ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“ราชันย์ตื่นยังลูก”
เค้กหญิงวัยกลางคนเอ่ยเรียกลูกชายด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน สักพักประตูห้องก็เปิดออกมา
“ตื่นแล้วครับ คุณแม่มีอะไรรึเปล่าครับ”
ราชันย์หนุ่มหล่อร่างสูงวัยยี่สิบสองปี ผมสีน้ำเงินเข้ม ลูกชายเพียงคนเดียวของรามินและเค้ก เอ่ยถามผู้เป็นแม่ขึ้นเมื่อเปิดประตูออกมาแล้ว
“แม่ทำเค้กสูตรใหม่เลยอยากให้ลูกลองชิมให้ว่าโอเเครึเปล่าจ้ะ”
เค้กพูดกับลูกชายด้วยรอยยิ้ม
“คุณพ่อไม่อยู่หรอครับ ปกติคุณแม่จะให้คุณพ่อชิมให้ไม่ใช่หรอครับ”
ราชันย์ถามผู้เป็นแม่ด้วยน้ำเสียงสุภาพ
“พ่อเราน่ะเชื่อไม่ได้แล้วล่ะ ให้ชิมทีไรก็บอกอร่อยตลอดไม่ยอมติเลย แม่ก็เอาไปขายจนลูกค้าบอกว่ารสชาติมันแปลกๆ พูดแล้วยังโมโหไม่หาย”
เค้กพูดขึ้นพร้อมกับทำหน้ายู่เมื่อพูดถึงสามีจนราชันย์ได้แต่หัวเราะออกมาเบาๆ เมื่อเห็นท่าทางแม่ตัวเอง
“ถ้าพ่อบอกไม่อร่อยแม่ก็งอนพ่ออีก ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมลงไปชิมให้ วันนี้วันเสาร์ไม่ได้ไปเรียนพอดี ผมอยู่ชิมให้ทั้งวันดีมั้ยครับ”
ราชันย์พูดขึ้นพร้อมกับยิ้มให้ผู้เป็นแม่ ซึ่งภาพนี้คนภายนอกไม่มีทางได้เห็นแน่นอน เพราะราชันย์มีนิสัยพูดน้อย นิ่ง สุขุม แถมเย็นชาไม่สนใจใครไม่เว้นแม้แต่ผู้หญิงซึ่งแตกต่างจากรามินผู้เป็นพ่อที่มีนิสัยพูดเก่ง ขี้เล่นอย่างสิ้นเชิง ตอนนี้ราชันย์เรียนคณะวิศวกรรมยานยนต์ปีสี่แล้ว เป็นหนุ่มโสดที่สาวๆ ต่างก็หมายปองอยากได้เขามาเป็นแฟนแต่ก็ต้องผิดหวังเพราะเขาไม่เคยสนใจผู้หญิงคนไหนเลย ราชันย์เคยมีแฟนตอนปีสองหนึ่งคนแต่คบกันได้แค่หนึ่งปีก็ต้องเลิกกันเพราะผู้หญิงนอกใจไปมีคนอื่น เมื่อราชันย์จับได้ก็เลิกแบบไม่มีเยื่อใยทันทีเพราะเขาไม่ชอบคนที่มักมากแบบนี้ หลังจากนั้นราชันย์ก็ไม่มีแฟนเลยสักทีไม่ใช่เพราะลืมแฟนเก่าไม่ได้แต่เพราะเขายังไม่เจอผู้หญิงที่ใช่สำหรับเขาจึงอยู่เป็นโสดมาจนถึงทุกวันนี้
“ดีเลยลูก ไปกัน วันนี้แม่ทำสองสูตรพอดี”
พูดจบเค้กก็คล้องแขนลูกชายเดินลงไปอย่างอารมณ์ เมื่อมาถึงห้องครัวก็เห็นสามีตัวเองกำลังนั่งกินเค้กที่เธอทำไว้อยู่
“หยุดเลยนะพ่อ เค้กนั่นแม่จะให้ลูกชิมนะคะ”
เค้กรีบพูดห้ามรามินทันที เพราะวัยที่โตจนมีลูกแล้วจึงเปลี่ยนสรรพนามเรียกเพื่อให้เกียรติสามีเพราะรามินอายุน้อยกว่าเธอ
“ทำไมต้องให้ลูกชิมด้วยล่ะเมีย ผัวก็ชิมให้ได้นิครับ”
“คุณแม่บอกว่าคำพูดของคุณพ่อเชื่อไม่ได้ครับ”
ราชันย์พูดกับพ่อแบบกวนๆ แต่ใบหน้ากลับนิ่งจนรามินถึงกับหันไปมองค้อนใส่ลูกตัวเอง
“ถ้าพ่อเชื่อไม่ได้แล้วแม่จะยอมแต่งงานกับพ่อรึไง เมียไม่ได้พูดใช่มั้ยครับ”
รามินพูดกับลูกชายเสียงดังแล้วหันไปพูดกับเค้กด้วยน้ำเสียงอ้อนๆ จนราชันย์ได้แต่กระตุกยิ้มเมื่อเห็นพ่อตัวเองอ้อนเมีย
“แม่พูดจริงๆ ค่ะ อย่าลืมนะคะว่าตัวเองมีคดีติดตัวอยู่ ไม่ยอมพูดความจริงจนแม่เอาไปขายให้ลูกค้าโดยลูกค้าติมาเลย”
เค้กพูดขึ้นพร้อมกับหน้างอนใส่รามิน จนรามินต้องรีบลุกเดินไปกอดเมียตัวเองทันที
“โธ่! เมียครับ เมียก็รู้ว่าเมียทำอะไรให้ผัวกินมันก็อร่อยสำหรับผัวจริงๆ นิ อย่างอนนะครับ”
รามินพูดง้อเค้กอย่างอ้อนๆ
“ไม่ต้องมาพูดเลย พ่อนั่งอยู่เฉยๆ เลยค่ะ แม่จะให้ลูกเป็นคนชิม มาลูกราชันย์ มาชิมให้แม่ดูหน่อย”
เค้กเรียกราชันย์ให้มานั่งที่โต๊ะอาหารทันทีหลังจากบ่นให้สามีแล้ว
“ครับคุณแม่”
ราชันย์ขานตอบผู้เป็นแม่แล้วเดินไปนั่งชิมเค้กทั้งสองสูตรทันที
“สูตรนี้หวานมากไปนะครับ ส่วนสูตรนี้ผมว่าโอเคแล้ว”
ราชันย์พูดไปตามตรงหลังจากชิมเค้กทั้งสองสูตรแล้ว เพราะรู้ว่าผู้เป็นแม่รักและใส่ใจกับร้านเค้กที่เปิดตอนนี้มาก
“โอเคจ้ะลูก งั้นแม่จะเอาสูตรนี้ไปปรับให้หวานน้อยลง ขอบใจมากนะลูก”
พูดจบเค้กก็เดินไปทำเค้กสูตรใหม่ทันที รามินจึงมานั่งข้างๆ ลูกชายตัวเอง
“ราชันย์ที่สนามแข่งรถเป็นยังไงบ้างช่วงนี้”
รามินเอ่ยถามลูกชายด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ก็ดีครับ ไม่มีปัญหาอะไร ช่วงนี้ผมกำลังหานักแข่งใหม่อยู่ มีรุ่นน้องคนหนึ่งฝีมือดูโอเคเลยว่าจะลองชวนมาทดสอบดูครับ”
ราชันย์ตอบผู้เป็นพ่อด้วยน้ำเสียงจริงจัง ราชันย์รับช่วงต่อดูแลสนามแข่งรถที่พ่อเขาเป็นคนสร้างขึ้นไม่ใช่เพราะพ่อบังคับแต่เพราะเขาก็ชอบการแข่งรถเหมือนกันโดยมีดารินลูกสาวของไดม่อนกับโรสช่วยดูแลอีกคน ส่วนผับจะเป็นเจเดน เจด้า ลูกแฝดของเจไดกับมิริน และเอวาลูกสาวของอคินกับแพรวาเป็นผู้ดูแล ถึงจะแบ่งงานกันดูแลแต่ทั้งห้าคนก็ช่วยเหลือกันตลอดโดยไม่เกี่ยงว่าใครจะดูแลงานหลักของที่ไหน
“อืม ก็ดี มีอะไรก็ปรึกษาพ่อบ้าง ไม่ใช่วิ่งไปปรึกษาแต่ลุงคินของแก”
รามินพูดใส่ลูกชายด้วยความน้อยใจเพราะลูกชายของเขาติดอคินผู้เป็นลุงตั้งแต่เด็ก
“ก็ลุงคินให้คำปรึกษาเร็วกว่าคุณพ่อนี่ครับ ลุงคินบอกว่าคุณพ่อเป็นน้องเล็กคิดไม่ทันคนเป็นพี่อย่างลุงคิน ผมเลยไปปรึกษาลุงคินดีกว่า”
“เจริญมากลูกกู ด่ากูทางอ้อมอีก รู้งี้ไม่ปล่อยให้พี่คินไปเลี้ยงดีกว่ากัดเจ็บเหมือนคนเลี้ยงจริงๆ แล้ววันนี้จะไปไหนมั้ย ไปแข่งรถกับพ่อมั้ยคันไม้คันมืออยากจับพวงมาลัย”
รามินพูดบ่นกับตัวเอง แล้วหันไปถามลูกชายทันที
“วันนี้ไม่อยากไปไหนครับ ผมจะอยู่ชิมเค้กของคุณแม่”
ขณะที่ราชันย์กำลังตอบผู้เป็นพ่ออยู่ก็มีสายโทรเข้ามาจากโทรศัพท์ของเขา เมื่อราชันย์เห็นเป็นเบอร์อคินก็รับสายทันที
“ครับลุงคิน”
(วันนี้มีธุระไปไหนมั้ยราชันย์)
“ไม่มีครับ”
(ดี งั้นมาที่สนามฝึกหน่อย ลุงอยากรู้ว่าฝีมือการต่อสู้เป็นยังไงบ้าง มาประลองกับเจเดนตอนนี้เจเดนอยู่ที่สนามฝึกแล้ว)
“ได้ครับลุงคิน ผมจะไปเดี๋ยวนี้เลยครับ”
(อืม)
พูดจบอคินก็วางสายทันที เมื่อวางสายแล้วราชันย์ก็ลุกไปโดยไม่พูดกับผู้เป็นพ่อต่อ
“จะไปไหนราชันย์”
รามินเอ่ยถามลูกชายด้วยความสงสัย
“ไปสนามฝึกครับ ลุงคินอยากให้ไปประลองกับเจเดนว่าฝีมือพัฒนาไปถึงไหนแล้วครับ ผมไปนะครับคุณพ่อ”
พูดจบราชันย์ก็เดินออกจากห้องครัวไปทันที
“เอ้าเฮ้ย! ไหนบอกไม่อยากไปไหนไง พอลุงคินโทรมาก็ไปเร็วซะเหลือเกินนะ”
รามินบ่นให้ลูกชายทันทีเมื่อเห็นลูกชายกลับคำพูดเร็วเหลือเกินแต่ก็ไม่ได้โกรธอะไรลูกชายเพราะรู้ว่าราชันย์นั้นรักและเคารพอคินมาก เนื่องจากบ้านของรามิน อคิน และไดม่อนนั้นสร้างติดกันและทำให้สนามฝึกอยู่เหมือนที่พวกเขาเคยอยู่จึงทำให้สามารถเดินทะลุไปสนามฝึกได้ เมื่อราชันย์มาถึงสนามฝึกแล้วก็เห็นเจเดนกำลังยืนคุยกับอคินอยู่จึงเดินเข้าไปหาทันที
“สวัสดีครับลุงคิน”
ราชันย์ยกมือไหว้ทักทายอคินผู้เป็นลุง
“อืม ไหนลองประลองกันให้ลุงดูหน่อย ว่าฝีมือใครพัฒนาไปถึงไหนแล้ว”
อคินพูดขึ้นทันทีเมื่อหลานรักทั้งสองคนอยู่ครบแล้ว
“ครับ/ครับ”
ราชันย์และเจเดนขานตอบพร้อมกันแล้วเดินไปใจกลางสนามฝึกที่เป็นลานประลองทันที
“วันนี้กูไม่ออมมือนะเจเดน”
ราชันย์พูดขึ้นพร้อมกับยิ้มมุมปากใส่เจเดน
“หึ ผมรึเปล่าที่ต้องเป็นคนพูดคำนี้”
เจเดนพูดใส่ราชันย์กลับอย่างไม่ยอม จนราชันย์ได้แต่กระตุกยิ้มใส่เจเดนผู้เป็นน้อง จากนั้นทั้งสองก็เริ่มสู้กันโดยมีอคินยืนกอดอกมองอย่างจริงจังเพราะเขาเป็นคนฝึกให้หลานชายทั้งสองเองกับมือเพราะอยากให้สามารถป้องกันตัวเองและปกป้องคนที่รักได้ซึ่งการฝึกตั้งแต่เด็กของราชันย์และเจเดนก็ทำให้ทั้งสองนั้นมีฝีมือการต่อสู้ที่เก่งกาจมาตั้งแต่เด็กจนลูกน้องต่างก็ยกธงขาวยอมแพ้หมดเพราะสู้ทั้งสองไม่ได้ ราชันย์และเจเดนสู้กันอย่างไม่ออมมือจนไปผ่านไปเกือบยี่สิบนาทีก็ยังไม่มีผลแพ้ชนะเพราะทั้งสองนั้นรู้ทางกันมาตลอดแถมประลองกันทีไรก็ไม่เคยมีคนชนะสักที จนอคินได้แต่กระตุกยิ้มพอใจเพราะฝีมือการต่อสู้ของทั้งสองนั้นพัฒนาขึ้นมากจากเดิม
“พอได้แล้ว”
เมื่อรู้ว่าสู้ยังไงก็ไม่รู้ผลแพ้ชนะ อคินจึงสั่งหยุดทันที ราชันย์และเจเดนจึงหยุดสู้กันจากนั้นก็ส่งยิ้มให้กันไม่มีท่าทีโกรธกันเลยแม้แต่น้อย
“เห็นอยู่แต่สนามแข่งไม่ยอมมาฝึกซ้อมสักทีคิดว่าฝีมือจะด้อยลง พี่ไปแอบฝึกมาหรอพี่ราชันย์”
เจเดนเอ่ยถามราชันย์เสียงนิ่งเพราะนิสัยเจเดนก็ไม่ต่างจากราชันย์แถมยังปากร้ายอีก
“ถึงจะไม่ได้มาฝึกที่นี่ก็ไม่ได้แปลว่ากูจะฝึกที่อื่นไม่ได้นิ มึงก็ไม่ธรรมดานะ ฝีมือดีขึ้นมาก”
ราชันย์ชมน้องชายตัวเอง เจเดนจึงยักไหล่ตอบเขาแล้วทั้งสองก็เดินไปหาอคินทันที นั่งคุยกันสักพักราชันย์ก็กลับบ้านเพราะวันนี้เป็นวันหยุดของเขา ราชันย์จึงไม่ไปเรียนและไม่ไปดูสนามแข่งรถเพราะอยากพักผ่อน