต่เขาก็อายุน้อยมาก เพราะพ่อกับแม่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตตั้งแต่เด็ก ทำให้เขาต้องแบกรับภาระอันหนักอึ้งนี้ตั้งแต่อายุยังน้อย อีกทั้งคุณปู่ก็ไม่ไหวแล้วด้วย พอจะให้คนอื่นเข้ามาบริหารงานแทน ท่านก็ไม่ยอม หวงสมบัติยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด ไม่งั้นก็คงไม่บังคับให้เขาแต่งงานกับคนใช้ในบ้านหรอก ยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิด แถมเหตุการณ์เมื่อเช้าก็ยังทำให้เขาหัวเสียอีกด้วย ปุยเมฆร้องไห้ตามประสาเด็ก แต่หล่อนก็กล่าวหาว่าเขาทำร้ายลูก เธอมองเขาเป็นปีศาจหรือยังไงกัน คนที่เขาจะทำร้าย ก็มีแค่เธอที่เขาเกลียด... ...บ้านอัครวิเศษเป็นคฤหาสน์หลังใหญ่ที่เงียบเหงา ที่ดินกว่าหนึ่งร้อยไร่ใจกลางกรุงนั้นถูกประดับตกแต่งด้วยต้นไม้ใหญ่นานาชนิด เพิ่มความน่าค้นหาให้กับบ้านได้เป็นอย่างดี ไม่ไกลจากคฤหาสน์หลังใหญ่นี้เป็นบ้านเดี่ยวสองชั้น ไม่ใหญ่ไม่เล็กมาก เหมาะกับการอยู่เป็นครอบครัวเดี่ยวเสียมากกว่าเป็นครอบครัวใหญ่ หลังจากไปส่งลูกที่โรงเรียน ม่านมุกก็ไม่รู้จะทำอะไร เพราะตั้งแต่มีลูกมาเธอก็ทุ่มเทเวลาให้กับลูกสาวเพียงคนเดียวนี้ แต่พอบุตรสาวถึงคราวที่ต้องเข้าโรงเรียนก็ไม่มีอะไรจะทำ ร่างบางจึงเดินมาที่บ้านหลังใหญ่ เพื่อที่จะได้ดูแลคุณกษิดิศ ปู่ของคนเป็นสามี “กินอะไรมาหรือยังล่ะ” ร่างใหญ่บนรถวีลแชร์เอ่ยเสียงแหบ ท่านอายุแปดสิบห้าปีแล้ว อายุที่มากขึ้นแถมยังผ่านการทำงานมาอย่างหนักทำให้เรี่ยวแรงอ่อนล้า จนต้องนั่งวีลแชร์ตามสังขาร “กินมาแล้วค่ะ คุณท่านล่ะคะ” เอ่ยถามด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม แม้นว่าข้างในจะบอบช้ำมากแค่ไหนก็ตามแต่ “เรียบร้อย” กษิดิศเอ่ยพร้อมกับยิ้มน้อย ๆ มีคนมารายงานว่าเมื่อคืนหลานชายเพียงคนเดียวนั้นเมามายมา สายตาพร่ามัวของคนมีอายุค่อย ๆ ไล่มองเนื้อตัวของสาวน้อย “ไม่เป็นไรใช่ไหม” “เอ่อ...” เธอก้มหน้าหลบสายตา ก่อนจะค่อย ๆ ตอบรับ “ไม่เป็นไรเลยค่ะ เขาไม่ได้ทำอะไรค่ะ” “จริงเหรอ” แม้นว่าท่านจะไม่ได้เอ่ยออกมาตรง ๆ แต่ก็พอรู้ว่าท่านนั้นต้องการจะถามอะไร และเธอก็รู้ว่าต้องตอบว่าอะไร “ค่ะ” ลองตอบว่าโดนเขาทำร้ายจิตใจมาสิ บ้านแตกแน่ “มีอะไรก็บอกปู่ได้นะ อย่าเก็บไว้คนเดียว” เธอยิ้มน้อย ๆ ให้กับผู้มีพระคุณ​ ก่อนที่เธอจะเดินไปเข็นวีลแชร์ของท่าน เพื่อไปรับลมใต้ต้นไม้ใหญ่ในช่วงสายของวัน ...มารดาของเธอเป็นคนรับใช้ที่นี่ เป็นคนรับใช้ต่อจากคุณยายของเธอ เรียกได้ว่าส่งต่อเป็นทอด ๆ ราวกับคายตะคาบให้กันก็ไม่ปาน ซึ่งม่านฟ้า คุณแม่ของเธอเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งในตอนที่เธอกำลังเข้ามหา’ลัย ส่วนบิดาก็เป็นคนขับรถของพ่อแม่เมฆคินทร์ ท่านประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตพร้อมกับพ่อแม่ของเขา เรื่องนี้ยังเป็นบาดแผลให้กับเขาอีกด้วย แม้นว่าจะเป็นอุบัติเหตุ แต่เมฆคินทร์ก็เอาแต่โทษพ่อของเธอ พลอยให้เขาเกลียดเธอมากขึ้น เมียแสนชัง เธอเหมาะกับคำนี้ ไม่ว่าจะทำอะไรก็ผิดไปหมด เขาไม่เอ็นดูเธอเหมือนกับคุณปู่ของเขา “อากาศดีนะวันนี้” คนแก่เห็นหญิงสาวหน้าเศร้าเลยชวนคุย เธอควรจะมีความสุขมากกว่านี้ แต่กษิดิศก็เห็นแก่ตัวเกินไปที่จะปล่อยให้เธอมีความสุข เขารักและเอ็นดูหนูม่านมุกเหมือนลูกเหมือนหลาน อยากให้อีกฝ่ายเป็นภรรยาของหลานชาย ด้วยนิสัยอ่อนน้อมอ่อนหวานนี้ “ค่ะ อากาศดี ใกล้หน้าหนาวเข้ามาแล้วค่ะ” ช่วงนี้เป็นช่วงปลายฝนต้นหนาว บรรยากาศเลยดีจนน่าเหลือเชื่อ ลมพัดอ่อน ๆ แดดไม่แรงจนไหม้ผิว บรรยากาศเหล่านี้ชวนให้นึกถึงวัยเยาว์ ...พื้นที่ตรงนี้ เธอมักแอบมองเขาอยู่บ่อยครั้ง เมฆคินทร์ครั้นยังเป็นเด็ก ราวกับคนละคนในตอนนี้ เขาอ่อนโยนกว่ามาก ทว่าปีศาจร้ายก็ค่อย ๆ กัดกินจิตใจของเขา จนไม่เหลือเค้าเดิม “ทำไมไม่พักล่ะ” คนชราเอ่ยถาม “หนูไม่ใช่พยาบาลของปู่แล้วนะ” “หึ หนูยังเป็นพยาบาลของคุณปู่ได้ไม่นานเลยค่ะ” หญิงสาวเรียนจบพยาบาลมา เธอรับหน้าที่ดูแลคุณปู่กษิดิศ ทว่าไม่นานก็รู้ว่าตัวเองท้อง หน้าที่นี้เลยได้ทำเพียงครู่เดียว “ไม่ต้องมาเป็นหรอกนะ” กษิดิศยิ้มให้อีกฝ่าย จะไม่ให้รักได้อย่างไร หนูม่านมุกเป็นคนกตัญญูรู้คุณ​ขนาดนี้ “ถ้าว่างแล้ว หนูอยากทำอะไรก็บอกได้นะ ปู่จะสนับสนุนเต็มที่” “เอ่อ ไม่เป็นไรค่ะ” “ไม่เป็นไรไม่ได้หรอก ถือว่าตอบแทนที่หนูดูแลตาเมฆ” “_” อีกแล้ว ท่านพูดอีกแล้ว “ถ้าปู่ตายไป ฝากตาเมฆด้วยนะ” “อย่าพูดอย่างนี้สิคะ คุณปู่อายุยืนจะตาย หึ ตอนนี้ยังแข็งแรงมาก ๆ ไม่ใช่เหรอคะ” ว่าแล้วก็หัวเราะเบา ๆ ท่านเป็นผู้ใหญ่คนสุดท้ายที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของเธอ แม้นว่าจะขมขื่นกับการแต่งงานมากแค่ไหน แต่เธอก็ยังเคารพท่านดังเดิม ถ้าไม่มีท่านเธอก็คงไม่มีที่ไป เรียนหนังสือไม่จบ พ่อแม่ก็มาด่วนจากไป ม่านมุกเคารพกษิดิศไม่ต่างจากพ่อคนหนึ่ง “แต่ถ้าวันนั้นมาถึง ปู่อยากให้หนูอดทนนะ” “คุณปู่...” “ช่วยดูแลตาเมฆแทนปู่ด้วยนะ” เขารู้ว่าหลานชายเป็นคนอย่างไร หยิ่งยโส ทิฐิสูงค้ำฟ้า ทว่าด้วยความที่หลานชายนั้นเป็นคนที่มีผลประโยชน์สูง ใคร ๆ ก็มักเข้าหาตลอด แน่นอนว่าหาคนจริงใจด้วยยาก เขาเป็นห่วง “ค่ะ” ม่านมุกตอบรับพร้อมกับก้มหน้าลง อย่างไรก็คงปฏิเสธไม่ได้ เธอเองก็รักและเป็นห่วงเขา แม้นว่าเขาจะทำร้ายเธอสารพัดสารเพก็ตามแต่ ทว่าปุยเมฆก็ควรที่จะมีพ่อ...
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม