บทที่1.ความหลังมิอาจลืม

1516 คำ
บทที่1.ความหลังมิอาจลืม          “ตั้งแต่กลับจากเกาะชิชิลี แกเหม่อบ่อยไปนะยะยัยพราว”          ตันหยงเพื่อนสนิทในกลุ่มร้องทัก แววตาจับผิดจับอยู่ที่วงหน้าเพื่อนพราว ดีไซเนอร์สาวลูกครึ่งไทย-จีน ที่รักอิสระจนไม่ยอมเปิดใจให้เพศตรงข้าม          “บ้าสิ ฉันแค่กำลังคิดโปรเจ็กต์ใหม่ แกคิดว่าครั้งหน้า ฉันจะเอาอะไรไปเสนอ ‘ดีมอร์’ ดีล่ะ” เพื่อนพราวแก้ตัวเสียงเรียบ จริงอยู่ว่าหลังๆ มานี่จิตใจของเธอไม่อยู่กับเนื้อกับตัวสักเท่าไหร่ ทุกครั้งที่ว่างเธอมักจะเผลอคิดถึง ‘ใครคนหนึ่ง’ ใครคนนั้นที่มีประสบการณ์พิเศษต่อกัน และลืมไม่ลงสักที เขาเป็นความวาบหวามเดียวที่ติดค้างอยู่ในใจ แม้จะจากดินแดนต้องมนต์แห่งนั้นมานานหลายเดือนแล้วก็ตาม          เธอไปเที่ยวหลายที่ และหลงเสน่ห์ความโบราณ ดินแดนที่เต็มไปด้วยอารยธรรมเก่าแก่ นั่งชมแสงพระอาทิตย์ลับเหลี่ยมซากปรักหักพังของโคลอสเซียม สถานที่ที่ทิ้งอดีตไว้เบื้องหลัง แต่กลับมีผู้คนสนใจจำนวนมาก เป็นทั้งเรื่องเล่า เป็นทั้งตำนาน หรือไม่ก็เป็นนิยายปรัมปรา เพื่อนพราวไปก่อนกำหนด เธอใช้เวลาหลายวันตะเวณเที่ยวเกือบทุกที่ที่จดเอาไว้ ปลายทางของเธอคือเกาะชิชิลี ที่ตั้งของบริษัทดิมอร์ คู่ค้าที่สนใจผลงานของเธอ          “หิวยังหยง ไปกินข้าวกันเถอะ” เพื่อนพราวตัดบทสนทนาไม่ให้ยืดเยื้อ ตันหยงเป็นเพื่อนคนเดียวที่เธอไม่อยากให้รู้ความลับมากที่สุด ไม่ใช่เพราะตันหยงไว้ใจไม่ได้นะ แต่เพราะเพื่อนคนนี้เป็นคนเก็บความลับไม่เก่ง นิสัยที่มองโลกในแง่บวกไปหมด ทำให้บางครั้งก็กลายเป็นจุดอ่อน แต่เรื่องอื่นตันหยงใช้ได้ทีเดียวในฐานะเพื่อน          “ไปดิ มีร้านเปิดใหม่ด้วยนะ แต่แกคงไม่ชอบหรอก เพิ่งกลับมาเกาะชิชิลีนี่นา คงเอือมอาหารอิตาเลี่ยนไปอีกนาน”          เพื่อนพราวเลิกปลายคิ้วขึ้นสูง แหล่งชุมชนที่เต็มไปด้วยตึกสำนักงาน ราคาค่าเช่าค่อนข้างสูง และหากเป็นร้านอิตาเลี่ยนแท้ๆ ราคาอาหารก็พลอยสูงตามไปด้วย เธอกลัวว่าร้านจะอยู่ไม่ได้นาน เพราะหากอยากนึกกินขึ้นมา ร้านกลับปิดตัวไปแล้ว          “ช่วงนี้ขอรัดเข็มขัดก่อนดีกว่า ฉันค่อนข้างกรอบเพราะอิตาลีแกก็น่าจะรู้”          การไปท่องเที่ยวต่างแดนมีรายจ่ายไม่น้อย ถึงจะเก็บเงินไว้ล่วงหน้า แต่พอเอาเข้าจริงๆ เธอก็รูดบัตรเครดิตไปเยอะพอสมควร และรายจ่ายนั่นเธอไม่อยากบอกใครเลย มันเป็นความละอายส่วนตัว เธอตื่นขึ้นมาบนเตียงขนาดใหญ่ของโรงแรมระดับห้าดาว ที่ราคาห้องพักแพงจนขนลุก และเธอเป็นคนจ่ายค่าห้องเอง          หนุ่มปริศนาที่นอนกกกอดกันทั้งคืนหายหัวไปก่อนที่เธอจะลืมตา          มันเป็นความทรงจำที่ดี ผสมเรื่องที่ทำให้เสียเซลฟ์นิดหน่อย          หากไม่ต้องจ่ายสตางค์ค่าโรงแรมแห่งนั้น ความวาบหวามที่ได้รับมาก็เกินคุ้มนั่นแหละ          “แกไม่เห็นซื้ออะไรติดมือมาเป็นชิ้นเป็นอันเลย นอกจาก...” ตันหยงหลุบเปลือกตามองกำไลข้อมือที่เพื่อนพราวยืนยันว่าไม่ได้เผลอตัวซื้อมา มีใครบางคนให้เป็นของขวัญ และหากเป็นของจริงคงราคาไม่น้อยทีเดียว          แต่ทั้งเธอและเพื่อนพราวก็ยังไม่กล้าไปให้ร้านตีราคา          คงเพราะกลัวหน้าแตก คนแปลกหน้าที่ไหนจะใจป้ำให้ของขวัญมีราคาแพงขนาดนี้ กับผู้หญิงที่เพิ่งเจอหน้ากันไม่ทันครบสิบสองชั่วโมงเลย          “ของก็อปเกลื่อนไปหมด แกคิดว่าที่ฉันใส่อยู่นี่ของจริงมั้ย?” เพื่อนพราวเองก็ติดใจมาเกือบสามเดือนเต็ม          “นี่ยัยพราวกําไลตะปู cartier ราคาเต็มๆ มันเป็นแสนเลยนะ แล้วผู้ชายที่เพิ่งเจอแกจะใจป้ำขนาดนั้นมั้ย?” เพื่อนพราวยิ้มแหยๆ เธอใส่กำไลที่มีคนทักหลายคนว่า ‘คล้าย’ ของแท้ติดตัวมาตลอดสามเดือน จะตัดใจทิ้งก็ทิ้งไม่ลงสักที          “ไม่มีใครรอบตัวแกกับฉันยืนยันได้สักคนว่าที่ฉันสวมอยู่นี่คือของจริง” เพื่อนพราวอดบ่นไม่ได้ มือเธอหมุนกำไลไปมา ระหว่างนั้นก็นึกถึงคนให้ กับแววตาระยิบระยับของเขา          “คิดถึงไอ้หมอนั่นอีกแล้ว”          ทุกครั้งที่เพื่อนเหม่อ ตันหยงเริ่มแน่ใจช่วงหลังๆ เพื่อนพราวอาลัยอาวรณ์หนุ่มแลกหน้าคนนั้นไม่น้อย จนเธอร่ำๆ อยากคาดคั้นเหลือเกิน นอกจากดินเนอร์มื้อเย็นแล้ว มีอะไรเกินเลยมากกว่าที่เพื่อนพราวเล่าให้ฟังอีกไหมนะ?          “ไปเถอะหิวแล้ว” เพื่อนพราวกระชากตัวเองออกมาจากความทรงจำนั่น          เธอต้องเดินหน้าต่อ และลืมความรัญจวนนั่นให้ได้          แต่นั่นคือสิ่งที่เธอคิด ไม่มีสักวินาทีที่เธอจะลบความทรงจำนั่นได้เลย          ผู้ชายอิตาเลี่ยน โครงหน้าเข้ม สูง และใหญ่สมคำร่ำลือ ‘เดนิส ทารันโต’ ชื่อนี้เธอคงไม่สามารถลืมได้ตลอดชีวิต          “เห้อ!” เธอเผลอพ่นลมหายใจออกมา เพื่อระบายความอึดอัดในใจ          ทุกค่ำคืน ฝันหวานนั่น จะย้ำเตือนให้เธอจำ เสียงกระซิบแหบพร่าข้างหู กับกลิ่นน้ำหอมผสมเครื่องเทศที่ไม่เหมือนใครเลยสักคน มันมีความเร้ารึงแฝงอยู่ในกลิ่นเหล่านั้น และสะกดเธอไว้ใต้แววตาพริบพราว          “สักวันฉันจะเก็บเงินแล้วไปที่นั่นบ้าง” ระหว่างที่เพื่อนอยู่ในภวังค์ส่วนตัว ตันหยงก็พึมพำเบาๆ สักวันเธอต้องไปเหยียบดินแดนต้องมนต์นั่น และค้นหาให้เจอผู้ชายที่รั้งเธอเข้าไปหา ในเมื่อแถวนี้ ไม่มีผู้ชายคนไหนทำให้ตนเองสะดุดตาได้          “เนื้อคู่ฉัน น่าจะอยู่ที่อิตาลีเหมือนแกยัยพราว”          เพื่อนพราวเกือบหัวเราะกับท่าทางขึงขังของตันหยง ท่าทางแน่วแน่นั้นทำให้เธอคิดทบทวน หรือบางที ‘คนคนนั้น’ อาจจะเป็นเนื้อคู่ของเธอก็ได้ เพียงแต่ระยะทางระหว่างเธอกับเขาไกลกันเหลือเกิน บทที่2.พ่อค้าปลา          มันเป็นธุรกิจที่เดนีสลืมตาขึ้นมาก็รู้จัก ครอบครัวทารันโตอยู่ในวงการค้าอาหารทะเลมาเกือบร้อยปี นับตั้งแต่รุ่นปู่ ตกทอดมาถึงบิดา และกำลังจะถ่ายเทมาที่ตนเอง ธุรกิจที่มีการแข่งขันสูง แถมมีแต่อำนาจสีเทาวนเวียนอยู่รอบตัว เดนีสเลยค่อนข้างแกร่ง เขาไม่กลัวมาเฟียหลายกลุ่มที่พยายามเข้ามาแทรกแซง เพื่อใช้ธุรกิจของเขา อำพรางสิ่งผิดกฎหมายพวกนั้น          “คุณเดนีสครับ คนของกาเซียโน่ขอคุยด้วยครับ”          กาเซียโน่คือกลุ่มคนที่ทรงอิทธิพลที่สุดในตอนนี้ ความพยายามหลายร้อยหนนั่นทำให้เดนีลเริ่มระอา เขาถูกกดดันจากกลุ่มอิทธิพลหลายกลุ่ม ไม่ว่าจะพ่อค้ายาเสพติด หรือพ่อค้าน้ำมันเถื่อน หรือไม่ก็โจรสลัดในคราบข้าราชการ ทุกครั้งเด  นีสผ่านมาได้ มีเพียงลอแลนโซ่คนเดียวที่ไม่ยอมตัดใจ พยายามขอพบเพื่อเจรจานับครั้งไม่ถ้วน          “ไอ้พวกนี้ พูดไม่รู้เรื่อง!” เดนีสพึมพำบ่น          เขาอยากเป็นแค่คนธรรมดาที่ทำมาหากินเลี้ยงชีพ คนพวกนี้ชอบเอาคุก เอาตะรางมาโยนให้ เขาไม่เคยตาโตกับค่าตอบแทนจำนวนมหาศาลเหล่านั้นเลย เพราะหากถลำเข้าไป เส้นทางนี้คงยิ่งเต็มไปด้วยอันตราย          “คุณลอแลนมาเองเลยนะครับ”          “ไปบอกเขา รออีกสักสามสิบนาที ฉันต้องเคลียร์ออร์เดอร์ชุดใหม่ให้เสร็จก่อน” เดนีสตอบแบบไม่ได้เงยหน้ามอง          “คุณจะเสียเวลาเป็นวันๆ เพื่อกำไรแค่นิดหน่อยทำไมครับ หากร่วมมือกับผม กำไรครั้งเดียว เท่ากับคุณส่งปลาทั้งปีเชียวนะ” เสียงคุ้นเคยกับการเสียมารยาทของคนที่มาใหม่ เดนีสสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ เขาข่มอารมณ์เดือดปุดๆ เก็บไว้ที่เดิม          “ลอแลน ผมตอบตอนนี้ได้เลยนะ ผมไม่สนใจงานสีเทาพวกนั้นเลย”          “คิดดีๆ ก่อนตอบก็ได้นะเดนีส ผมหวังดีกับคุณและครอบครัวจริงๆ” ลอแลนโซ่ย้ำ พร้อมกับแสยะยิ้มเบาๆ          “ถือว่าผมยังเห็นคุณเป็นเพื่อนนะ เลยจะไม่ใช้คำพูดรุนแรง”          การที่เดนีสและทารันโตยังไม่ถูกทำลายนั้น เพราะช่วงวัยหนุ่มเดนีสใช้ชีวิตคุ้มค่า เขาเป็นนักสู้ที่เคยปะทะกับกลุ่มอิทธิพลใหญ่ๆ ของอิตาลีมาเกือบทุกกลุ่ม เขามีฝีมือพอตัว ปราบความยโสของมาเฟียรุ่นหลานมาหลายคน รวมทั้งลอแลนโซ่ด้วย          “ถ้าคิดว่าผมเป็นเพื่อน คุณก็ควรรับข้อเสนอของผมสิ”          เดนีสขมวดคิ้มมองหน้าเพื่อนที่เคยสนิท “จู่ๆ จะเอาคุกเอาตะรางมาให้ นี่แน่ใจนะว่าหวังดีกันจริงๆ”          ลอแลนโซ่เงยหน้าหัวเราะ “เคยเห็นผมถูกจับมั้ยละ?”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม