“อย่าว่าแต่แกเลย ฉันก็ด้วย ได้ยินปุ๊บฉันเศร้าเลย กะว่าจะรับจ๊อบเอาเงินไว้ซื้อโทรศัพท์ใหม่สักหน่อย”
“แพมมี่ หลัวเธอจะไม่ฆ่าเอาเหรอ? คิดจะแอบรับจ๊อบน่ะ”
“อย่าห่วงเลยน่า! เรื่องนี้ฉันบอกหลัวแล้วย่ะ หลัวบอกว่าได้! แต่ต้องให้ไปนั่งเฝ้าที่เล้าจน์ด้วย” สีหน้าของพูดเชิดขึ้นเล็กน้อยทั้งยกยิ้มมุมปากด้วยความภาคภูมิใจที่มีแฟนเข้าใจในงาน
“ขอให้หลัวเธออดทนให้ได้จริงๆ เหอะ หวังว่าคงไม่ไปต่อยปากแขกเข้าล่ะ”
ปูเป้สลัดผ้าห่มแล้วลุกขึ้นไปอาบน้ำสวมเสื้อคลุมเดินไปนั่งกินโจ๊กที่แพมมี่ช่วยอุ่นในไมโครเวฟให้
“ว่าแต่คุณมิกกี้คนนั้นอยู่ชั้นล่างห้องตรงกับพวกเรานี่? เขาแขนหักแถมยังขาแพลงแบบนั้นเธอน่าจะไปดูแลเขาหน่อยนะ”
“อืม...ฉันนัดกับเขาไว้คืนนี้สองทุ่ม”
“หา! ทำไมนัดตอนกลางคืนอย่างนั้นล่ะ”
“ก็เขาบอกว่าให้ไปดูเขาตอนสองทุ่มนี่? จะไปกลัวทำไม? เขาเดินไม่ได้ซ้ำยังใส่เฝือกแขนอีก....ที่สำคัญเขาบอกว่าฉันต้องจ่ายค่าชดเชยค่าเสียเวลาทำงานให้เขาก็เลยต้องไปตกลงกันอีกน่ะ”
“คุณต้องมาดูแลผมจนกว่าแขนผมจะหาย”
“หา!”
“หรือคุณอยากจ่ายค่าชดเชยรายได้ช่วงที่ผมบาดเจ็บวันละห้าพันบาท”
“หา!”
“จะตกใจอีกนานไหม?”
“อะ อะ เอ่อ....ขอคิดดูก่อน”
“คุณไม่มีเวลาคิดแล้ว อย่างน้อยผมก็ต้องเข้าเฝือกเป็นเดือน ต่อให้เอาออกแล้วก็ยังต้องรอกระดูกติดอีกอย่างน้อยสี่เดือนหรือไม่ก็อาจจะถึงหกเดือน ความจริงผมต้องเรียกค่าทำขวัญอีกสักหน่อย”
ใบหน้าของปูเป้ซีดเผือดแค่ต้องจ่ายวันละห้าพันหนึ่งเดือนก็ทำเอาเธอหมดเนื้อหมดตัวได้แล้ว หากต้องมาจ่ายค่าทำขวัญอีกเห็นทีคงต้องหาลูกค้าวีไอพีสักร้อยคน
“คุณดูสิ! ผมอยู่คนเดียวลำบากแค่ไหน?”
“คุณไม่มีแฟนเหรอคะ?”
“ผมมีแต่คู่ขา ตอนนี้เขาไม่ว่างคงต้องรบกวนคุณมาดูแลก่อน หรือคุณจะจ่ายค่าจ้างคนที่จะมาดูแลผมแทนก็ได้นะ มีคนที่ผมพอใจพร้อมจะมาทำงานนี้แต่เขาขอค่าจ้างวันละสองพัน” ชายหนุ่มสะบัดเสียง
“หา!” ไม่รู้ว่าเธอตกใจเรื่องที่เขามีคู่ขาหรือเรื่องที่คนที่จะมาดูแลเขาเรียกค่าจ้างวันละสองพันกันแน่
“คุณตัดสินใจได้แล้ว!” มิกกี้สำรวจการแต่งกายของหญิงสาวที่เปลี่ยนไปจากการแต่งหน้าจัดและชุดกี่เพ้ารัดรูปโชว์ร่องอกแล้ว ดูเธอก็น่าจะเป็นหญิงสาวในวัยที่เรียนมหาวิทยาลัย
ปูเป้รู้สึกสับสน ในใจก็คำนวณเงินในบัญชีที่ตนเก็บได้จากการทำงาน จะจ่ายเขาก็นึกเสียดายกว่าเธอจะเก็บได้หลายแสนก็ต้องยอมเมาอยู่หลายคืน แม้จะมาขออาศัยห้องของแพมมี่พักอาศัยเพื่อประหยัดค่าเช่าแต่ก็ต้องช่วยจ่ายค่าน้ำค่าไฟและทำความสะอาด เมื่อครู่ควักเงินไปหลายหมื่นเพื่อจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้เขา หากต้องมาจ่ายค่าชดเชยรายวันรวมค่าทำขวัญเข้าไปอีกเธอต้องหน้ามืดแน่นอน
“ค่ะๆ ฉันตกลง! ตกลงมาดูแลคุณเองก็แล้วกัน ดูแลจนกว่าคุณจะหายดี ว่าแต่ถ้าทำแบบนี้ก็ไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยกับค่าทำขวัญใช่ไหมคะ?”
“ใช่! แต่คุณต้องเขียนเป็นลายลักษณ์อักษรให้ผม เผื่อคุณบิดพลิ้วจะได้ฟ้องแพ่งได้ง่ายๆ” ริมฝีปากกระจับของเขาขยับมุบมิบๆ จนปูเป้เผลอมองอย่างเพลิดเพลิน “ตู้หนังสือตรงนั้นมีกระดาษเอสี่เปล่ากับปากกา คุณไปหยิบมาสิ!”
หญิงสาวตรงหน้าจรดปากกาลงไปตามคำบอกของชายหนุ่ม เขาบอกให้เธอหยิบบัตรประชาชนออกมายืนยัน
“ข้อมูลตามบัตรของคุณเขียนให้ชัดเจนด้วย พรุ่งนี้เอาสำเนาบัตรประชาชนของคุณพร้อมการเซ็นรับรองมาส่งผมด้วย ผมจะให้ทนายความเก็บไว้”
ปูเป้หน้าซีด ดูท่าผู้ชายคนนี้คงจะล้อเล่นด้วยไม่ได้ เขานั่งกำกับเธอเขียนตามคำบอกไปจนเสร็จ เมื่อเธอลงนามเรียบร้อยเขาก็รับเอามาอ่าน
“คุณชื่อเล่นว่าอะไร?”
“ปูเป้ค่ะ”
“อืมดี! คุณปูเป้ คุณจำเงื่อนไขในสัญญานี้ให้ขึ้นใจก็แล้วกัน อย่าลืมว่าหากคุณผิดสัญญาคุณยินดีให้ผมปรับเงินสิบเท่า!”
“ตามที่เราตกลงกัน ฉันจะมาดูแลคุณต่อเมื่อฉันว่าง ดังนั้นหากฉันมีงานคุณก็ต้องยอมให้ฉันไป”
“ได้! เริ่มจากวันนี้เลยก็แล้วกัน ตอนนี้จะสองทุ่มแล้ว ผมยังไม่ได้อาบน้ำเลยเพราะเดินไม่ถนัดถอดเสื้อก็ไม่ได้ คุณมาช่วยผมที” เขาสั่งหน้าตาเฉยเพราะคิดว่าผู้หญิงที่ทำงานกลางคืนอย่างเธอน่าจะชินกับเรือนร่างผู้ชายดีอยู่แล้ว
เธอช่วยพยุงเขาไปหน้าห้องน้ำ ช่วยถอดเสื้อยืดให้อย่างทุลักทุเล
“กลิ่นตัวคุณก็ไม่ใช่ย่อยเลยนะคะ” เธอเสียงแข็งนึกถึงเมื่อเช้าที่เขาตำหนิว่าเนื้อตัวเธอเหม็นกลิ่นเหล้า ครั้งนี้ได้เอาคืนแล้ว
“ก็ตั้งแต่คุณทำผมแขนหัก พาตะลอนไปคลินิกไปโรงพยาบาลกว่าจะกลับมาก็เหงื่อโซมล่ะ สภาพแบบนี้จะอาบน้ำได้ยังไง?”
ปูเป้แอบเบะปาก ดีที่เธอสวมหน้ากากอนามัยเอาไว้เขาจึงมองไม่เห็น ชายหนุ่มย่องกะเผลกเข้าไปในห้องน้ำ กางเกงยีนส์ของเขาถอดยากสักหน่อยแต่ก็พอทำได้
“หยิบผ้าเช็ดตัวให้ผมด้วย!”
“ค่า...” เธอร้องตอบ
ข้าวของในห้องนอนใหญ่ของเขามีน้อยอย่าง ปูเป้เปิดตู้เสื้อผ้าติดผนังมีเสื้อผ้าแขวนไว้อย่างเป็นระเบียบ ปูเป้รู้สึกว่าห้องของเขาเนี้ยบไปเสียทุกมุม นึกถึงคำพูดว่าเขาไม่มีแฟนมีแต่คู่เขาแล้วก็พาลนึกไปอีกอย่าง
‘ผู้ชายรูปร่างโปร่ง สะอาดสะอ้าน แถมเนี้ยบแบบนี้ไม่ใช่ว่าคู่ขาที่พูดถึงคือ...’
เสียงกดรหัสเข้าประตูห้องดังขึ้นหกครั้งแล้วก็มีสัญญาณเตือนว่ากำลังจะมีคนเข้ามา ปูเป้รีบเดินออกไปดู
“ผ้าเช็ดตัวผมได้หรือยัง?” เขาร้องออกมาจากห้องน้ำ
หญิงสาวรีบวิ่งกลับมาหยิบผ้าขนหนูสีเทาผืนใหญ่ไปหน้าห้องน้ำ เขาแง้มประตูเล็กน้อยออกมารับ ชายหนุ่มได้ยินเสียงกดรหัสหน้าประตูก็รู้ได้ทันทีว่าคนที่กำลังจะเข้ามาคือใคร?
“เจ้าของห้องมาแล้ว! คุณมารอพยุงผมที” เขารีบพันผ้าขนหนูรอบท่อนล่าง เดินเขย่งออกมา ด้วยความรีบร้อนมิกกี้ไถลไปด้านหน้า เขาตกใจจนต้องใช้สองมือเกาะบ่าปูเป้เอาไว้แน่น
***************************