ชีวิตของเด็กหญิงเขมิกา โชติกุลนั้นแสนจะมีความสุข เธอถูกรายล้อมไปด้วยความรักจากครอบครัวที่อบอุ่น มีบิดามารดาและพี่ชายที่รักและห่วงใยเธอ มีคุณปู่คุณย่าที่รักและเอ็นดูเธอ และเธอยังเป็นที่รักของเพื่อนและคุณครูที่โรงเรียนอีกด้วย
“น้องเข็มครับ ไปโรงเรียนกันเถอะ”
เด็กชายเรวัต โชติกุลหรือน้องเรียว ที่เคยเป็นหลานชายตัวน้อยของเธอในภพก่อนนั้นตอนนี้กลับกลายมาเป็นพี่ชายที่รักและทะนุถนอมเธอไปเสียแล้ว
“ค่ะพี่เรียว”
เด็กหญิงวัยห้าขวบส่งยิ้มหวานให้พี่ชาย ถึงแม้จะวัยเพียงห้าขวบแต่ฟันของเด็กหญิงเขมิกานั้นกลับเรียงสวยแถมไม่มีซี่ที่ผุเลย ด้วยการดูแลรักษาช่องปากเป็นอย่างดี
“วันนี้ให้คุณพ่อไปส่งนะคะ คุณแม่ต้องเข้าไปดูสปาที่สาขาในห้างเคน”
กาญจนาบอกสองลูกน้อยที่มีอายุห่างกันเพียง3ปี โดยน้องเรียวบุตรชายคนโตนั้นปีนี้ก็ย่างเข้า8ขวบแล้ว ส่วนปีนี้น้องเข็มบุตรสาวคนเล็กนั้นอายุห้าขวบ เธอมีธุรกิจร้านสปาที่มีอยู่หลายสาขาทั่วประเทศไทยตั้งแต่ก่อนที่จะแต่งงานกับเผ่าภูมิ และน้องสาวผู้ล่วงลับก็เป็นหนึ่งในลูกค้าประจำของเธอ ทำให้เธอได้มีโอกาสได้รู้จักกับเผ่าภูมิและได้แต่งงานกันในสองปีถัดมา
“ค่ะ/ครับคุณแม่” สองพี่น้องขานรับมารดา
“ไปกันครับเด็กๆ เดี๋ยวสาย”
เสียงทุ้มอบอุ่นดังขึ้นจากร่างสูงในชุดสูทสุดหรู เผ่าภูมินั้นรับช่วงต่อธุรกิจมาจากครอบครัวนั่นก็คือบริษัทโชติกุล ฟาร์มาซูติคอล จำกัด เป็นบริษัทที่ผลิตยาและอาหารเสริมแผนปัจจุบันและแผนโบราณ ซึ่งน้องสาวผู้ล่วงลับก็เคยเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับผลิตภัณฑ์ของบริษัทมาแล้ว
"ค่ะ/ครับ คุณพ่อ” เสียงใสๆ ของเด็กชายหญิงดังขึ้นพร้อมกัน
“พี่ไปทำงานก่อนนะครับ”
เผ่าภูมิบอกภรรยาก่อนที่จะก้มลงไปกดจมูกโด่งของตนลงบนหน้าผากนวลของภรรยาต่อหน้าบุตรทั้งสอง เด็กๆ พากันยิ้มออกมา ภาพแบบนี้เป็นภาพในอดีตที่จิราภรเห็นอยู่บ่อยๆ พี่ชายของเธอชอบแสดงความรักต่อภรรยาแบบนี้เสมอ ตอนนี้เธอได้มาเกิดเป็นบุตรของทั้งสองจึงไม่แปลกใจกับสิ่งที่เห็น แถมเธอยังมีความสุขมากอีกด้วยที่ได้กลับมาเห็นภาพแบบนี้อีกครั้ง
โรงเรียนวรุณวิทย์
รถครอบครัวคันหรูขับเคลื่อนมาจอดที่ลานจอดรถก่อนที่ร่างสูงของคุณพ่อยังหนุ่มจะเปิดประตูออกมา แล้วเดินไปเปิดประตูทางฝั่งบุตรสาวคนเล็ก เด็กหญิงที่มีใบหน้าสวยหวานวันนี้มาในชุดพละสีฟ้าอ่อนสะพายกกระเป๋าสีฟ้าลงมาจากรถก่อนตามด้วยพี่ชายในชุดนักเรียนประถม เผ่าภูมิจัดการปิดประตูรถก่อนที่จะจับมือบุตรที่รักทั้งสองเดินไปส่งยังประตูทางเข้าโรงเรียนที่มีคุณครูเวรยืนรอรับนักเรียนอยู่ในตอนเช้าเป็นประจำทุกวันที่มีการเปิดเรียน
“สวัสดีครับ เด็กๆ สวัสดีคุณครูก่อนครับ” ผู้เป็นบิดายกมือไหว้ครูเวรที่ดูสูงวัยกว่าตน ก่อนจะก้มหน้าลงบอกเด็กๆ ให้ทำตาม ตอนนี้เขามีอายุเพียง33ปีเท่านั้น เรียกว่ายังหนุ่มก็ว่าได้
“สวัสดีค่ะ/ครับคุณครู” เด็กหญิงวัยอนุบาลกับเด็กชายวัยประถมยกมือไหว้คุณครูเวรตามบิดา
“สวัสดีค่ะคุณพ่อ น้องเข็มน้องเรียว วันนี้คุณพ่อมาส่งเองเลยนะคะ ทุกทีเห็นเป็นคุณแม่มา”
ครูสมรศรียกมือรับไหว้ก่อนที่จะส่งยิ้มและเอ่ยทักทายสามคนพ่อลูก ครอบครัวนี้เรียกว่าหน้าตาดีทั้งครอบครัวก็ว่าได้ อย่างเช่นน้องสาวที่เป็นอดีตซุปตาร์ผู้ล่วงลับไปเมื่อหลายปีก่อน กับบุตรสาวคนเล็กคนนี้ ที่ดูเหมือนเค้าความสวยจะเปล่งประกายขึ้นมาในทุกวัน ยิ่งความสามารถพิเศษไม่ต้องพูดถึง
“วันนี้คุณแม่ไปดูงานที่สปาครับ” เด็กชายเรวัต โชติกุลหรือน้องเรียวตอบคุณครู
“ผมลาล่ะครับ คุณพ่อไปก่อนนะครับ เดี๋ยวตอนเลิกเรียนคุณแม่มารับ ตั้งใจเรียนนะเด็กๆ โดยเฉพาะเจ้าเรียว” เผ่าภูมิยกมือไหว้ลาคุณครูสมรศรี ก่อนที่จะนั่งยองๆ คุยกับบุตรสาวและบุตรชาย
“ค่ะ/ครับ คุณพ่อ”
เด็กทั้งสองโอบกอดบิดาก่อนที่จะปล่อยให้เผ่าภูมิกลับไปที่รถ ส่วนเด็กทั้งสองก็จูงมือกันเดินเข้าโรงเรียนไป น้องสาวตัวน้อยของเด็กชายเรวัตนั้นเป็นที่นิยมในโรงเรียนไม่น้อย แม้จะวัยเพียงแค่นี้ก็มีคนรู้จักเธอมากมาย
“สวัสดีตอนเช้าค่ะน้องเข็ม” รุ่นพี่ป.5ทักทายเด็กหญิงตัวน้อยผมเปียที่มีใบหน้าสวยมาตั้งแต่เด็ก
“สวัสดีค่ะพี่ปอ”
เด็กหญิงตัวน้อยยกมือไหว้รุ่นพี่ ก่อนที่จะส่งยิ้มให้ และเป็นแบบนี้มาตั้งแต่หน้าประตูจนพี่ชายเดินไปส่งน้องสาวถึงมือครูพี่เลี้ยง เรวัตอดที่จะงงกับความนิยมของน้องสาวไม่ได้ เขาเรียนที่นี่มาก่อนน้องแท้ๆ เขายังไม่เป็นที่รู้จักแบบนี้เลย เด็กชายตัวน้อยส่ายศีรษะไปมาเบาๆ ก่อนที่จะเดินกลับไปห้องเรียนของตน
เวลาเลิกเรียนเป็นเวลาที่เด็กๆ ทุกคนต่างรู้สึกผ่อนคลายและสนุกสนาน พี่ๆ พากันจับกลุ่มคุยกันรอผู้ปกครองมารับ บ้างก็พากันเตะฟุตบอล จะมีก็แต่น้องๆ วัยอนุบาลที่ต้องรอผู้ปกครองมารับอยู่กับคุณครูพี่เลี้ยง วันนี้กาญจนาจะเข้ามารับบุตรสาวและบุตรชายทั้งสองไปทานอาหารที่ห้างสรรพสินค้า จุดประสงค์หลักก็คือต้องการไปซื้อของขวัญวันคล้ายวันเกิดครบรอบ60ปีให้กับพ่อของสามีที่เป็นคุณปู่ของเด็กๆ
“สวัสดีค่ะคุณครู” กาญจนายกมือไหว้ก่อนที่จะเอ่ยทักทายออกไป คุณครูผู้ช่วยเห็นเธอก็ส่งยิ้มให้ก่อนที่จะเรียกน้องเข็มให้ออกมา
“น้องเข็มคะ คุณแม่มารับแล้วค่ะ”
สิ้นเสียงเด็กหญิงตัวน้อยผมเปียก็ออกมาในชุดพละสีฟ้าพร้อมกับกระเป๋าสีฟ้าที่สะพายอยู่ด้านหลัง รอยยิ้มสดใสออกมาจากใบหน้าหวานของเด็กหญิงตัวน้อย ทำให้คนมองอดที่จะยิ้มตามหนูน้อยไม่ได้ กาญจนารู้สึกว่าเธอตกหลุมรักบุตรสาวของตนเองมากขึ้นทุกๆ วัน ถ้าน้องสาวผู้ล่วงลับของสามียังอยู่เธอเชื่อว่าจิราภรคงจะเอ็นดูน้องเข็มอยู่ไม่น้อย
“สวัสดีค่ะคุณครูกุ้งขา” เขมิกายกมือเล็กกระพุ่มไหว้ก่อนที่จะเอ่ยลาคุณครูผู้ช่วย
“สวัสดีค่ะ เจอกันพรุ่งนี้นะคะน้องเข็ม”
ครูกุ้งยกมือรับไหว้ก่อนที่จะเอ่ยลาเด็กน้อยเช่นกัน สองแม่ลูกจูงมือกันเดินไปที่สนามฟุตบอลที่มีน้องเรียวกำลังเตะฟุตบอลอยู่กับเพื่อนๆ
“เห้ยไอ้เรียว คุณแม่กับน้องมารอแล้ว นู่นน่ะ”
วิน หรือเด็กชายธาวิน วัฒนมงคลพัฒน์ เพื่อนสนิทของเรียวเอ่ยขึ้นพร้อมกับชี้ให้เพื่อนรักมองไปที่สองสาวต่างวัยที่กำลังมองมาที่พวกเขาอยู่
“เออ ถ้างั้นกูกลับก่อน ขอตัวนะเพื่อนๆ”
เรียวตอบวิน ก่อนที่จะวิ่งออกจากสนามฟุตบอลตรงไปยังจุดที่มารดาและน้องสาวยืนรอเขาอยู่ วินมองตามเพื่อนรักไปก่อนที่สายตาคมของเด็กชายวัยแปดขวบจะจ้องมองไปยังใบหน้าสวยหวานของเด็กหญิงวัยห้าขวบก่อนที่เขาจะยิ้มบางๆ ออกมา เขาเอ็นดูน้องสาวไอ้เรียว
ห้างสรรพสินค้าเคน
ร่างบางของกาญจนาเดินจับจูงมือเล็กของบุตรสาวและบุตรชายคนละข้างเข้ามาภายในห้างสรรพสินค้าเคน ความสวยที่มีออร่าของเด็กหญิงตัวน้อยทำให้บรรดาลูกค้าภายในห้างอดที่จะทอดสายตามองไปยังร่างเล็กที่มีส่วนสูงไม่เกิน120เซนติเมตรนั้นไม่ได้ เด็กหญิงตัวน้อยส่งยิ้มหวานโชว์ฟันเรียงสวยให้คนที่มองมายังเธออย่างเป็นมิตร ทำให้ได้รับรอยยิ้มเอ็นดูตอบกลับมาเช่นกัน
“เด็กอะไรออร่าความสวยฉายมาตั้งแต่เด็กเลยแก” พนักงานในร้านแห่งหนึ่งในนั้นคุยกับเพื่อนข้างๆ
“นั่นสิ เกิดมาก็สวยเลย ต้องทำบุญด้วยอะไรกันนะ แต่เธอก็ดูเบ้าหน้าคุณแม่ของน้องเขาด้วย แต่ดูๆ จะสวยกว่าคุณแม่อีกนะน่ะ หรือว่าจะได้พ่อมากันนะ” พนักงานอีกคนแสดงความเห็นบ้าง
“ไปเป็นนักแสดงเด็กได้สบายเลย ไม่ก็ไปเดินแบบ ถ่ายแบบให้เสื้อผ้าเด็ก ฉันว่าน้องเค้าต้องดังแน่ๆ” พนักงานคนแรกแสดงความคิดเห็นอีกครั้ง
“เดี๋ยวเจอแมวมอง น้องเค้าก็ได้เป็นเองแหละ ถ้าน้องเป็นดาราฉันนี่แหละจะเป็นคนแรกที่เปิดบ้านแฟนเพจของน้องเขาเลย ดังแน่นอน” พนักงานคนที่สองบอกก่อนที่จะเดินกลับไปทำงานของตน เพื่อนสาวก็เดินกลับไปทำหน้าที่ของตนเช่นกัน เพราะร่างเล็กนั้นลับสายตาไปแล้วนั่นเอง
ร้านอาหารไทยในห้างเคน
“รับประทานอะไรกันดีคะเด็กๆ”
กาญจนาเอ่ยถามบุตรทั้งสองด้วยรอยยิ้มหลังจากที่ทั้งสามคนได้โต๊ะนั่งแล้วจึงเตรียมสั่งอาหาร พนักงานมองสามแม่ลูกอย่างยิ้มๆ โดยเฉพาะเด็กหญิงตัวน้อยที่มีความสวยติดตาเธอจริงๆ ถ้าบอกว่าเป็นดาราเด็กเธอก็เชื่อ
“ขอโทษนะคะคุณลูกค้า น้องนี่เป็นดาราเด็กใช่ไหมคะ” พนักงานรับออเดอร์ทำใจกล้าเอ่ยถามออกไป
“อ๋อ ไม่ใช่ค่ะ”
กาญจนาตอบด้วยรอยยิ้ม นี่ไม่ใช่คนแรกที่ถามเธอแบบนี้ หลายๆ คนที่พบเห็นต่างคิดว่าน้องเข็มบุตรสาวคนเล็กของเธอนั้นเป็นดาราเด็ก ส่วนเด็กหญิงคิดในใจ
‘อีกไม่นานก็ได้เป็นแล้วค่ะ’ เธอส่งยิ้มให้พี่คนรับออเดอร์คนสวย ก่อนที่จะตอบมารดา
“คุณแม่ขา น้องเข็มอยากทานข้าวผัดกุ้งกับส้มตำไทยค่ะ”
อาหารโปรดของเธอนั้นก็ยังคงเป็นอาหารที่เธอโปรดเมื่อชาติก่อน จนคนเป็นบิดาและมารดาอดที่จะคิดถึงซุปตาร์สาวผู้ล่วงลับซึ่งเป็นน้องสาวที่รักของพวกเขาไม่ได้
“เรียวอยากทานข้าวผัดสับปะรดกับต้มยำกุ้งน้ำใสครับ”
เด็กชายตอบมารดาบ้างหลังจากที่น้องสาวบอกเมนูกับมารดาเสร็จ
“ถ้าอย่างนั้นก็ข้าวผัดกุ้งหนึ่ง ส้มตำไทยหนึ่ง ข้าวผัดสับปะรดหนึ่ง ต้มยำกุ้งน้ำใสหนึ่ง ส่วนคุณแม่ขอเป็นแกงเขียวหวานกับข้าวสวยแล้วกันค่ะ” กาญจนาบอกรายการอาหารให้กับพนักงานรับออเดอร์ที่ยืนรอรับออเดอร์อยู่
“ค่ะ น้ำรับเป็นน้ำอะไรดีคะ” พนักงานรับออเดอร์เอ่ยถามอย่างสุภาพ
“ขอน้ำเปล่าสามแก้วกับน้ำส้มสามแก้วค่ะ”
กาญจนาเอ่ยขึ้นแบบไม่ต้องคิดทันที เด็กๆ มักจะทานน้ำผลไม้หลังมื้ออาหารเป็นประจำ พนักงานรับออเดอร์ทบทวนเมนูให้กาญจนาได้ฟังอีกครั้งก่อนที่จะเดินจากไป
รอเพียงไม่นานอาหารที่สั่งไปก็มาเสิร์ฟ เด็กๆ ต่างลงมือทานกันอย่างเอร็ดอร่อย กาญจนาสอนลูกๆ เสมอว่าให้ทานให้หมด อย่ากินทิ้งกินขว้างเพราะยังมีคนอีกมากที่เขาไม่ได้มีโอกาสมาทานอาหารดีๆ ในห้างแบบนี้ มื้ออาหารเต็มไปด้วยความสุข แม้มื้อนี้จะขาดผู้เป็นบิดาเนื่องจากติดประชุม แต่ก็ไม่ได้ทำให้เด็กๆ ทั้งสองรู้สึกน้อยใจเลย ด้วยเข้าใจในหน้าที่ของบิดาที่ต้องแบกรับหน้าที่ของครอบครัวมาตั้งแต่หนุ่มๆ