‘มูลนิธิบ้านเพื่อนสี่ขา’
ดวงตาแหลมคมกวาดสายตาอ่านหาชื่อมูลนิธิของแพทย์หนุ่มรุ่นน้องอย่าง ‘‘นายแพทย์คเชนทร์ วชิรจักร ศัลยแพทย์ทั่วไป” ที่ร่วมกันจัดตั้งขึ้นกับเพื่อนๆ ต่างคณะอีกสองสามคนบวกกับเป็นคนรักสัตว์เป็นทุนเดิม จึงเป็นสาเหตุให้เขาต้องดั้นด้นมาถึงที่นี่ แต่กว่าจะรู้ที่ซ่อนตัวของรุ่นน้องนั้นก็เล่นเอาเขาแทบปาดเหงื่อ
ถึงกระนั้นก็ไม่เกินความสามารถของท่านรองผู้อำนวยการโรงพยาบาลพัชรกานต์แพทย์ โรงพยาบาลเอกชนเบอร์ต้นๆ ของประเทศเท่าไรนัก ก่อนที่มุมปากหนากระตุกยิ้มกริ่มอย่างผู้ถือชัยชนะ
“แกรู้จักคนอย่างฉันน้อยไปนะไอ้คุณชายช้าง”
พายุว่าขึ้นพร้อมกับสาวเท้าเข้าไปในตัวตึกสี่ชั้นขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ พลางสอดสายตาสำรวจภายในไปด้วย
อาคารพาณิชย์สี่ชั้นหลังนี้ตั้งตระหง่านอยู่แบบเดี่ยวๆ บนพื้นที่กว่าหนึ่งไร่ ห่างจากชุมชนและบ้านคนพอสมควร ชั้นหนึ่งและชั้นสองถูกจัดสรรให้พื้นที่สำหรับโรงพยาบาลรักษาสัตว์ โดยมีสัตวแพทย์และผู้ช่วยผลัดเปลี่ยนเวรกันอยู่ตลอดเวลา ส่วนชั้นสามนั้นเป็นโซนห้องพักฟื้นของสัตว์ที่เข้ารับการรักษา สุดท้ายบนสุดเป็นห้องพักพนักงาน รวมไปถึงห้องทำงานของพนักงานในมูลนิธิแห่งนี้ด้วย ในส่วนของบริเวณด้านหลังนั้นมีอาคารชั้นเดียวจัดไว้สำหรับดูแลสัตว์พิการ ซึ่งมีทั้งสุนัขและแมวจรที่มูลนิธิได้ช่วยเหลือและรับอุปการะไว้
พายุอดทึ่งไม่ได้กับมูลนิธิของนายแพทย์รุ่นน้อง แม้จะพอรู้มาบ้างว่ารุ่นน้องเขาได้จัดตั้งมูลนิธินี้ขึ้นมาเมื่อหลายปีก่อน ไม่คิดว่ามันจะใหญ่โตและครบวงจรเป็นเรื่องเป็นราวได้ขนาดนี้
“มาติดต่อเรื่องอะไรคะ”
เสียงหวานเรียกสติของคนที่อยู่ในห้วงภวังค์ พายุลากสายตามาหยุดที่หญิงสาวตัวเล็กในชุดเดรสเรียบร้อยสีชมพูอ่อนที่กำลังเดินออกจากห้องห้องหนึ่ง รอยยิ้มหวานพริ้มบนดวงหน้าสวยกระจ่างใสทำเอาเขาแทบหยุดหายใจ
“สวยยย...” เสียงครางแผ่วเบาอย่างลืมตัว
“คะ?” สาวสวยเอียงศีรษะเล็กน้อย หัวคิ้วทรงนิยมเรียงเป็นระเบียบทั้งสองข้างขมวดเข้าหากันพลางหรี่ตา
คำถามแบบสุภาพจากน้ำเสียงหวานหยดเรียกสติของท่านรองผู้อำนวยการหนุ่มได้อีกครั้ง เขาแก้เก้อด้วยรอยยิ้มจางๆ พร้อมกับยกมือข้างซ้ายลูบท้ายทอยตัวเองแก้เขิน รีบเอ่ยถามหาเจ้าของมูลนิธิ
“เอ่อ...ผมมาหาหมอช้างครับ”
นาราเดินมาหยุดยืนอยู่ที่เคาน์เตอร์ต้อนรับสีขาวลายหินอ่อน “ได้นัดไว้หรือเปล่าคะ”
โดยปกติแล้วไม่ค่อยมีใครมาถามหาคเชนทร์ถึงที่มูลนิธิแห่งนี้ เพราะเขาค่อนข้างชอบความเป็นส่วนตัว ไม่ชอบให้ใครมาหาที่นี่เท่าไรและที่เธอต้องถามออกไปแบบนั้นก็เพื่อความเป็นส่วนตัวของรุ่นพี่ด้วยเช่นกัน
พายุยังคงเงียบ ไม่รู้จะตอบออกไปอย่างไร
‘ก็ถ้ามันยอมคุยกับเขาดีๆ ตั้งแต่แรก เขาก็คงไม่ต้องเสียเวลามาถึงที่นี่หรอก’
“ปกติแล้วคุณหมอช้างไม่ต้อนรับแขกที่นี่นะคะ ยังไงคุณลองนัดกับคุณหมออีกทีดีกว่าค่ะ” นาราเห็นว่าเขาเงียบก็พอจะเดาได้ จึงเอ่ยปัดๆ กับเขาไปแล้วทรุดตัวนั่งลงบนเกาอี้แล้วทำงานของตัวเองที่ค้างไว้ต่อ
รองผู้อำนวยการหนุ่มทำหน้าเหวอ หลังสิ้นเสียงหวานคล้ายไล่เขากลายๆ พอนึกอะไรขึ้นได้ก็รีบล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกง แล้วเปิดกระเป๋าหาอะไรบางอย่าง โดยไม่รู้เลยว่าการกระทำของเขาถูกหญิงสาวลอบมองอยู่เป็นระยะ
นามบัตรสี่เหลี่ยมผืนผ้าใบเล็กถูกวางลงบนเคาน์เตอร์ มือหนาดันไปตรงหน้าหญิงสาวเล็กน้อย
นาราละสายตาจากคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก หลุบตาลงดูนามบัตร ซึ่งมีตราโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังประทับอยู่ เธออ่านชื่อเจ้าของนามบัตรนั้นในใจ ‘นายแพทย์พายุ พัชรกานต์ รองผู้อำนวยการ’ ลากสายตามาสบกับดวงตาคู่คม
“ผมมีธุระสำคัญต้องคุยกับหมอช้างเดี๋ยวนี้ครับ” พายุจ้องตากลับหญิงสาวอย่างไม่หลบเลี่ยง ภายในนัยน์ตาแฝงด้วยความดื้อดึง
สิ่งที่คิดว่าอะไรๆ จะง่ายขึ้นกลับพังครืนในพริบตา เมื่อหญิงสาวตรงหน้านอกจากจะไม่สนใจเขาแล้วนั้น ยังคงก้มหน้าลงทำงานต่อหน้าตาเฉยอีก
พายุระบายลมหายใจยาวเหยียด ก่อนเอ่ยขึ้น “ถ้ามีปัญหาอะไร เดี๋ยวผมเป็นคนรับผิดชอบเองครับ”
สิ้นคำของท่านรองผู้อำนวยการหนุ่ม ปรายหางตาสวยก็ตวัดไปที่คนที่กำลังแสดงอำนาจของตัวเองเต็มที่ กระนั้นเธอก็ยังพยายามจะใจเย็น
“ฉันว่าคุณโทรไปคุยกับคุณหมอก่อนดีไหมคะ ฉันไม่ได้รับอนุญาตให้ตัดสินใจเรื่องนี้ได้เอง ขอโทษด้วยค่ะ”
“ผมรู้ว่ามันอยู่ที่นี่ คุณเรียกมันมาพบผมดีกว่าครับ” พายุยังคงแสดงเจตนารมณ์เดิม สบดวงตาคู่สวยอย่างไม่สะทกสะท้านกับความไม่พอใจที่ส่งมาให้
“เอ๊ะคุณ!...” น้ำเสียงหวานเริ่มแข็งขึ้นด้วยความไม่พอใจกับความพูดไม่ฟังของชายหนุ่มตรงหน้า
“หนูนา” ทว่าเสียงทุ้มของคนต้นเรื่องก็ดังแทรกขึ้นเสียก่อน
สองหนุ่มสาวที่จ้องตากันราวกับจะกินเลือดกินเนื้อกัน ต่างต้องหันไปมองคเชนทร์ที่ยืนกอดอกพิงประตูห้องที่นาราเดินออกมาก่อนหน้าด้วยใบหน้าเรียบตึง ไม่บ่งบอกอารมณ์ ผิดนิสัยขี้เล่นของเขาโดยสิ้นเชิง
“หนูนาพยายามไล่เขาไปแล้วนะคะ แต่ว่าเขาดื้อด้าน บอกแต่จะพบพี่ช้างให้ได้” นาราหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งมูลนิธิรีบเอ่ยฟ้องรุ่นพี่ทันทีที่เห็นเขาปรากฏตัว
คเชนทร์พยักหน้ารับช้าๆ แสดงความเข้าใจสิ่งที่หญิงสาวต้องเผชิญด้วยการส่งรอยยิ้มบางๆ ให้หญิงสาว ก่อนจะลากสายตาไปหยุดที่เจ้านายของตัวเองอีกทีพลางถอนหายใจหนักๆ ออกมา
“ไงน้องรัก แกคิดว่าจะหนีฉันพ้นเหรอ”
รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลที่คเชนทร์ทำงานอยู่เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงกระหยิ่มใจว่าตนจะต้องได้รับชัยชนะในไม่ช้า
ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง ใบหน้าหล่อเหลาออกไปทางหนุ่มตี๋หน่อยๆ ผิวพรรณนั้นขาวกระจ่างใสไปทั้งตัวเสียจนผู้หญิงบางคนต้องมีแอบอิจฉา มุมปากหนาเบะออก กลอกลูกตาไปมา เขารึอุตส่าห์หนีหน้ารุ่นพี่คนนี้มาได้ตั้งหลายวัน ไม่ต้องบอกก็รู้เลยว่าใครเป็นคนบอกที่กบดานของเขา
‘ฝากไว้ก่อนเถอะพี่เสือ’ ชายหนุ่มก่นด่าพี่ชายตัวเองในใจ