ส่วนพอลรภีก็อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้เมื่อท่าทีบึ้งตึงของเธอดันดูน่ารักในสายตาเขาเสียอย่างนั้น ก่อนจะเดินตามเธอมา หลังจากนั้นเขาก็ขับรถพาเธอออกมาจอดอยู่บนถนนที่ค่อนข้างโล่งไร้รถขับผ่านไปมาแล้วหยิบซองเอกสารสีน้ำตาลขึ้นมายื่นให้เธอ
“อะไร...” ปั้นหยาถามขึ้นอย่างสงสัยก่อนจะเปิดมันออกดู
“เป็นผลการตรวจเลือดของผมในวันที่เรานอนด้วยกัน...ผลมันออกมาว่าผมได้รับย****์เข้าไป...”
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉัน...เฮ้ย! ฉันไม่ได้เล่นยานะลุง!” หญิงสาวถึงกับตกใจเมื่อเข้าใจว่าเขาคิดว่าเธอเสพยาพวกนั้น
“ไหนคืนนั้นลุงบอกไม่ได้ดื่ม หรือลุงไปดื่มที่ไหนมาก่อนรึเปล่า”
“ไม่...เพื่อนผมที่ไปวันนั้นเป็นหมอ ไม่เล่นยาพวกนี้หรอก...เค้กนั่นผสมยาไอซ์...”
“ห๊ะ! ปะ...เป็นไปไม่ได้...”
เธอรีบบอกออกมา ก่อนจะนึกไปถึงคำพูดเรื่องของขวัญจากเพื่อนของเธอ พลันเธอก็คิดขึ้นได้ว่าคงเป็นย****์ในเค้กอย่างแน่นอน
“ฉัน...ฉันขอโทษ...ฉันไม่คิดว่าพวกนั้นจะทำ...”
“หึ! ทีนี้ก็รู้แล้วใช่ไหมว่าผมไม่ได้เมา...แล้วเรื่องที่เกิดขึ้นก็เพราะย***าๆนั่น”
พอลรภีบอกออกมา ครั้งแรกที่เขาเห็นผลตรวจเลือดเขาก็ตกใจมากพยายามคิดว่าเขาไปกินยาพวกนั้นตอนไหน จนคิดไปถึงเค้กแสนอร่อยเขาจึงรู้ทันทีว่าเขาได้ยามาจากในเค้กนั่น
“แล้ว...ลุงจะเอาเรื่อง...ไหม...” ปั้นหยาถามออกมาอย่างรู้สึกผิด
ส่วนพอลรภีอันที่จริงเขาก็ไม่ได้มาเพื่อเอาเรื่องหรือคิดโทษโกรธพวกเพื่อนของเธอหรอก เขาแค่มาเช็กว่าเธอยังสบายดีอยู่รึเปล่า เพราะติดต่อเธอก็ไม่ได้ แต่พอมาเห็นว่าเธอยังปกติดีเขาก็หมดห่วง
“แล้วถ้าผมเอาเรื่อง...” เขาแกล้งถามออกมา
“อย่านะ! เอ่อ พวกเรายังเรียนอยู่เลย...ถ้าเกิดถูกจับ มีหวังหมดอนาคตแน่...”
“หึหึหึ ตอนทำไม่คิด...แล้วถ้าเกิดว่าคืนนั้นคุณเจอผู้ชายเลวๆที่ไม่ใช่ผม จะเกิดอะไรขึ้น” พอลรภีถามออกมาด้วยสีหน้าจริงจัง
“..............” เธอได้แต่เงียบ เพราะที่เขาพูดมามันก็ถูก
“แล้วอายุแค่ 18 พากันแอบเข้าผับ ถ้าถูกจับได้ก็หมดอนาคตเหมือนกันทำไมถึงกล้า...”
“ไม่มีทางหรอก เราจ่ายให้เจ้าของผับไปตั้ง...เอ่อ...”
“ยังไม่สำนึก ถ้าเกิดมันผิดพลาดแล้วถูกจับคิดว่าเจ้าของผับจะช่วยได้เหรอ เฮ้อ...หน้าตาก็ดี ฐานะก็คงไม่ใช่กระจอก แล้วทำไมถึงทำตัวเหลวแหลกอย่างนั้นล่ะ ดูไปคุณก็แทบไม่เคย...เอ่อ นอนกับผู้ชาย...แล้ว...พ่อแม่ของคุณล่ะ ไม่รู้รึไง...”
“ถ้าจะพูดถึงพ่อกับแม่ฉันก็หยุดเถอะ...” เขายังพูดไม่ทันจบเธอก็ขัดขึ้นก่อน
และนั่นก็ทำให้พอลรภีนึกไปถึงคืนนั้น ในคืนวันเกิดที่เธอนอนร้องไห้อยู่ข้างๆเขา หรือว่าที่ร้องไห้ก็เพราะเรื่องครอบครัว ทั้งๆที่เป็นวันเกิดกลับต้องอยู่กับพวกเพื่อนๆแทนที่จะเป็นครอบครัวของเธอ
“ผมขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจ” เขาบอกออกมา
“อืม...ไม่เป็นไรหรอก แล้วคุณมีเรื่องอะไรอีกไหม ถ้าไม่...” ยังพูดไม่จบเขาก็แย่งพูดเสียก่อน
“มี เอ่อ ผมหิว ไปกินข้าวเป็นเพื่อนหน่อย”
“ห๊ะ! แต่ฉัน...”
บรื๊น!!!
“นี่ลุง!” ปั้นหยาที่กำลังจะปฏิเสธถึงกับตกใจเมื่อเขาออกรถโดยไม่ฟังที่เธอบอกเลยสักนิดจนหญิงสาวตกใจหันมามองค้อนเขาวงใหญ่
ส่วนพอลรภีก็ได้แต่ยิ้มมุมปากเพราะดันสังเกตเห็นความเหงาฉายชัดออกมาในแววตากลมโตคู่นั้นของเธอ ปั้นหยาแทบจะเรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบ แต่นั้นก็แค่ภายนอกเมื่อภายในดูบอบช้ำและน่าสงสารจนเขาอดรู้สึกอ่อนไหวไม่ได้
ติ๊ด!
‘ลืมบอก...ฉันลืมกินยาคุมเม็ดที่สอง’
“เฮ้ย! ทำไมพึ่งมาบอกตอนนี้!”
หลังจากที่พาเธอไปกินข้าวแล้วพาไปส่งที่บ้าน พอลรภีจึงกลับมาทำงานแต่ยังไม่ทันที่จะได้นั่ง ข้อความจากปั้นหยาก็ส่งเข้ามา พอเปิดอ่านพอลรภีถึงกับตกใจก่อนจะรีบกดโทรออกไปหาเธอ
“อยู่ไหน” เขาถามขึ้นทันทีที่เธอรับสาย
“บ้าน” ปั้นหยาตอบกลับมา
“แต่งตัวเดี๋ยวไปรับ”
“อืม...”
พูดจบเขาก็วิ่งออกจากห้องทำงานไปทันทีโดยลืมคิดเรื่องงานไปเสียสนิทเมื่อตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดก็คือเรื่องยาคุมที่เธอลืมกินมันเข้าไป พอลรภีไปรับปั้นหยาเพื่อมาคุยกันที่คอนโดของเธอทั้งๆที่เขาพึ่งไปส่งเธอเมื่อ 2 ชั่วโมงก่อนหลังจากทานข้าวเสร็จแท้ๆ
ปัง... ประตูคอนโดถูกปิดเสียงดังสนั่น
“ผมบอกแล้วว่าอย่าลืมๆ เรื่องแค่นี้ทำไมถึงลืมได้!” พอมาถึงคอนโดของเธอพอลรภีก็เปิดประเด็นขึ้นมาทันที
“ก็...ลืมไว้ที่นี่...” ไม่พูดเปล่าแต่เธอยังชี้ไปที่กล่องยาคุมที่เธอลืมมันเอาไว้ที่นี่
“คุณนี่มัน...” เขาถึงกับพูดไม่ออกได้แต่กรอกตาขึ้นไปมา
ส่วนปั้นหยากลับไม่ได้มีท่าทีเดือดเนื้อร้อนใจเลยสักนิด เมื่อตลอดหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาเธอเอาแต่คิดเรื่องระหว่างเขากับเธอ ทุกอย่างมันเหมือนจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญแต่เธอกลับรู้สึกว่าเธอชอบเขาขึ้นมาจริงๆเสียแล้ว และอีกอย่างเธอก็ไม่ได้อยากเสียตัวให้กับผู้ชายหลายคนด้วย มันอาจจะดีถ้าเธอได้เขามาเป็นคู่ชีวิตตั้งแต่ตอนนี้เลย
“แล้วถ้าเกิดท้องขึ้นมา...” พอลรภีที่เริ่มคิดหนักพูดขึ้น
“ลุงก็แต่งงานกับฉันสิ ไม่เห็นจะยาก” เธอบอกออกมาอย่างไม่ใส่ใจ
“เฮ้ย! คุณอายุแค่สิบแปด มันจะเป็นไปได้ไง” ถึงปากจะบอกว่าเป็นไปไม่ได้แต่ในใจกลับเริ่มลังเล
“ทำไมจะไม่ได้ แค่มีเมียเด็ก ฉันสิลำบาก...มีผัวแก่...”
“นี่คุณ! แก่แล้วไง แก่ก็ทำให้คุณครางได้ทั้งคืนแล้วกัน” พอถูกดูถูกว่าแก่พอลรภีถึงกับอารมณ์ขึ้น
“ชิส์! ลุงร้องดังกว่าฉันอีก” และที่ปั้นหยาพูดมาก็ไม่ได้เกินจริงเลยเพราะคืนนั้นเขาแทบควบคุมตัวเองไม่อยู่
“เด็กนี่!...ใช่เวลามาล้อเล่นไหม” เสียงที่เริ่มไม่แน่ใจว่าออกมาเสียงแผ่ว
“ฉันไม่ได้ล้อเล่น มาเป็นแฟนกันไหม” แต่ปั้นหยากลับยืนยันออกมาสีหน้าจริงจังจนพอลรภีถึงกับนิ่งเงียบมองจ้องเธอนิ่ง
“...............”
“ฉันพูดจริงนะลุง...มีแฟนเด็กไม่ดีเหรอ ฉันสวยนะ...รวยมากด้วย”
“เด็กบ้า...ใครสนใจกันล่ะ...พูดแล้วเปลี่ยนใจทีหลังไม่ได้นะ”
หมับ! จุ๊บ...
พอลรภีลุกเดินเข้ามาใกล้พร้อมกับดึงร่างเล็กที่นั่งอยู่ขึ้นมาจูบอย่างรวดเร็วจนปั้นหยาตกใจเมื่อไม่ทันได้ระวังตัว
“ลุง อื้อ...” เสียงหวานเล็ดลอดออกมาแต่แค่เพียงเท่านั้นเมื่อเขาแทบไม่เว้นระยะว่างให้หายใจหายคอเลยสักนิด
“อื้ม...อื้อ...” เสียงทุ้มครางออกมาอย่างพึงพอใจ
จุ๊บๆๆ จ๊วบๆๆ
พอลรภีที่อดทนมาร่วมอาทิตย์รุกจูบปั้นหยาอย่างหนักหน่วง เมื่อเอาแต่นึกถึงเธอแทบจะตลอดเวลา เขาพยายามปฏิเสธใจตัวเองด้วยเหตุผลว่าเธอยังเด็กเกินไปสำหรับเขา และเธอเองก็คงไม่ยอมแน่นอนถ้าเขาอยากจะขอเธอเป็นแฟน แต่ใครจะไปรู้ว่าเธอเองก็คิดเหมือนกันกับที่เขาคิด
ชายหนุ่มสะบัดความรู้สึกผิดชอบชั่วดีต่างๆนานาทิ้งไปจนหมดแล้วมาสนใจร่างเล็กตรงหน้าที่กำลังอ่อนระทวยอยู่ในอ้อมกอดของเขาอยู่ในตอนนี้
จุ๊บ! จุ๊บ!...
เขาเฝ้าจูบลงมาตามร่างสาวก่อนจะอุ้มเธอขึ้นแล้วพาเดินตรงไปที่เตียงใหญ่ ซึ่งมันกำลังจะกลายเป็นสนามรักของเขาและเธอ
ตุ๊บ!
เขาวางเธอลงบนเตียง
พรึ่บ! พรึ่บ! พรึ่บ! พรึ่บ! พรึ่บ!
แล้วตามมาด้วยการถอดเสื้อผ้าที่ใส่อยู่ทั้งของเขาและเธอออกอย่างรวดเร็ว
“ครั้งนี้มันจะไม่เจ็บแน่นอน...” เขากระซิบบอก
“ไม่มีถุง...” ปั้นหยาบอกขึ้นอย่างอายๆ
“ช่างมัน...”
พอลรภีไม่สนใจอะไรอีกแล้ว เขาเอื้อมมือลงไปกำรูดท่อนเอ็นของตนเองก่อนจะจ่อลงไปที่โพรงสวาทสาว
สวบ!!
“อ๊ะ! อ๊าาา”
แล้วเขาก็สอดใส่เข้าไปรวดเดียวจนมิดลำเอ็นยาว ซึ่งครั้งนี้มันต่างจากครั้งก่อนอย่างสิ้นเชิงเมื่อไม่มีอะไรมาขวางกั้นเขาได้อีก
“เจ็บอยู่ไหม...” เขาก้มลงมากระซิบถาม
“เจ็บ...นิดหน่อย...”
ปั้นหยาบอกออกมาด้วยหน้าแดงก่ำ ตอนนี้เธอไม่ได้เจ็บเหมือนครั้งก่อนเมื่อมันถูกเติมเต็มไปด้วยความซ่านเสียว หญิงสาวเอื้อมมือไปจับแขนของเขาเอาไว้แน่น
ปึก!
“อื้อ!...ละ...ลึกไป อ๊ะ ละ..ลุง อื๊อ...” ปั้นหยารีบดันให้เขาหยุดกระแทกเข้าใส่เธอ
ปึก! ปึก! ปึก! ปึก! ปึก!
แต่พอลรภีไม่หยุดเมื่อเขากำลังเสียวซ่านจากการดูดรัดเอ็นใหญ่ของร่องสาวแถมเร่งสะโพกกระแทกสอดใส่หนักหน่วงจนปั้นหยาต้องงอตัวหนี
“ละ...ลุง เจ็บ อ๊ะ จุก อึก ลุง ฉันจุก”
“อ๊า!”
พอลรภีได้แต่ส่งเสียงครางออกมา เมื่อเขารู้ดีว่าเธอเจ็บกับขนาดของเขาก่อนที่จะจับให้ปั้นหยาขึ้นมานั่งทาบทับบนลำกายของเขาแทน
“ดีกว่าเดิมไหม..” เขาเงยหน้าเหยเกขึ้นถาม
“อ๊ะ!!! เจ็บ อื้อ มะ..มันเจ็บ อื้อ เจ็บกว่าเดิม อ๊ะ! ลุง!!!” ปั้นหยาถึงกับต้องร้องเสียงหลง
ปึก!
พั่บ! พั่บ! พั่บ! พั่บ! พั่บ! พั่บ! พั่บ!
“อ๊ะ!...อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ...”
เมื่อพอเธอบอกว่ายังเจ็บเขาก็ไม่สนใจอะไรอีก พอลรภีจับให้เธอลอยขึ้นก่อนจะเป็นคนขยับสวนแทงขึ้นมาจนปั้นหยาถึงกับอ้าปากค้างด้วยความเจ็บจุก
“อ๊า จะเสร็จแล้ว อีกนิด อึก อีก...” เสียงกระเส่าบอกขึ้นพร้อมกับเร่งแรงกระแทกหนักหน่วงเข้าใส่
“เร็ว อ๊ะ เจ็บ ฉัน เจ็บ อึก อื้อ...” ปั้นหยาที่เริ่มทนเจ็บไม่ไหวพยายามบอกเขาแต่พอลรภีที่มาไกลเกินกว่าจะหยุดยังคงขยับต่อ
พั่บ!พั่บ!พั่บ!พั่บ!พั่บ!พั่บ!พั่บ!
“อ๊ะ! อ๊าาาาาาา...” จนกระทั่งสุดท้ายปั้นหยาก็ปลดปล่อยออกมา
พั่บ!...พั่บ!...พั่บ!...
“อ๊าาาาาาาา” พอลรภีขยับหนักหน่วงอีกไม่กี่ทีก็ตามเธอมาติดๆ
และพอเสร็จสมเขาก็ค่อยๆวางเธอลงนอนข้างกายเมื่อปั้นหยาเองก็หมดเรี่ยวแรงอ่อนปวกเปียกไปหมดทั้งร่าง
“ลุงบ้า...ท้องขึ้นมาจะทำยังไง ยังเรียนไม่จบเลยนะ...” ปั้นหยาอดกังวลไม่ได้
“ก็...คงไม่ติดง่ายขนาดนั้นหรอก...หรือถ้าติดก็ไม่ต้องเรียน...” เขาบอกขึ้นอย่างไม่สนใจ เมื่อเขาสามารถรับผิดชอบทั้งเธอและลูกได้สบาย
“บ้า...ไปซื้อยามาเลย” คนที่ยังกังวลบอกขึ้นมาอีก
“ไม่...กินเยอะไม่ดีหรอก” เขาบอกออกมาพร้อมกับรวบร่างเล็กเข้ามากอด
“ผมแก่เกินไปไหม”
“หืม? ก็ไม่นะ ลุงอายุเท่าไหร่”
“เลิกเรียกลุงก่อน ยิ่งเรียกเหมือนยิ่งแก่...34...” พอบอกไปเขาก็รอคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ
“อืม...ก็แก่อยู่นะ...แต่ไม่เป็นไรหรอก ลุงยังหล่ออยู่เลย”
จากที่กำลังคิดว่าจะโกรธที่เธอดันยอมรับว่าเขาแก่แต่ยังดีเธอบอกว่าเขาหล่อด้วยพอลรภีเลยหันไปมองจ้องหน้าของเธอ
“อีกได้ไหม...”
“หือ? อะไรอีก...”
“อีกรอบนะ...”
“ไม่! ถอยไปห่างๆเลย เจ็บอยู่ อ๊าย! ลุงงงงงง”
และนั่นก็เป็นเสียงห้ามสุดท้ายของปั้นหยาเมื่อหลังจากนั้นก็มีแต่เสียงครวญครางสลับกันไปมา เพราะความสดใหม่บวกกับความต้องการอันมากมายทำให้พอลรภีตักตวงเอาจากเธอครั้งแล้วครั้งเล่า
“มันเป็นใคร หาข้อมูลมาให้หมด!”
“ครับ...”
คุณปราปต์มองรูปบนโทรศัพท์เครื่องเล็กที่พึ่งถูกส่งมาด้วยความโมโห กรามกัดเข้าหากันแน่น มือใหญ่กดมันจนแทบบิดเบี้ยวเมื่อรูปบนหน้าจอกำลังบอกว่าลูกสาวคนเดียวของเขาเดินหายเข้าไปในคอนโดพร้อมกับผู้ชายที่เขาไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน และดูยังไงก็ไม่ใช่เพื่อนรุ่นเดียวกับลูกสาวของเขาอย่างแน่นอน
“เดี๋ยวก่อน...ฉันว่าแกไปที่นั่นดีกว่า...ไปดูแลลูกสาวฉัน ถ้าทุกอย่างเรียบร้อยเดี๋ยวฉันตามไป” และก่อนที่ อาคม ลูกน้องคนสนิทของเขาจะเดินออกไป เขาก็เปลี่ยนใจ เพราะถ้าเกิดผู้ชายในรูปเป็นพวกที่ไม่หวังดีหรือฝั่งศัตรูลูกสาวของเขาคงตกอยู่ในอันตราย
“แต่...ผมไม่อยากให้นายอยู่ที่นี่ลำพัง” ลูกน้องคนสนิทของปราปต์บอกขึ้นอย่างไม่เห็นด้วย
“ปั้นหยาคืออนาคตของแก กลับไปปกป้องลูกสาวฉันให้ดี” สั่งเสร็จคุณปราปต์ก็เดินออกจากห้องไปทันทีโดยไม่สนใจสีหน้าเป็นกังวลของลูกน้องคนสนิทเลยสักนิด
ปิ๊บ ปิ๊บ...
“ว่าไง...” พอเดินออกมาเสียงโทรศัพท์ในมือก็ดังขึ้น
“เอ่อ นายครับ นายหญิงบินกลับไทย...” เสียงรายงานกล้าๆกลัวๆบอกขึ้น เพราะโทรไปหาอาคมแต่กลับไม่รับสายเลยโทรสายตรงมาหาคุณปราปต์แทน
“แกว่ายังไงนะ!” คุณปราปต์ที่พูดขึ้นเสียงดัง เรื่องลูกยังไม่ได้จัดการเรื่องเมียก็เข้ามาอีกคน
“พอดีพวกผมมัวแต่ดูแลสวน...เลยไม่รู้ว่านายหญิงบินกลับไทยพร้อมเพื่อน...” เสียงคนปลายสายแผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยิน เพราะมัวแต่แต่งสวนตามแบบที่คุณมารีสั่งจนนายหญิงหายไปโดยที่พวกตนไม่รู้ตัว มารู้อีกทีก็ตอนที่ขึ้นเครื่องไปเรียบร้อยแล้ว
“เวรเอ้ย!!! เผาสวนทิ้งให้หมด! ไอ้พวกเวร ฉันให้แกไปเฝ้าเมียฉันไม่ได้ให้ไปทำสวน!!”
แกร็ก!! ตุ๊บ! คุณปราปต์ตะคอกตามสายเสียงดังก่อนจะโยนโทรศัพท์เครื่องบางทิ้งจนมันแตกกระจาย เมื่องานที่นี่ก็ยังไม่เสร็จ จะบินกลับไทยก็ทำไม่ได้อีก